กรณีเรือลากจูงบรรทุกสินค้าอับปาง ทำให้จมลงระหว่างแม่น้ำป่าสักและเจ้าพระยา บริเวณหน้าท่าข้ามเรือวัดพนัญเชิง ต.กะมัง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ส่งผลให้มีผู้สูญหาย 2 ราย คือ นายสมชาย ธารกุล อายุ 65 ปี เป็นกัปตันเรือที่สูญหายไปพร้อมกับนางนฤมล จันทรโชติ อายุ 51 ปี ผู้เป็นภรรยา ตั้งแต่ช่วงสายวานนี้ (29 ก.ย.64)
ล่าสุดวันที่ 30 ก.ย.64 นายพิษณุ สัตะปัน หัวหน้ากลุ่มปฏิบัติงานใต้น้ำ พร้อมด้วย ร.อ.ฐาพล สมสกุล ประจำสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคง และกอ.รมน.กองทัพเรือ ช่วยราชการศูนย์ ปภ.เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์, กรมเจ้าท่า, เจ้าหน้าที่จากเจ้าท่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กู้ภัยจากสมาคมอยุธยารวมใจ และทีมผู้ประกอบการ
โดยการปฏิบัติงานเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นการประชุมวางแผนไว้ 3 แนวทาง คือ จะลากโซ่ความยาว 40 เมตร ทำการสแกนใต้น้ำ แนวทางที่ 2 ใช้เครื่องโซนาร์ของกรมเจ้าท่า สแกนหาวัตถุใต้น้ำ ซึ่งเครื่องดังกล่าวมีความแม่นยำสูงมาก สามารถมองเห็นภาพที่จมอยู่ใต้น้ำแบบ 3 มิติ พร้อมสามารถบอกความลึกวัตถุที่พบได้ และแนวทางสุดท้ายจะใช้โรบอตของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ดำน้ำค้นหา ซึ่งช่วงนี้ทางทีมงานของ บริษัท Cpi ทรานสปอร์ต กรุงเทพฯ ได้พบไม้พายของเรือที่สูญหาย ตรงใกล้จุดเรือล่มประมาณ 10 เมตร จึงมั่นใจว่าเรืออยู่บริเวณนี้
ต่อมา 10.00 น.นำเรือยนต์ บริษัท Cpi ทรานสปอร์ต กรุงเทพฯ จำนวน 2 ลำ เริ่มทิ้งโซ่ค้นหาโดยมีเรือกู้ภัยคอยเฝ้าระวังอีก 2 ลำ ต่อมา 10.30 น. โซ่กระตุก-ตึง ลักษณะพบวัตถุบางอย่าง ทีมของกรมเจ้าท่าส่งเรือสแกนแบบสามมิติ เพื่อยืนยันวัตถุ เวลา 11.00 น. มีรายงานว่าเป็นวัตถุขนาดใหญ่ คาดว่าเป็นเรือลำดังกล่าว และเวลา 11.05 น. เรือสแกนยืนยันวัตถุอยู่จุดที่เรือจม
จากนั้น 11.20 น. ชุดปฏิบัติการพิเศษหารือรองอธิบดีกรมเจ้าท่า และกู้ภัยวางแผนทีมเฝ้าระวัง นำทีมดำน้ำลงเรือเคลื่อนไปยังจุดเกิดเหตุพร้อมด้วยกู้ภัย โดยวางแผนว่าจะนำทีมดำน้ำ 2 นาย คือ นายพิชญ์ แซ่เฮง และนายกิจจา สิทธิเทพพร หน่วยกู้ภัยสว่างเมธีสามร้อยยอด หัวหน้ากู้ภัยปฏิบัติการพิเศษ เป็นทีม Scout (หน่วยหน้าสอดแนม-สังเกตการณ์) ลงดำน้ำสำรวจตัวเรือ หากน้ำนิ่งอาจจะดำน้ำหาตัวเก๋งเพื่อหากัปตันเรือที่คาดว่าอยู่ในตัวเก๋ง โดยมีกู้ภัยนำทีมกว่า 10 นาย เฝ้าระวังอยู่บนผิวน้ำ
โดยนายปัญญาวุธ มีสมพงษ์ หน่วยกู้ภัยอยุธยาฯ เปิดเผยว่า แผนปฏิบัติงานของกู้ภัยอยุธยาจะอยู่บนเรือเจ็ตสกี 2 ลำและเรือสปีดโบ๊ต 2 ลำ มีการวางตำแหน่งเจ็ตสกีขนาบข้างซ้ายขวา ส่วนสปีดโบ๊ตอยู่ตรงกลาง และมีเจ็ตสกีอีก 1 ลำหนุนหลัง
เวลา 11.45 น. เคลื่อนเรือนำนักดำน้ำไปยังจุดเกิดเหตุ และลงสู่ใต้น้ำเวลา 11.50 น. ซึ่งไปกว่า 10 นาที โดยในเวลา 12.02 น. มีรายงานว่าพบเรือดังกล่าวยืนยันตรงจุดเกิดเหตุ จากนั้นเวลา 12.06 น. Scout 2 นายขึ้นสู่ผิวน้ำ
โดยนายพิชญ์ รายงานทันทีว่า จากปฏิบัติการดำน้ำตามไลน์เชือกเมื่อดำลงไปได้เพียง 1.5 เมตร ทัศนวิสัยเป็นศูนย์ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ เหมือนคืนเดือนมืด จากนั้นดำต่อลงไปประมาณ 15 เมตร พบโซ่ต่อกับเชือก จนถึง 20 เมตร ก็สามารถจับเหล็กขนาดกลมยาวแข็งแรงของเรือที่จมได้ แต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าจุดนั้นคือหัวเรือ เก๋งเรือ หรือท้ายเรือ แต่ทัศนวิสัยมืดมาก จึงไม่สามารถดำน้ำสำรวจตัวเรือได้ ประกอบกับน้ำด้านล่างสุดมีความแรงกว่า 10 กม./ชม.
นายนที บัวประดิษฐ์ กู้ภัยอยุธยารวมใจ เปิดเผยถึงขั้นตอนกู้เรือว่า จะทำการส่งนักประดาน้ำอีกชุดลงไป 2 นาย พร้อมนำเชือกลงไปผูก-ยึดโยงกับเรือ ในจุดที่แข็งแรงที่สุดของตัวเรือ เพื่อป้องกันโซ่ที่คล้องอยู่หลุดออกจากเรือ จะได้ไม่เสียเวลาต้องหาเรือใหม่ในกรณีที่โซ่หรือเชือกเส้นใดเส้นหนึ่งขาด
จากนั้นจะมีการวางแผนกันต่อไปว่า จะดำเนินการลากเรือออกจากกระแสน้ำเชี่ยว ไปอยู่บริเวณน้ำที่ตื่นกว่าได้อย่างไรบ้าน พร้อมประเมินสถานการณ์อีกด้านด้วยว่า จะสามารถเข้าไปสำรวจในตัวเก๋งเรือ เพื่อหาร่างผู้สูญหายได้ด้วยหรือไม่
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า ได้ส่งนักประดาน้ำนำเชือกขนาดใหญ่ลงไปผูกเชือกยึดตัวเรือเพื่อดึงออกจากจุดน้ำวนไปยังจุดที่มีกระแสน้ำนิ่งและตื้น ซึ่งคาดว่าต้องใช้เชือก 5-7 เส้น แต่มีอุปสรรคสำคัญคือเรื่องกระแสน้ำ ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิการได้ยาก และก็มีนักประดาน้ำเชี่ยวชาญไม่มาก จึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะผูกเชือกยึดตัวเรือได้หรือไม่
โดยมีแผนสำรองในการประสานหน่วยซีล เพื่อเข้ามาร่วมภารกิจ ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญในภารกิจนี้ คือ การค้นหาผู้สูญหาย โดยยังเชื่อว่าทั้ง 2 ราย ยังติดอยู่ในตัวเรือ ส่วนการเก็บกู้เรือ บริษัทเจ้าของเรือได้ประสานเรือเครนเข้ามาดำเนินการ แต่เรือเครนจะทำหน้าที่ได้ก็ต่อเมื่อสามารถดึงเรือออกจากจุดน้ำวนแล้วเท่านั้น ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือจากทางกรมชลประทานให้ชะลอการปล่อยน้ำ เพื่อให้สามารถดำเนินการได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงลุยปฏิบัติหน้าที่เพื่อค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับว่าเป็นอีกภารกิจหลัก กระทั่งช่วงเย็นวันนี้ (30 ก.ย.64) มีรายงานว่าพบศพหญิงลอยน้ำห่างจุดเกิดเหตุไปประมาณ 26 กม. แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นผู้สูญหายหรือไม่
บรรยากาศการค้นหานั้น จึงมีสัญญาณดีขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังจากทีมค้นหาโดยทีมนักประดาน้ำที่เชี่ยวชาญลงดำน้ำไป ตั้งใจจะลงไปผูกเชือกให้ครบ 5 เส้น ก่อนจะลากเรือขึ้นน้ำตื้นตามเป้าหมายที่วางไว้ และมีการยืนยันว่านายสมชาย ยังอยู่ในเรือ แต่นางนฤมลนั้นยังไม่ได้รับการยืนยันที่ชัดเจน
โดยทีมนักประดาน้ำ จำนวนชุด 2 ได้ดำน้ำลงไปผูกเชือกถึง 3 รอบ จึงจะสามารถผูกเชือกเส้นที่ 1 ได้สำเร็จ แต่ทีมดำน้ำเกิดอาการช็อกน้ำไป 1 คน จึงต้องรีบเปลี่ยนทีมดำน้ำทีมที่ 3 ลงดำน้ำผูกเชือกเส้นที่ 2 ต่อในเวลา 16.00 น. ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการลงไปผูกเชือก
สำหรับการค้นหายังคงดำเนินต่อเนื่อง ขณะนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติการค้นหา โดยบริษัทวินัยเครน ได้นำแสงสว่างมาช่วย และล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. มีรายงานทางวิทยุสื่อสาร ได้เจอศพผู้หญิงที่แม่น้ำเจ้าพระยาใต้สะพาน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 26 กม. โดยญาติ ๆ บอกว่านางนฤมล สวมเสื้อชมพูขาว ตอนนี้จึงลุ้นว่าจะเป็นผู้สูญหายหรือไม่
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับคลิปเหตุการณ์บนเรือ ขณะทีมงานบริษัทเดินเรือหรือเพื่อน ๆ นายสมชาย ธารกุล ถูกพ่อปู่เข้าร่าง โดยร่างชายดังกล่าวพูดว่า “มันพูดจาลบหลู่ มันไม่ให้ความเคารพ คนเรือผ่านไปมาให้ความเคารพ ดังนั้นใครลงไป ต้องจุดธูป เพราะดึงขึ้นมากูจะคืนให้”
น.ส.สิรีธร ธารกุล อายุ 26 ปี ลูกสาวนายสมชาย เปิดเผยว่า คลิปนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เมื่อเวลา 16.00 น. เพื่อนในเรือที่ค้นหาพ่อกับแม่เลี้ยงถูกพ่อปู่เข้า โดยพี่สาวได้โทรศัพท์มาบอกว่าเจ้าพ่อเข้า บอกว่าแม่เลี้ยงลบหลู่ ไม่ให้ความเคารพ คนอื่นผ่านไปมาให้ความเคารพ ดังนั้นใครที่ลงไปหาต้องจุดธูปบอก และใครดึงเรือ หรือดึงพ่อกับน้าขึ้นมาต้องจุดธูปถึงจะปล่อย ตนได้ยินแบบนี้ก็ตกใจ แต่ตนไม่ลบหลู่ ตนได้ยกมือไหว้ขอขมาทันทัน "ถ้าพ่อกับแม่เลี้ยงทำอะไรผิดพลาด หนูขอโทษ ยังไงคืนพ่อกับน้าหนูมาเถอะ"
ความจริงแล้วตนจุดธูปไหวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกทางตั้งแต่วานนี้ (29 ก.ค.64) และหวังแค่ชีวิตพ่อคืนมา หวังให้มีปาฏิหาริย์กับพ่อและแม่เลี้ยงของตน เพราะนาทีที่ทราบว่าพบเรือใจชื่นมากและมีความหวังว่าจะปลอดภัย ตนเชื่อในความดีของทั้ง 2 คนเสมอ ยืนยันว่าพ่อไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะที่ต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เนื่องจากตนเห็นคนในโซเชียลฯ กล่าวหาว่าพ่อเมายา พาเรือจม ตนขอถามว่าพูดมาได้อย่างไร คุณอยู่ในสถานการณ์หรือไม่ ตอนนี้ต้องสู้ เพราะแม่ป่วยติดเตียง ตนต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว
“พ่อขึ้นมาเถอะพ่อหนูอยากเจอ อยากกอดพ่อ ไหนสัญญาว่าจะเป่าเค้กวันเกิดแม่ด้วยกันไง” น.ส.สิรีธร กล่าวและว่า ในวันนี้ (30 ก.ย.64) เป็นวันคล้ายวันเกิดแม่ของตน โดยที่แม่เลี้ยงบอกตนว่าซื้อของขวัญไว้ให้แม่แท้ ๆ ของตนแล้ว ส่วนพ่อจะนัดกันเวลา 14.00 น. ของวันที่ 29 ก.ย.64 แต่เรือจมลงไปก่อน ตนช็อกมาก ๆ ทำใจไม่ได้เลย