จากกรณีนางสาวสุนันท์ อ่อนศิริ หรือ เจ๊นันท์ อายุ 38 ปี เจ้าของร้านข้าวต้ม ร้องเรียนว่านายนันทวัฒน์ อ่อนศิริ หรือ เวย์ อายุ 19 ปี ลูกชาย ซึ่งเป็นผู้เสียหายถูกกลุ่มนายพัศพงษ์ อู่ตะเภา หรือ เอกชิน ขี่บิ๊กไบก์มาสั่งข้าวต้มนั่งกินที่ร้าน แต่เกิดเหตุไม่พอใจจึงชักปืนโชว์ ก่อนยิงใส่ขาลูกชายแต่สามารถหลบได้ทัน ล่าสุด ศาลอนุญาตฝากขังนายเอกชินแล้วนั้น (อ่าน :
หนุ่มร้านข้าวต้ม เผยโผใส่แค่หยอกล้อ ปัดหาเรื่องก่อน แม่ยันลูกไม่ก้าวร้าว – ฝากขัง “เอกชิน” มือยิง)
วันที่ 24 ต.ค. 61
นายนันทวัฒน์ อ่อนศิริ หรือ เวย์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เรื่องที่นายเอกชินอ้างว่าตนหยิบโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวมาเล่นนั้น ตนหยิบขึ้นมาจากโต๊ะจริง แต่ไม่ได้แย่งมาจากมือ เพราะตนเกิดความสงสัยว่าโทรศัพท์มือถืออะไร ทําไมเครื่องเล็กอย่างนี้ จึงถามว่า “พี่ นี่ใช่โทรศัพท์ไหม” นายเอกชินตอบว่า “เอ็งก็ดูเองสิ” เมื่อตนหยิบดู แล้วก็วางคืนให้ที่โต๊ะเหมือนเดิม ไม่ได้วางกระแทก และนายเอกชิน ก็ไม่ได้มีสีหน้าโกรธเคืองแต่อย่างใด
ส่วนในกล้องวงจรปิด ที่เห็นตนพุ่งตัวเข้าไปหานายเอกชิน ตามที่ถูกกล่าวอ้างว่าตนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนนั้น ยอมรับว่า ตนพุ่งตัวเข้าไปจริง แต่เข้าไปหยอกเล่นเท่านั้น และก่อนหน้านี้ นายเอกชินก็ไม่ได้มีท่าทีอารมณ์เสีย ตนจึงได้เข้าไปเล่นด้วย ทั้งที่ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน รวมถึงนายไมค์ และคนอื่น ๆ ในกลุ่ม ตนรู้จักเพียงนายจักร ที่เป็นคนเข้าไปห้ามเท่านั้น เพราะนายจักรเป็นลูกค้าประจําที่ร้าน นอกจากนี้ ตนสังเกตเห็นก่อนหน้านั้นแล้วว่าบางคนในกลุ่มนี้พกปืน
ส่วนเรื่องที่พูดคุยเกี่ยวกับแดน 2 นั้น ตนยืนยันว่า ตนไม่มีคดีติดตัวทั้งสิ้น ไม่เคยติดคุกมาก่อน แต่นายเอกชินเห็นรอยสักตน จึงถามขึ้นมาว่า “ไปติดที่ไหนมา” ตนก็ตอบไปว่า “ผมไม่เคยติด” รอยสักตามตัวนั้น ไปสักที่ร้านเพราะความชอบส่วนตัวเท่านั้น
นางสาวสุนันท์ อ่อนศิริ หรือ เจ๊นันท์ เจ้าของร้านข้าวต้ม เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ลูกชายรถล้มต้องใส่เหล็กสองท่อนในแขนขวา ตั้งแต่ 2 ม.ค. 61 แต่ รักษาจนหายดีเป็นปกติแล้ว แค่มีเหล็กอยู่ซึ่งมีกําหนดถอดเหล็กออกต้น ปีพ.ศ. 2563 แต่ตั้งแต่โดนทําร้ายครั้งนี้ ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะไม่สามารถยกของหนัก แม้เพียงเช็ดโต๊ะก็ไม่สามารถกดน้ำหนักลงได้ ทำได้แค่เช็ดแบบลูบผ่าน ๆ เท่านั้น
แต่เนื่องจากที่ร้านมีกัน 2 คน บางครั้งจึงจําเป็นต้อง ให้ลูกช่วยยกของบ้าง ซึ่งลูกก็จะเจ็บปวดไปทั้งแขน และหมอตรวจพบว่า ข้อมือหลุด มีรอยร้าวที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ใช่ผลจากอุบัติเหตุรถล้ม โดยใส่เฝือกรักษาจนถอดเฝือกแล้ว แต่ที่ยังมีปัญหาคือข้อมือหลุด ซึ่งต้องส่งตัวให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทําการรักษาต่อ
นางสาวสุนันท์ เปิดเผยอีกว่า เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลนั้น ตนใช้สิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรค แต่ที่ตนเรียกค่าเสียหาย 200,000 บาท เพราะคํานวณจากค่ารักษาแขนคราวที่แล้ว ที่รถล้ม 30,000 บาท แต่คราวนี้หมอบอกว่าเรื่องใหญ่ อาจต้องตัดกระดูก หรือตัดข้อ จึงน่าจะแพงกว่าเดิมมาก อีกทั้งมีค่าเดินทาง ค่าเสียเวลา วันไหนไปหาหมอก็ต้องปิดร้าน และหลายครั้งที่ไปพบหมอ ก็ไปเสียเที่ยว ไปแล้วไม่ได้พบหมอก็มี
นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุ ครั้งแรกไม่ได้มีตํารวจมาดูแลความปลอดภัย แต่หลังจากเป็นข่าวขึ้นมา ตํารวจจึงได้ไปเก็บร่องรอยกระสุนที่ร้านอีกครั้งหนึ่ง และจากนั้นมีตํารวจแวะเวียนมาช่วยดูแลคดี แต่ที่จริงบริเวณร้านเป็นจุดที่มักมีตํารวจเดินผ่านอยู่เรื่อย ๆ อยู่แล้ว แต่วันเกิดเหตุมีฝนตก จึงไม่มีตํารวจเดินผ่านมาดูแลความเรียบร้อย