กรณี ร.ต.อ.ภาคภูมิ วงศ์ชัย รอง สว.(สอบสวน) สภ.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ได้รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตที่กลางป่าบนภูเขาแม่น้ำหาร ห่างจากตัวหมู่บ้านแม่ไทย หมู่ที่ 2 ต.บ้านบอม อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ประมาณ 5 กม. ซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นป่าลึก ต้องเดินเท้าเข้าไปอีก 1 กม.
ทราบชื่อผู้ตาย นายบุญจันทร์ วงศ์วารไชย อายุ 63 ปี ชาวบ้านในหมู่ที่ 9 บ้านฮ่อม-หนองถ้อย ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง สภาพศพสวมเสื้อกีฬาสีน้ำเงิน สวมเสื้อแขนยาวสีเทาทับ สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน พร้อมอุปกรณ์เก็บเห็ด เป็นมีดที่อยู่ในปลอกและตะกร้าใส่เห็ดเหน็บไว้ที่สะโพก ศพอยู่ในลักษณะนั่งคุกเข่า ศีรษะและลำตัวโน้มไปด้านหน้าติดพื้นดินจมกองเลือดใกล้กับกอไผ่ ตรวจสอบพบว่าถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว 1 นัด กระสุนกระจายทั้งหมด 10 จุด คือบริเวณแผ่นหลัง 6 จุด แขนขวาอีก 1 จุด ปลอกมีด 1 จุด ด้ามจับ 2 จุด
ในขณะเดียวกันตรงจุดที่พบศพ ก็มีผู้ก่อเหตุ นายสมพงษ์ นะนันวี อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/2 หมู่ที่ 4 บ้านสบแม่นาง ต.สันดอนแก้ว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงมีการควบคุมตัวนายสมพงษ์ ไปเอาอาวุธปืนซึ่งใช้ก่อเหตุที่บ้าน ก่อนที่จะนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.แม่ทะ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ล่าสุดวันที่ 30 ก.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังบ้านของนายสมพงษ์ ผู้ก่อเหตุ และก็มีโอกาสได้คุยกับนางสวย (นามสมมติ) อายุ 60 ปี พี่สาวของผู้ก่อเหตุ เล่าให้ฟังว่า ปกติแล้วน้องชายอาศัยอยู่บ้านหลังนี้กับภรรยาและพ่อแม่ รวมทั้งหมด 4 คน ส่วนตนก็อาศัยอยู่ในบ้านหลังติด ๆ กัน
ปกติแล้วนายสมพงษ์ เป็นดีคนหนึ่ง ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน เพราะเขาเป็นเจ้าหน้าที่ อปพร. เป็นตำรวจบ้าน เคยช่วยดับไฟป่าด้วย และจะชอบเข้าป่าอยู่แล้ว บางครั้งก็ไปป่าใกล้บ้าน บางทีก็ไกลบ้าน เพื่อเข้าไปหาหน่อไม้และสัตว์ป่ากลับมาทำอาหารกิน แต่ละครั้งที่ไปก็จะเว้นระยะห่างประมาณ 4-5 วัน ซึ่งทุกครั้งที่เข้าไปก็จะเอาปืนที่ใช้ก่อเหตุเข้าไปตลอด เพราะปืนนั้นเขาซื้อมานานแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่ามันถูกกฎหมายหรือไม่ รู้แค่ว่าเขาชอบ
ส่วนป่าที่เกิดเหตุนั้น จริง ๆ แล้วเขาก็ไปอยู่เรื่อย ๆ ฝนตกแดดออกก็ไป แต่ตนไม่เห็นว่าจะได้อะไรกลับมา อย่าว่าแต่สัตว์เลย แม้แต่หน่อไม้ก็ไม่เคยเห็นได้กลับมา สุดท้ายก็ต้องกลับมาทำน้ำพริกกินจิ้มกับผักตลอด ซึ่งสาเหตุที่ได้ใช้ปืนยิงผู้เสียชีวิตนั้น นายสมพงษ์ บอกกับตนว่า เห็นนายบุญจันทร์ เป็นสีหม่น ๆ คล้ายหมูป่า ก็เลยยิงเข้าไป 1 นัด โดยที่ไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นคน คงเป็นเพราะอาถรรพ์ของผีป่ามาบังตาหรือไม่ จึงใช้ปืนยิงไป 1 นัด ปรากฎว่าได้ยินเสียงร้อง “โอ้ย” ออกมา 1 ครั้ง ถึงได้รู้ว่าเป็นคน ไม่ใช่หมูป่า เมื่อวิ่งไปดูก็พบว่าผู้ตายนั่งฟุบลงไปกับพื้นแล้ว แต่ยังไม่เสียชีวิต จึงบอกว่า “เดี๋ยวจะไปตามคนมาช่วยนะ” จากนั้นนายสมพงษ์ จึงรีบวิ่งออกจากป่า แล้วไปตามชาวบ้านและผู้ใหญ่ให้มาช่วยนายบุญจันทร์
หลังจากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนายบุญจันทร์ เมื่อไปถึงบรรยากาศภายในงานก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าของบรรดาญาติพี่น้อง และมีชาวบ้านมาช่วยทำกับข้าวเตรียมงานศพ ประมาณ 30-40 คน
ทีมข่าวมีโอกาสได้คุยกับ นางเล็ก วงศ์วารไชย อายุ 60 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สามีเป็นเสาหลักของบ้าน มีอาชีพทำไร่ข้าวโพด แต่พักหลังร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง มีโรคประจำตัวเป็นเส้นเลือดตีบ จึงหันมารับหมวกผ้าจากชาวบ้านไปขายให้ร้านค้าใน กทม. แต่ละครั้งก็จะไปคนเดียว ครั้งละ 4-5 วัน เดือนละ 1 ครั้ง เพื่อตระเวนเสนอขายให้หมด ได้กำไรกลับมาประมาณครั้งละ 4,000-5,000 บาท ซึ่งเงินทั้งหมดก็จะเอามาให้ตนใช้จ่ายและเลี้ยงหลานสาววัย 12 ขวบ เนื่องจากพ่อกับแม่ของน้องแยกทางกันไปเมื่อ 10 ปีก่อน ต่อมาให้หลัง 2 ปี แม่น้องก็เสียชีวิตไปด้วยโรคประจำตัว
ทั้งนี้ สามียังตั้งใจไว้ว่าจะเก็บเงินปูพื้นใต้ถุนด้วย แต่มาเจอโควิด-19 ก็ต้องชะงักไปก่อน สุดท้ายแทนที่จะได้ปูพื้น ก็ต้องกลายเป็นที่ตั้งโลงศพสามีแทน สำหรับสาเหตุที่ทำให้สามีต้องเข้าป่าไปนั้น เพราะช่วงโควิด-19 ไม่ได้ขึ้นไปขายหมวก ทำให้ขาดรายได้ จึงต้องออกไปหาเห็ดมาทำกับข้าวกินกัน โดยวันแรกที่ไปคือวันที่ 28 กันยายน 64 ได้เห็ดป่ามา 1 กำมือ ก็ต้มให้หลานสาวกิน
ส่วนสาเหตุที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่ายิงไปเพราะเห็นเป็นเงาคิดว่าเป็นหมูป่า ตนก็เชื่อเพราะป่ามีอาถรรพ์เกี่ยวกับผีป่า และมีคนตายเยอะ สามีก็ไม่ได้เชื่อเรื่องผีป่า ผีเขา ตอนออกไปก็เลยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทาง ซึ่งตนก็เตือนแล้ว แต่เขาไม่เคยลบหลู่ ตอนนี้จึงไม่ได้ติดใจอะไรกับสาเหตุการตาย ขออโหวิกรรมให้ เพราะเขาคงไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากให้ผู้ก่อเหตุและครอบครัวเข้ามาขอขมาศพ พร้อมแสดงความรับผิดชอบ ตนก็เสียใจและโกรธเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ทางครอบครัวตั้งใจว่าในวันพรุ่งนี้ (1 ตุลาคม 64) เวลาประมาณ 09.00 น. จะเข้าไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อทำพิธีสูตรถอดดวงวิญญาณของนายบุญจันทร์ กลับมาที่บ้าน และจะนำร่างไปเผาที่สุสานในหมู่บ้านวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 64
ต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ภรรยาของนายสมพงษ์ ผู้ก่อเหตุ ก็ได้เดินทางมายังบ้านของผู้เสียชีวิต พร้อมกับมีการพูดคุยกับภรรยาของนายบุญจันทร์ ด้วยท่าทางปกติ ไม่ได้มีการทะเลาะหรือปะทะอะไรกัน
ภรรยาของนายสมพงษ์ กล่าวยืนยันว่า ตนจะช่วยค่าจัดงานศพแน่นอน แต่จะเป็นเงินเท่าไรขอปรึกษาญาติอีกครั้ง ซึ่งส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับเงินเยียวยาทางคดี ประกอบกับภรรยาของผู้ตายก็ยังไม่ได้เรียกร้องเป็นจำนวนเงินด้วย ตนได้เดินไปที่หน้าโลงศพของผู้เสียชีวิต พร้อมกับหยิบธูปขึ้นมาและไหว้เพื่อเป็นการขอขมาแทนสามี แต่ตนไม่ได้พูดออกเสียงอะไร
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็อยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตแทนสามีด้วย ส่วนคืบหน้าทางด้านคดีนั้น ทางผู้ก่อเหตุโดน 2 ข้อหา 1.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ตอนนี้ก็ได้ยื่นประกันตัวสามีในชั้นศาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยวงเงิน 100,000 บาท ตอนนี้สามีก็กลับไปอยู่บ้าน และหลังจากนี้ วันที่ 29 พ.ย.64 ก็ต้องไปขึ้นศาลจีงหวัดลำปางอีกครั้ง" ภรรยาผู้ก่อเหตุ กล่าว
ในขณะที่วันนี้ น.ส.วรฤทัย บุญมัง หรือ แอน อายุ 38 ปี หลานสาวของผู้ตาย ได้พาทีมข่าวไปดูเสื้อผ้าที่นายบุญจันทร์ ใส่ตอนโดนยิง ซึ่งทางครอบครัวได้นำมาตากไว้ข้างบ้าน เพื่อเตรียมที่จะนำใส่โลงศพในวันเผา พบว่าตรงบริเวณเสื้อทั้งตัวในและตัวนอกมีรูกระสุนทั้งหมด 7 จุด รวมถึงบริเวณปลอกและด้ามจับมีดอีก 3 จุด
นายปัน ใจมูล อายุ 86 ปี อดีตพรานป่า กล่าวให้ฟังว่า เมื่อประมาณปี 2508 ตนอายุประมาณ 30 ปี ก็เคยเป็นพรานป่าและชอบเข้าไปในป่ากับเพื่อน 7-8 คน เพื่อตระเวนหามูลค้างคาว โดยทุกครั้งที่เข้าไปก็จะพักแรมกันเป็นครึ่งเดือน ที่สำคัญคือตนกับเพื่อนมักเจอผีหลอกบ่อยมาก ส่วนใหญ่เป็นผีเก่ง ๆ เวลาหลอกก็จะเป็นลักษณะเหมือนผลักก้อนหินก้อนใหญ่ให้ไหลลงมาจากเขาเรื่อย ๆ ซึ่งมันผิดธรรมชาติ ตนกับเพื่อนก็ต้องวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น
จากนั้นเมื่อเหตุการณ์สงบ ตะวันก็ตกดินพอดี พวกตนก็ต้องหาไม้ฝืนมาจุดไฟ เพื่อทำแสงสว่างแล้วก็นอนพักผ่อน ตื่นเช้ามาหามูลค้างคาวต่อ เนื่องจากขึ้นไปแต่ละทีต้องเก็บให้ได้มากที่สุด ตอนนำลงไปขายก็จะขายได้กิโลกรัมละ 5 บาท และจะเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ กระทั่งตนอายุ 50 ปี ก็ไม่ค่อยได้ขึ้นไปเพราะเรี่ยวแรงไม่มี
โชคดีที่เหตุการณ์ช่วงนั้นไม่มีใครเสียชีวิต อาจจะมีบ้างที่ได้รับบาดเจ็บจากการโดนไม้ข่วน แต่ปัจจุบันเพื่อนที่ไปด้วยกันเสียชีวิตด้วยโรคชรากันไปหมดแล้ว เหลือแค่ตนคนเดียวในกลุ่ม แม้ว่าพักหลังตนจะไม่ค่อยได้ขึ้นไป ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์ป่าแห่งนี้อยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงวันพระจะมีคนตายในป่าและบริเวณป่าบ่อยมาก
เมื่อปี 2544 เป็นวันพระ ตอนหัวค่ำ มีรถลากไม้ซุงออกมาจากป่าที่เกิดเหตุ แล้วก็เกิดอุบัติเหตุชนแม่ชีที่กำลังเดินธุดงค์อยู่บริเวณริมถนน เพื่อจะไปที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดถ้ำแจ้งที่อยู่ในป่า เสียชีวิตคาที่
เมื่อปี 2554 เป็นวันพระ ช่วงกลางวัน มีคนในหมู่บ้านเข้าไปหาเม่นในป่าแห่งนี้ แล้วพกปืนยาวเข้าไปด้วย โดยลากกับพื้นจากด้านหลัง เอาปลายกระบอกเข้าหาตัวเอง จากนั้นระหว่างที่เดิน ปรากฏว่านกปืนไปเกี่ยวกับกิ่งไม้ แล้วปืนลั่นใส่ตัวเองตายคาที่
กระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวานนี้ (29 ก.ย.64) พบว่าตรงกับแรม 8 ค่ำ เดือนสิบ ปีฉลู ซึ่งเป็นวันพระเช่นกัน ตามความเชื่อโบราณเขาว่ากันว่า “วันพระผีไปป่า ผีหล้าเต็มดง” นอกจากนี้เมื่อต้นปี 2560 ชชาวงกลางวัน วันพระ ก็เคยมีคนเข้าไปหาของป่า แล้วพอตกค่ำฟ้ามืดเกิดยิงกันตาย 1 ศพ เพราะไม่รู้ว่านอกจากตัวเองแล้ว ยังมีคนอื่นเข้าไปหาของป่าด้วย แล้วเห็นอีกคนเป็นหมูป่า ก็เลยยิงเข้าอวัยวะเพศ สุดท้ายตายคาที่เหมือนกันด้วย
ทำให้พักหลังมานี้ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปในป่าแห่งนั้น แม้กระทั่งกลางวันแสก ๆ ตนก็เชื่อว่าหลาย ๆ เหตุการณ์เป็นการกระทำของผี แค่เขาอาจจะไม่ปรากฎให้เห็นก็เท่านั้น ซึ่งผีลักษณะนี้ชาวบ้านจะเรียกว่า “ผีสองนาง” เป็นผีทางภาคเหนือ เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณที่สิงต้นไม้ใหญ่ โดย “ผีสองนาง” คือผู้หญิงที่ตายไปแล้วเข้าไปสิงอยู่ในต้นไม้ที่เป็นคู่ ใครทำอะไรให้ไม่พอใจ เช่น ตัดไม้ เก็บของป่า ก็จะสำแดงฤทธิ์ให้เจ็บป่วยหรือเสียชีวิตได้ หรือถ้ารุนแรง หากผีสองนางถูกใจชายคนไหนก็จะมาตามเอาไปอยู่ด้วย