กรณีตำรวจไซเบอร์ติดตามล่าตัว น.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาหมายจับที่ 638/64 วันที่ 24 ก.ย.2564 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ในคดีฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ขบวนการหลอกขายไอโฟนผ่านอินสตราแกรม ทำให้น้องก้อง อายุ 14 ปี ที่ถูกหลอกและเครียดหนัก เพราะไม่ได้สินค้าตามที่จ่ายเงินไป จนทำให้เส้นเลือดในสมองแตกและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ก.ย.64 ที่ผ่านมา
ล่าสุดช่วงเช้าวันที่ 28 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า น.ส.พิยดา ได้เดินทางเข้ามอบตัวพร้อมทนายกับพล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำ พร้อมประสานตำรวจไซเบอร์มาสอบสวนดำเนินคดีเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ประชาชนให้การสนใจ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาเดินทางมาที่ตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อสอบสวนขยายผล ก่อนที่จะนำตัวส่ง สภ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นท้องที่ที่เกิดเหตุเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม และหากครบกำหนด จะมีการส่งไปฝากขังยังศาลจังหวัดเชียงใหม่
โดยระหว่างที่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาไปยัง สภ.นาหวาย นั้น น.ส.พิยดา ไม่ได้มีสีหน้าเครียดหรือกังวลอะไร และเมื่อสื่อมวลชนพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าอยากพูดอะไรกับครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ เจ้าตัวก็เงียบ ไม่มีการกล่าวขอโทษ และไม่ชี้แจงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูญเสียครั้งนี้หรือไม่
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว น.ส.พิยดา มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.นาหวาย ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. กระทั่งเวลา 19.00 น. พ่อแม่ของผู้ต้องหา 2 คนที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ น.ส.นฤมล ชำนาญ และน.ส.สายน้ำผึ้ง ชนะมาร เดินทางมายังโรงพัก เพื่อเข้าไปหาน.ส.พิยดา ด้านในห้องสอบสวน แต่ตำรวจไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปด้านใน
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็นำข้าวไปให้ น.ส.พิยดา ในช่วงที่มีการพักระหว่างการสอบสวน โดยมีพ่อแม่คอยนั่งอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง พร้อมกับคอยปลอบและใช้มือลูบหลังตลอดเวลา หลังจากนั้นเวลาประมาณ 19.23 น. ทนายส่วนตัวของ “น.ส.พิยดา” ได้ออกมจากห้องสอบสวน ทีมข่าวจึงพยายามสอบถามถึงความคืบหน้า
ทนายความ กล่าวว่า ตอนนี้ผู้ต้องหาเครียด เนื่องจากมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ในข้อหา พ.ร.บ.ฟอกเงิน เขาจึงรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง กินข้าวไม่ค่อยได้ จึงต้องให้กำลังใจอยู่เรื่อย ๆ ส่วนเรื่องของการยื่นประกันตัว ในวันนี้ยังไม่มีการยื่นประกันตัว เป็นเพียงการรับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมด เนื่องจากตนจะต้องกลับไปรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเตรียมยื่นประกันตัวในชั้นศาลอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.64) เวลาประมาณ 09.00 น. นอกจากนี้ ประเด็นของน้องก้อง เบื้องต้นตนยังไม่มีโอกาสได้คุยกับผู้ต้องหา แต่กับ 2 สาวที่ถูกจับก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาก็ยืนยันว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต
น.ส.พิยดา กล่าวยอมรับว่า ตนเคยขายของออนไลน์มาก่อน แต่เรื่องอื่น ๆ ไม่ขอพูดอะไรในตอนนี้
เมื่อทีมข่าวสอบถามว่ารู้จักกับ 2 สาว น.ส.นฤมล ชำนาญ และน.ส.สายน้ำผึ้ง ชนะมาร ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมใน 2 ข้อหา คือ 1.ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ 2.ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ นำข้อมูลบิดเบือนหรือปลอมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไปก่อนหน้านี้หรือไม่ น.ส.พิยดา กลับไม่ตอบอะไร แต่รู้สึกเสียใจที่ทั้ง 2 คนซัดทอดมาถึงตนจนถูกดำเนินคดีเช่นนี้
พ.ต.ท.ไกรศรี จุลฬรรค์ รองผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ กล่าวว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ทัน ก็คงเข้าสู่กระบวนการสอบสวนของสภ.นาหวาย ที่จะสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ส่วนในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
หลังจากนั้น พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 ได้ชี้แจ้งผลการสอบปากคำในชั้นจับกุมว่า เบื้องต้น น.ส.พิยดา ผู้ต้องหา ได้ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เพื่อให้ทางทนายเตรียมเอกสารประกอบคำชี้แจง แต่ยอมรับว่าเป็นแม่ค้าออนไลน์จริง และไม่ได้ขายโทรศัพท์ นอกจากนี้ พบประวัติเคยถูกจับกุมโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษมาแล้ว 1 ครั้ง ในช่วงวัยเด็ก แต่ตอนนั้นเป็นแค่คนกลางที่รับเงินจากลูกค้า แล้วร้านต้นทางไม่ส่งของให้ลูกค้า จึงถูกดำเนินคดีในชั้นศาลเยาวชน
ส่วนประเด็นที่ว่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา 2 คนก่อนหน้านี้หรือไม่ น.ส.พิยดา ยืนยันว่าไม่รู้จัก แต่ความจริงแล้วการกระทำผิดร่วมกัน บางกรณีก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันก็ได้ อาจจะเป็นลักษณะของการแบ่งหน้าที่กันทำ ดังนั้น หลังจากนี้จึงต้องส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย เพื่อสอบปากคำต่อไป
ประเด็นที่ทนายของผู้ต้องหา ได้แสดงความประสงค์ที่จะยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวนั้น ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาที่สามารถทำได้ แต่ก็ต้องเป็นไปตามการพิจารณาของ ผกก.สภ.นาหวาย หรือหากถูกส่งตัวเข้ากระบวนการชั้นศาล ก็ต้องให้ศาลพิจารณาอีกครั้ง เพราะจากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหา กระทำความผิด 3-4 คดีในลักษณะเดียวกัน และบางคดีอยู่ระหว่างการออกหมายจับไปแล้ว
หลังจากนี้หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีหมายจับของ น.ส.พิยดา ในโรงพักอื่น ๆ จ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์อาจจะต้องอายัดตัวผู้ต้องหาไว้เพื่อดำเนินคดีให้ครบถ้วน ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสืบสวนสอบสวนพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อขยายผลหาผู้เกี่ยวข้องที่กระทำความผิดในคดีนี้ด้วย ส่วนเรื่องทรัพย์สินของผู้ต้องหานั้น จะต้องให้ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดมูลฐาน ซึ่งสามารถตรวจสอบและยึดทรัพย์ การสืบสวนคดีนี้ไม่ได้มีความกังวลใด ๆ เนื่องจากพยานหลักฐานที่ใช้ออกหมายจับในคดีของน้องก้อง มีความชัดเจนเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้" พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าว
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านของแฟนหนุ่ม น.ส.พิยดา พบกับนายซี (นามสมมติ) พ่อของฝ่ายชาย ซึ่งปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แจ้งเพียงว่า “วันนี้ให้สัมภาษณ์ไปกับทีวีช่องหนึ่งแล้ว สัมภาษณ์กว่า 1 ชม. และภรรยาเคยให้สัมภาษณ์ช่องอมรินทร์ ทีวี แล้ว วันนี้รู้สึกเหนื่อยที่จะพูดอะไรหลายรอบ รู้แล้วว่าเขามอบตัวแล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมาย” อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ไปยังบ้านของพ่อแฟนหนุ่ม น.ส.พิยดา ผู้ต้องหา ทีมข่าวพบรถยนต์จอดอยู่ที่หน้าบ้านจำนวน 3 คัน เป็นรถเก๋ง 1 คัน รถเบนซ์ 1 คัน และ BMW อีก 1 คัน
นางรัตน์ (นามสมมติ) แม่ของแฟนผู้ต้องหา กล่าวว่า ในวันที่ตำรวจมาค้นบ้านตนตกใจ เพราะขายของที่ตลาด จากนั้นลูกชายโทรศัพท์มาแจ้งว่าตำรวจมาที่บ้าน ตนจึงรีบมาที่บ้าน เพราะเป็นห่วงลูก โทรศัพท์บอกลูกสาวคนโตให้มาดู โดยที่ตนไม่ทราบว่าเป็นตำรวจชุดใด คิดว่าเป็นตำรวจชุด ปปง. ที่ก่อนหน้านี้ น.ส.พิยดา เคยถูกคดีฉ้อโกงมาแล้ว เมื่อปี 2562 เพราะก่อนหน้านี้พ่อของน.ส.พิยดา ก็เคยบอกว่าถูกตำรวจ ปปง. ตามแกล้ง ไม่ยอมปิดคดีให้
เมื่อตนมาถึงบ้าน ยอมรับว่าโมโหตำรวจ เพราะกลัวว่าจะมากลั่นแกล้งอะไรที่บ้านหรือไม่ ของแบรนด์เนมที่มีการยึดไปนั้น น.ส.พิยดา ได้นำมาฝากเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาตรวจค้น อ้างว่าตำรวจคดีเก่าจะมาแกล้งแล้วยึดของไปอีก ตนจึงไม่ได้สงสัยอะไร เพราะน.ส.พิยดา จะบอกกับตนเสมอว่า "หนูมีรายได้จากการขายเสื้อผ้าออนไลน์ จ้างคนแพ็กของ จึงไม่ค่อยได้ยุ่ง"
โดยก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2562 ตนเคยอยู่ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง ย่านจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งตัวของน.ส.พิยดา เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก เข้ามาตรวจค้นที่บ้าน ทำให้ตนอับอายเพราะถูกชาวบ้านนินทา จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ไม่ถึงปี ตลอดระยะเวลาหลังจากที่น.ส.พิยดา ถูกคดีเก่า ตนก็สั่งสอนตลอดว่าอย่าทำอีก ถึงรวยก็ไม่มีความสุข เพราะจะเครียดและเดือดร้อนกันทั้งหมด น.ส.พิยดา ก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำอีก
อย่างไรก็ตาม น.ส.พิยดา คบหากับลูกชายของตนได้ประมาณ 7 ปี และมักจะไปมาหาสู่กัน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง คิดเสมอว่าฝ่ายหญิงเป็นลูกแท้ ๆ ไปเที่ยวก็ออกเงินให้ตลอด ส่วนนิสัยใจคอ เขาเป็นคน 2 บุคลิก บางครั้งเฮาฮา ร่าเริง น่ารัก แต่อีกบุคลิกหนึ่งเครียด เงียบ ก้มหน้าก้มตา ไม่คุยกับใคร แต่ตนก็ไม่กล้าไปละลาบละล้วงมาก ส่วนลูกชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น ตนยอมรับว่าสภาพจิตใจของลูกชายแย่มาก ตนก็สงสารมาก เพราะลูกชายไม่ยอมทานข้าว ทำให้ตนแย่ไปด้วย ไม่รู้จะพูดอย่างไรกับน.ส.พิยดา เพราะพูดไปหมดแล้ว
นอกจากนี้ นางรัตน์ ยังเผยด้วยว่า แม่ของน.ส.พิยดา ได้เสียชีวิตไปประมาณ 3 ปีแล้ว และก่อนหน้านี้ ตนได้พูดคุยกันบ่อย แม่ของฝ่ายหญิงยังเคยบอกว่าลูกสาวขี้โกหก จนถึงตอนนี้ตนก็ยังไม่มั่นใจว่า เรื่องต่าง ๆ ที่น.ส.พิยดาพูดคุยกับตนก่อนหน้านี้ มีเรื่องใดจริงบ้าง
Advertisement