หนุ่มร้านข้าวต้ม เผยโผใส่แค่หยอกล้อ ปัดหาเรื่องก่อน แม่ยันลูกไม่ก้าวร้าว - ฝากขัง "เอกชิน" มือยิง (คลิป)

จากกรณีนางสาวสุนันท์ อ่อนศิริ หรือ เจ๊นันท์ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านข้าวต้ม ร้องเรียนว่านายนันทวัฒน์ อ่อนศิริ หรือ เวย์ อายุ 19 ปี ลูกชาย ซึ่งเป็นผู้เสียหายถูกกลุ่มนายพัศพงษ์ อู่ตะเภา หรือ เอกชิน ขี่บิ๊กไบก์มาสั่งข้าวต้มนั่งกินที่ร้าน แต่เกิดเหตุไม่พอใจจึงชักปืนโชว์ ก่อนยิงใส่ขาลูกชายแต่สามารถหลบได้ทัน (อ่าน : หนุ่มร้านข้าวต้ม โต้กร่างหาเรื่องมือยิง ผวาถูกแก้แค้นหลังประกันตัว ชี้เรียก 2 แสน แขนหัก-ร้านพัง)

วันที่ 24 ต.ค. 61 พนักงานสอบสวนนำตัว นายพัศพงษ์ อู่ตะเภา หรือ เอกชิน ไปขออำนาจศาลฝากขัง และในวันนี้ตำรวจนัดนายเอกชินมาพบ เพื่อไปขออำนาจศาลฝากขัง ใน 3 ข้อหา คือ พยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายร่างกาย และพกพาปืนเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองทางสาธารรณะหมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งล่าสุด ศาลไม่อนุญาติให้ประกันตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปยังเรือนจำกลางนครปฐม

ขณะที่ มีคลิปจากกล้องวงจรปิดอีก 1 มุม เป็นมุมฝั่งหน้าร้านบริเวณริมฟุตปาธ ซึ่งเป็นเหตุการณ์หลังจากทำร้ายลูกชายร้านข้าวต้ม โดยคลิปเหตุการณ์บันทึกได้ขณะที่ นายจักรินทร์ ศิลาประเสริฐ (เสื้อขาว) กำลังเข้าห้ามนายเอกชิน เพื่อไม่ให้ทำร้ายนายนันทวัฒน์ โดยเป็นคลิปต่อเนื่อง จากคลิปแรก ที่กลุ่มของนายเอกชิน ยิงปืนใส่นายนันทวัฒน์ แต่กระสุนปืนไม่โดนนายนันทวัฒน์ หลังจากนั้นนายเอกชิน รุมเตะนายนันทวัฒน์ จนได้รับบาดเจ็บ

ขณะที่นางสาวสุนันท์ อ่อนศิริ หรือ เจ๊นันท์ อายุ 38 ปี แม่ของนายเวย์ เปิดเผยว่า ทราบว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เนินการในการติดตามตัวทุกคนมาแล้ว ซึ่งยังไม่ได้สบายใจมาก เพราะกลุ่มก่อเหตุมากันเยอะ และมีการโพสต์เหมือนจะไม่ยอม ตนยืนยันว่า ลูกไม่ได้มีพฤติกรรมก้าวร้าว แต่ถ้าลูกตนประพฤติตัวไม่เหมาะสม คู่กรณีก็น่าจะบอกกันได้ หรือจะตบหัวสัก 2-3 ที ตนจะยอมรับได้ แต่ไม่มีสิทธิ์มายิง หรือรุมเตะกันแบบนี้ ส่วนในเรื่องเงิน 200,00 บาท ที่นายเอกชินบอกว่า ทางตนเรียกไปนั้น จริง ๆ คือเป็นประเด็นหลังจากมีการเข้าแจ้งความ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 61 แล้ว ซึ่งทางคนที่อยู่ในเหตุการณ์ มีการเข้ามาสอบถามว่าจะมีการเจรจาหรือไม่ ซึ่งตนเองเห็นว่าไม่อยากให้เป็นเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล ก็ได้ให้พ่อของน้องเวย์ไปคุย ซึ่งได้คำนวณไปเรื่องค่ารักษา และการไม่ได้ทำงาน แต่ทางคู่กรณีเงียบไป ไม่มีการเข้ามาพูดคุยนาน 2 เดือน จึงต้องออกมาร้องผ่านสื่อ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และที่ทางคู่กรณีบอกว่า ตนไปขอโทษก่อน ก็ไม่จริง เพราะลูกตนไม่ผิด

ด้านนายนันทวัฒน์ ระบุว่า ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปทำร้ายคู่กรณี เพราะรู้ว่าเขามีปืน แต่ยอมรับว่าได้พูดไปว่า "ไม่กลัว" ซึ่งท่าทางที่ตน โผใส่เข้าไปหานายเอกชน เหมือนเป็นการหยอกล้อ แต่เมื่อเขายิงปืนจริง ตนก็ตกใจ และรีบเข้าไปยกมือไหว้ แต่เขาก็ตบหัว และสั่งให้นั่ง จากนั้นก็รุมเตะตนเอง ตนยืนยันว่าไม่มีอาวุธจะไปทำร้ายเขา และให้ภาพวงจรปิดเป็นสิ่งที่แสดงหลักฐานเอง ส่วนตัวยังกลัว และต้องเก็บตัวไม่ออกไปไหน เพราะกลัวจะถูกทำร้ายได้