กรีน อัษฎาพร เผยถึงวิกฤติหนักในชีวิตหลังคุณพ่อเสีย อยากให้น้องๆ ต่างพ่อมีชีวิตที่ดี

4 ต.ค. 64

นับว่าเป็นนักแสดงอิสระที่ฝีมือการแสดงทรงคุณภาพจริงๆ สำหรับ กรีน อัษฎาพร เมื่อได้มาแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show เจ้าตัวก็ได้เผยถึงวิกฤติหนักที่สุดในชีวิตหลังคุณพ่อเสีย ตรงนั้นเป็นจุดเปลี่ยนหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องสถานะการเงินที่บ้าน เรื่องชีวิต เรื่องครอบครัว และจุดหักเหที่สุดคือเรื่องความรัก ทำให้รู้สึกว่าไม่อยากแต่งงานเพราะอยากทุ่มเทเวลาให้กับคุณแม่อย่างเต็มที่จนกว่าจะจากกันไป พร้อมเปิดความจริงตั้งแต่รับบท รำนำ ในละครเรื่อง กระเช้าสีดา เกิดเรื่องไม่คาดฝันหลายอย่างมากในชีวิต แต่รู้สึกดีใจในเรื่องที่เกิดขึ้นเพราะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จในเรื่องของการแสดง

 s__76841298

ถาม น้องกรีน รับบทรำนำ ซึ่งเป็นบทที่โอ้โห ..  ต้องบอกเลยว่าฟีดแบ็กดีมาก ส่วนที่ส่งเข้ามาทาง CHANGE2561 เองด้วย แล้วในส่วนตัวของ รำนำ ฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง

กรีน อัษฎาพร : ดีมากค่ะ ทุกช่องทางไม่ว่าจะโซเชียลใดๆ ก็ตาม คนให้การตอบรับดีมาก คือด่าเยอะมาก นั่นแปลว่าประสบความสำเร็จค่ะ เพราะไม่คิดว่าจะมาเยอะขนาดนี้ เยอะถึงขั้นส่งข้อความมาส่วนตัวมาก็มี อย่างคนก็ดูละครที่เราเล่นแล้วก็เอาเท้าไปทาบตรงหน้าโทรทัศน์ แล้วก็ส่งมาให้เรา ตอนนั้นยังบอกพี่ฉอด แล้วก็พี่ๆ นักแสดง คือถึงขั้นนั้นเลยค่ะ เขาดูแล้วอิน แต่อาจจะไม่ใช่แค่เราคนเดียว ด้วยความที่เรื่องราวก็ดีอยู่แล้ว แล้วเรื่องมันก็คือชีวิตจริงๆ ถามว่าเราต้องสร้างความร้ายหนักแค่ไหนที่ไปได้ถึงขนาดนั้น คือจริงๆ ต้องขอบคุณพี่ฉอด พี่โอ๋ ทีมทุกคนของ CHANGE ค่ะ แล้วก็คุณครูที่สอนแอคติ้งด้วย กรีนได้ไปเวิร์กชอปก่อน เอาจริงๆ ชีวิตกรีนไม่ใช่คนแบบนั้นเลย เพราะเราจะเป็นคนโก๊ะๆ สนุกสนานร่าเริง พอได้บทนี้มาก็รู้สึกว่ามันแตกต่างแล้วชีวิตจริงเราเองคงทำไม่ได้ เราสามารถทำในละครได้เราก็เลยอยากทำในละครให้มันดีที่สุด ก็ได้ผู้ใหญ่ ได้พี่โอ๋ ได้ครูสอนแอคติ้งมาช่วยเกลา ตอนแรกก็หาไม่เจอเหมือนกันว่าควรจะประมาณไหน เราก็เลยเริ่มใส่ลีลาความเป็นรำนำมากขึ้นให้คนไม่เคยเห็นว่าเราเคยเล่นแบบนี้ค่ะ

ถาม พี่ฉอดเลือกมาหลายคนไหมเอ่ย ก่อนที่จะมาเป็นกรีน

พี่ฉอด สายทิพย์ : ก็มุ่งไปที่เขา เพราะตอนนั้นทราบว่าน้องสามารถออกมาเล่นข้างนอกได้แล้ว เป็นนักแสดงอิสระ และก็เชื่อในความสามารถเขา คิดว่ากรีนใช่เลย ไม่ได้เห็นความร้ายในตัวเขา แต่พอคนเล่นเก่ง คนที่แสดงเก่ง เขาจะเล่นเป็นอะไรก็ได้ ซึ่งเราอาจจะเห็นเขาจากเรื่องอื่นๆ ซึ่งบางเรื่องอาจจะแสนดี บางเรื่องก็นางเอ๊กนางเอก เราก็เลยมั่นใจว่าน้องทำได้ แล้วยิ่งพอเราได้เห็นการแสดงของเขา มันก็เลยทำให้เราสามารถเพิ่มบท ใส่เข้าไปให้สุดให้เต็มที่ มันพัฒนาไปพร้อมๆ กันทั้งบทและตัวนักแสดงด้วย และเป็นอะไรที่ดีเพราะทีมนักแสดงเรื่องนี้เขาส่งเขารับกัน เพราะนั่งดูอยู่แล้วจะรู้สึกว่าสนุกค่ะ


ถาม บทอะไรยากสุดสำหรับกรีน

กรีน อัษฎาพร : ทุกบาทไม่มีอะไรง่ายสำหรับกรีนเลยค่ะ ทุกสิ่งคือยากหมด และทุกบทต้องผ่านการกลั่นกลอง ผ่านการเขียนบท ผ่านการทำบทมาเยอะมาก เพราะฉะนั้นเราเคารพทุกบท ไม่ว่าจะเป็นละครคอมเมดี้ หรืออะไรก็ตาม มันมีความยากง่ายของเขาอยู่แล้วค่ะ สุดท้ายคือกรีนไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ ที่ตัดสินใจรับบท รำนำ จริงๆ ก็คุยปรึกษากับคุณแม่ แล้วก็ผู้จัดการแล้ว กรีนรู้สึกว่าวันนี้ออกมาเป็นฟรีแลนซ์ เราก็อยากเติบโต เราก็อยากก้าวหน้าในอาชีพการงานของเราอยู่แล้ว และเราก็อยากรับบทที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป แล้วก็รู้สึกว่าบทนี้ก็เป็นบทที่ดี แล้วก็ส่งตัวเราด้วยแน่นอน เราเป็นนักแสดง เราก็อยากได้บทที่ส่งตัวเราเนอะ และที่สำคัญเลย นักแสดงที่เราได้เล่นด้วยค่ะ แล้วก็โปรดักชันคือดีมาก กรีนรู้สึกว่าถ้าได้เข้ามาอยู่ในตรงนี้ก็จะช่วยส่งเสริมในงานของเราด้วย และเราก็ได้พัฒนาฝีมือของเราด้วย เป็นโอกาสที่ดีของเรามาก เพราะว่าได้ซึมซับทักษะการแสดงมากขึ้น ไม่ว่าจะได้เจอพี่นุ่น พี่เตอร์ ก๊อต พี่โอ๋ ได้เจอทีมเขียนบท แล้วได้มาเล่นกับค่าย CHANGE2561 ของพี่ฉอด กรีนได้อะไรที่เยอะมากจากละครเรื่องนี้เรื่องเดียว ทำให้เราได้เห็นตัวเองมากขึ้นว่าตัวเองเล่นอะไรได้บ้าง สร้างความแตกต่างอะไรได้บ้างค่ะ


ถาม ฮอตมากจากบทนี้ จนอาจจะฟังแล้วดูประหลาดสักหน่อย แต่ว่า ณ วันนี้โลกมันก็เคลื่อนตัวไปในทางประหลาด และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นจริงกับตัวกรีน คือมีคนส่งข้อความมาขอซื้อบางอย่างจากเรา

กรีน อัษฎาพร : ใช่ค่ะ จะเรียกว่าอะไรดี ขนเหรอคะ แล้วก็แบบอยากเลี้ยงดู มีเงิน มีค่าตอบแทนให้ถ้าแลกเปลี่ยนเอาอันนี้มาให้ ชุดชั้นในของเราก็จะมีเงินให้ แล้วก็จะให้เราส่งไปตามที่อยู่ที่เขาส่งมาให้ประมาณนั้น ขอซื้อของลับ แต่เราก็ไม่ได้ให้เขาไปนะคะ (หัวเราะ)


ถาม ส่วนในชีวิตจริงของกรีนที่เจอมรสุมหนักยิ่งกว่าละคร วิกฤติหนึ่งซึ่งเป็นวิกฤติที่สามารถเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องความรักของน้องกรีนได้ คือคุณพ่อเสีย เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น

กรีน อัษฎาพร อยู่ๆ คุณพ่อเสียกะทันหันค่ะ เขาไม่ได้มีสัญญาณหรืออะไรบอกเลยค่ะ แล้วตอนนั้นกรีนไม่ได้อยู่กับคุณพ่อด้วยค่ะ ตอนนั้นคุณพ่ออยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เกาะสมุย คุณพ่อไปเสียที่สมุย ตอนนั้นคุณพ่ออยู่ต่างจังหวัดตลอด แล้วคือ เราไม่ได้เจอกับคุณพ่อเลย มารู้อีกทีหนึ่งคือรู้ว่าคุณพ่อเสียแล้วแค่นั้นเลยค่ะ กลับมาถึงบ้านแม่บอกว่าป๊าเสียแล้วนะ แค่นั้นเลย แล้วเราก็ช็อค สาเหตุที่ทำให้คุณพ่อเสียคือหัวใจวายเฉียบพลันค่ะ ตอนนั้นที่บอกว่าเป็นวิกฤติที่เปลี่ยนชีวิตของเราเลย เป็นจุดเปลี่ยนหลายอย่างมากค่ะ ทั้งเรื่องสถานะการเงินที่บ้าน เรื่องชีวิตของเรา เรื่องครอบครัว และก็เรื่องความรักด้วย วิกฤติการเงินก็เข้ามาใช่ไหมคะ จัดการศพก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน เราก็เลยต้องขายรถไป ตอนนั้นป๊าเสียกะทันหันและก็เหมือนมีเวลาแค่ 4 วันในการจัดงานศพค่ะ


ถาม อันนี้คงต้องถามตรงๆ น้องกรีนเป็นนางเอกมีชื่อเสียง เราถึงขนาดวิกฤติ ณ ตอนนั้นมันถึงขนาดที่เราไม่มีเงินจัดงานศพเลยเหรอ

กรีน อัษฎาพร : มันก็มีระดับหนึ่งค่ะ แต่เราก็ต้องเผื่อไว้สำหรับที่เราต้องรับผิดชอบต่อ เพราะว่าเราก็มีความรับผิดชอบของเราอยู่แล้ว ซึ่งตอนแรกคุณพ่อจะเป็นเสาหลักของครอบครัว แต่ก่อนที่คุณพ่อจะเสีย 2-3 ปี ก็จะเป็นตัวกรีนที่รับผิดชอบทั้งหมดค่ะ แล้วคือตอนนั้นเราไม่รู้ว่าคุณพ่อมีวิกฤติหนักขนาดนี้ เพราะความจริงยังไม่เปิดเผย แต่พอคุณพ่อเสียปุ๊บ วันนั้นเลย มันเกิดมีอะไรเข้ามาหลายอย่างมากๆ เราถึงทราบเรื่องสถานะทางการเงิน ก็ต้องมานั่งประชุมทั้งครอบครัวว่าเราจะอย่างไรกันดีกับหนี้ตรงนี้ ประมาณ 30 ล้าน กรีนพอทราบบ้างว่าคุณพ่อมีหนี้ประมาณหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่ามันจะจำนวนเยอะขนาดนี้ แต่พอวันที่คุณพ่อเสีย ก็มีเหมือนเจ้าหนี้มาที่งานศพด้วย เอาเอกสารมาให้เราดูว่าคุณพ่อมายืมไปนะ ไปค้ำอะไรของเขาก็มา ตอนนั้นคือแขกมาเยอะ เยอะจนงงไปหมดแล้วเพื่อนคุณพ่อก็มาเยอะ พอหลังจากจบงานศพไปแล้ว ก็มานั่งประชุมกันในครอบครัว ทำให้เราได้เห็นว่าหนี้ที่มีมันเยอะมาก ซึ่งเป็นหนี้จากการทำธุรกิจของคุณพ่อทั้งหมดเลยค่ะ แล้วในฐานะลูกสาวรู้สึกว่าเราต้องรับผิดชอบทั้งหมด ซึ่งตอนนั้นเราก็งงอยู่ว่าเราต้องทำอะไรยังไงบ้าง แต่คุณป้าบอกเราว่าตัวเลขมันแค่ดูเยอะเฉยๆ แต่มันมีวิธีการผ่อนโน่นนี่ สามารถทำได้ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเราก็ต้องแบกรับภาระหนี้อีกกี่ปีไม่รู้กว่ามันจะหมด อันนี้คือปัญหาที่เรากังวล

s__76841295

ถาม นอกจากมีหนี้ที่เกิดขึ้น แล้วยังมีครอบครัวอื่นๆ เกิดขึ้นอีก เราเพิ่งรู้ในงานวันนั้น ???

กรีน อัษฎาพร : ใช่ค่ะ แต่จริงๆ คุณแม่รู้มาก่อนส่วนหนึ่งแล้วด้วยค่ะ แต่จริงๆ กรีนก็รู้มาก่อนที่คุณพ่อจะเสียแค่ปีเดียวเองแต่เราก็ไม่ได้บอกคุณแม่ค่ะ เรื่องครอบครัวที่เพิ่มเข้ามา กรีนแฮปปี้มากๆ ที่กรีนมีน้องเพิ่มขึ้นมา แต่เราก็ยังไม่ได้ไปดูแลเขาอะไรมากขนาดนั้นนะคะ แต่ว่าเราก็มีความฝันเนอะ ว่าก็อยากให้น้องๆ มีชีวิตที่ดี เพราะตอนนี้แต่ละคนเขาก็มีงานของตัวเอง ซึ่งพวกเขาโตแล้วค่ะ ห่างจากเราไม่กี่ปีเองค่ะ


ถาม ในฐานะของคนเป็นลูก น้องกรีนบอกว่าแฮปปี้ดีใจที่มีน้องเพิ่ม แล้วตอนนั้นคุณแม่รู้สึกยังไงบ้าง

กรีน อัษฎาพร : ตอนนั้นคุณแม่ก็เสียใจค่ะ เพราะว่าในฐานะลูกกับในฐานะที่เป็นคุณแม่ เราไม่ทราบจริงๆ ความรู้สึกคุณแม่ขนาดไหน เสียใจท่านคงเสียใจ แต่ถึงขั้นไหน โกรธหรืออะไรอย่างนี้ ไม่รู้จริงๆ แต่ขอพูดในฐานะกรีนนะคะ คือเราแฮปปี้ที่มีน้องเพิ่มอีก 2-3 คน ถามว่าก่อนที่จะมาแฮปปี้ กรีนมีโกรธอะไรไหม ไม่โกรธเลยค่ะ พอรู้ความจริงก็แค่ตั้งคำถามว่า ทำไมคุณพ่อถึงไม่บอก ทำไมถึงเก็บไว้ได้ขนาดนี้ แค่นั้นเอง สิ่งที่เรารู้สึกเสียใจก็คือเรารู้สึกสงสารน้องๆ ที่เป็นครอบครัวต่างแม่ค่ะ ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร เขาก็คงเหมือนเราที่อยากจะมีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนกัน


ถาม เคยคุยกับคุณแม่มุมนี้ไหม เพราะว่ามันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่เราไม่ได้พยายามหาบทสรุปที่เป็นตัวอย่างของโลกนะ แต่มันเป็นเรื่องจริงในมุมหนึ่ง ซึ่งมันเป็นมุมที่น่าสนใจ คือความเข้าใจมันอาจจะตามมาในสักวันอย่างแม่เราเสียใจ แต่ลูกไม่ มันจะมีมุมที่จะรู้สึกว่าทำไมลูกไม่เข้าข้างฉันไหม

กรีน อัษฎาพร : จริงๆ แล้วถามว่าเราก็มีโมเมนต์ที่เสียใจเหมือนกันค่ะ แต่เหมือนเราแบบเทิร์นตัวเองได้เร็ว แต่คุณแม่ที่ผ่านเรื่องราวมา ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งก็คุณพ่อเนอะ เขาก็คงจะมีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกันอยู่ แล้วมันเป็นสิ่งที่เขามีสิทธิ์ที่จะเสียใจ รู้สึกได้ ซึ่งเราก็ยอมรับให้เขาได้อยู่กับความรู้สึกนั้น แต่พอมันผ่านช่วงเวลาไปเอาจริงๆ แล้ว เวลาที่คุณแม่เสียใจ เขาเป็นคนใจกว้างนะคะ เขาก็ยินดีและยังยอมรับอีกครอบครัวด้วย ช่วยเหลือเรื่องเงินที่ขาด เขาก็ให้ ซึ่งเราก็มีโอกาสได้เจอน้องๆ ด้วย กรีนอยากเรียนรู้ อยากเจอเขาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง เพราะชีวิตที่ผ่านมา 30 ปี กรีนไม่เคยเจอเขาเลยค่ะ กรีนเลยอยากเจอ อยากนั่งคุยกับเขาว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง พอได้เจอแล้วแบบเขาเก่งค่ะ กรีนรู้สึกว่าเขาเก่ง แล้วเขาฝ่าฟันชีวิตของเขามาเป็นคนดีแบบนี้ได้ยังไง และกรีนรู้สึกว่าชีวิตที่เหลืออยู่เนี่ย เรารู้ว่าเขาคือน้องแท้ๆ ของเรา เราก็อยากให้เขามีชีวิตที่ดีค่ะ เราพร้อมที่จะซัพพอร์ตในทุกๆ อย่างที่เขาอยากจะทำ


ถาม ถ้าพูดถึงในฐานะลูกคนหนึ่ง เป็นพี่ พี่ก็ตกใจนะ ตกใจที่เรามีน้องซึ่งอายุห่างจากเราไม่เท่าไหร่ ถ้าพูดกันตามตรง นั่นหมายถึงคุณพ่อมีครอบครัวที่ซ้อนกันกับคุณแม่มาโดยตลอด สิ่งหนึ่งที่เราหันไปแล้วเราเจอคุณแม่ ตอนนั้นเราให้กำลังใจคุณแม่อย่างไรบ้าง

กรีน อัษฎาพร : กรีนอาจจะไม่สามารถรับรู้ความรู้สึกของแม่ที่แท้จริงได้ค่ะ แต่สิ่งที่เราคิดว่าเราทำได้ ณ ตอนนี้คืออยากตั้งใจทำงานเยอะๆ แล้วอยากให้แม่มีชีวิตที่ดีที่สบาย ไม่ต้องให้เขาต้องกังวลอะไรค่ะ บ้านเราไม่ได้เป็นบ้านที่มานั่งพูดหวานๆ กันแต่เราจะให้ด้วยการกระทำมากกว่าค่ะ เราก็เลยตั้งปณิธานกับตัวเองว่านี่คือจุดเปลี่ยนที่ว่าเราไม่ได้โฟกัสเรื่องความรักของคู่รักแล้ว แต่ว่ามาโฟกัสความรักของแม่มากกว่า เพราะว่าแม่คือเป้าหมายใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา หลังจากที่คุณพ่อเสียไป (ร้องไห้) ทำให้เราเห็นว่าเราเหลือแม่คนเดียว แล้วเราก็อยากทำให้เขามีความสุขที่สุด ถึงแม้ว่าเขาไม่ต้องการ แต่เราก็อยากทำให้เขามากที่สุดและถึงที่สุด ถึงขั้นที่ว่าเราไม่คิดว่าเราอยากจะแต่งงานด้วยซ้ำ เพราะว่าเราอยากจะอยู่กับเขาไปจนกว่าเขาจะไปจากเรา ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้เขาทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องเหนื่อยแล้ว เพราะเขาเหนื่อยมาเยอะมากแล้ว และแม่เขาก็แบกความรู้สึกของพ่อเรามาเยอะมากๆ ค่ะ


ถาม ชีวิตตอนนี้ไม่คิดจะแต่งงาน แต่ก็มีความรักที่ดีมีคนที่ดีอยู่ข้างกาย อย่าง ธันวา เจอกันอย่างไรเอ่ย

กรีน อัษฎาพร : หลังจากที่โสดมาประมาณปีกว่า ก็มาเล่นละคร มาเจอกันเพราะว่าถ่ายละครด้วยกัน แต่ที่เราเจอกันตอนแรกก็ไม่ได้ชอบพอกันตั้งแต่ตอนแรกนะคะ แต่เป็นเพราะว่าละครถ่ายกันมาเป็นปีมันก็มีความใกล้ชิดกัน


ถาม เห็นว่าตอนแรกไม่ชอบหน้ากันด้วย

กรีน อัษฎาพร สมมติจะเล่นกับใคร เรารู้สึกว่าเราต้องมีการปฏิสัมพันธ์กัน ต้องคุยกัน แต่เหมือนแบบทางฝั่งธันวา เขาจะเป็นคนที่ค่อนข้างมีบุคลิกที่ถ้าไม่สนิทเขาจะไม่คุย เพราะว่าเขามีกำแพงของเขาที่เขาสร้างไว้แล้ว นานอยู่เหมือนกันกว่าที่จะคุยกันได้แบบโฟล์วๆ ประมาณ 6 เดือน กว่าจะเริ่มต้นคุยกันได้ ซึ่งเพราะเราเวลาที่อยู่ในกอง เราก็เป็นตัวของเราเอง เขาก็ได้เห็นตัวตนของเรา จนเขาก็เข้ามาคุยกับเรา ซึ่งสิ่งหนึ่งที่เขาบอกว่าประทับใจคือเรื่องที่เวลาที่เราอยู่กอง กรีนก็จะดูแลตัวเองในกองค่ะ แล้วคุณแม่ก็สอนว่าให้เราใช้ของให้เป็นประโยชน์ที่สุด ให้คุ้มที่สุดและก็มัธยัสถ์ ยาสีฟันกรีนบีบจนมันหมดค่ะ เขาก็ได้เห็นเราในโมเมนต์นั้น เขาก็บอกเราว่ากรีนไม่ได้เป็นแบบในข่าว เป็นอย่างที่คนอื่นมองหรือเขามอง เขาก็เลยน่าจะเริ่มเปิดใจจากตรงนั้น ซึ่งก่อนที่เขาจะเปิดใจ เขาก็บอกกรีนนะคะ เขาบอกว่ากรีนน่าจะเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้น่าคบหาด้วย เหมือนฟีลแบบตามข่าว ไม่ได้ดีหรือเปล่า ประมาณนั้นค่ะ แต่พอได้มาทำงานด้วยกันมัน คือมันไม่ใช่ แต่ถามว่าเรารู้สึกว่าเขาโอเคไหม ตัวกรีนเองก็ไม่ได้โอเคตั้งแต่เริ่มต้น เหมือนเราก็ค่อยๆ คุยแล้วเราก็ค่อยๆ ปรับกัน คือมันไม่รู้เป็นกฎแรงดึงดูดอะไรหรือเปล่า กรีนเป็นคนใจร้อน แล้วก็จะได้เจอกับคนที่เหมือนเรามาตลอดเลย คล้ายกับเราตลอด ซึ่งธันวาก็เป็นคนอารมณ์ร้อนบ้างเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่มันดีที่สุดก็คือเขาเลือกปรับหลายๆ อย่างเพื่อเราได้ และเราเลือกที่จะปรับหลายๆ อย่างเพื่อเขาได้เช่นเดียวกัน


ถาม แล้วครอบครัวเรามองความรักครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง

กรีน อัษฎาพร : ก็เหมือนเดิมค่ะ ก็สกรีนนิดนึง เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะว่าเราก็โตขึ้นมากแล้วด้วยค่ะ


ถาม คุณพ่อของกรีนถึงกับเอ่ยปากฝากฝังกรีนกับธันวา มันเหมือนเป็นประโยคที่ปั๊มผ่าน

กรีน อัษฎาพร : ใช่ค่ะ ฝากด้วยนะ เหมือนเขาได้ผ่านระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งเราสองคนเวลามีปัญหาอะไรกัน เราจะใช้อารมณ์กันเยอะ และก็มานั่งตกลงกันว่าเราควรใช้เหตุและผลคุยกันมากกว่า เพราะว่าเราก็โตๆ กันแล้ว แล้วเราก็จะปรับในเรื่องของอารมณ์ว่าถ้าใครที่มีอารมณ์ขึ้นมาปุ๊บ อีกคนคือต้องเบรกแล้วลดลงทันที เพื่อไม่ให้ไปถึงจุดถึงขั้นที่ต้องทะเลาะกัน แล้วพูดคำคำนั้นขึ้นมาอีก เพราะว่าจะกลายเป็นว่าคำคำนั้นก็เป็นคำที่ไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว

s__76841292

ถาม แล้วตอนนี้คือ กรีน ห่วงอะไรคุณแม่บ้าง

กรีน อัษฎาพร : เรื่องสุขภาพค่ะ แล้วแม่เขาจะเป็นคนแบบไม่ค่อยใช้เงินค่ะ ประหยัดมาก คือเขาปวดตัว เขาก็ไม่ยอมไปหาหมอ กรีนก็จะบอกเขาว่าเดี๋ยวกรีนพาไป ก็จะมีความดื้อในแบบของแม่ เพราะกรีนอยากให้เขาอยู่กับเรานานๆ อยากให้เขาอยู่กับเราจนน้องสาวเราแต่งงาน มีหลาน มีอะไร และที่สำคัญคืออยากพาเขาไปเที่ยวเยอะๆ เพราะเขาไม่เคยไปเที่ยวเยอะๆเลย เขาจะกังวลเรื่องเงินมาก กรีนอยากให้แม่เลิกกังวลเรื่องเงินไปเลย เพราะว่าเรื่องเงินเป็นความรับผิดชอบของเรา แม่ไม่ต้องกังวลอะไรเลย ขอแค่แม่บอกว่าอยากทำอะไร ไปที่ไหน กินอะไร คืออยากให้เขาบอกเพราะเราพร้อมที่จะทำให้เขาทุกอย่าง แต่ขอให้เราได้ทำให้แม่เถอะ

VTR คุณแม่กรีน : ในเรื่องของความรักของกรีน แม่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องนี้ของเขา ก็จะปล่อยๆ เพราะว่าเขารักใคร เราก็รักด้วย แต่ถ้าเมื่อไรเขาทุกข์มา แม่ก็จะช่วยปลอบเขาและก็อยู่ข้างๆ ลูก จริงๆ แล้วก็อยากให้ลูกมีความสุขมากกว่า แล้วก็อยากให้เขามีชีวิตคู่ที่ดี เพราะเขาเป็นคนที่อดทนมาก ซึ่งตอนที่เขาเข้าไปอยู่บ้าน AF เขาเป็นคนไม่เก่ง แต่เขาเป็นคนที่พยายามแล้วก็ผ่านมาได้ แล้วพอแม่เห็นเขาประสบความสำเร็จ เขาช่วยเหลือครอบครัว ช่วยเหลือน้องๆ แม่ภูมิใจในตัวเขามาก ที่เขามาถึงจุดนี้ได้และก็รักลูกมากๆ


ถาม อาจจะมีตอนนี้ที่หลายๆ คนเจอปัญหาหนักหน่วง น้องกรีนเองคือหนึ่งในคนที่แก้ปัญหาและในฐานะนักสู้คนหนึ่ง อยากให้กำลังใจหลายๆ คนอย่างไรบ้าง

กรีน อัษฎาพร : (ซับน้ำตา) กรีนอยากจะบอกทุกคนว่ากรีนอาจจะอยู่ในที่สาธารณะ แต่จริงๆ แล้วกรีนก็เป็นแค่คนธรรมดา คนเดินดินธรรมดาที่มีปัญหาเหมือนกัน แต่แม่จะคอยบอกกรีนตลอดว่าให้มองคนที่เขาแย่กว่าเรา เพราะมีคนที่ลำบากเยอะมากๆ จริงๆ เราถือว่าโชคดี อย่าไปมองว่าเราเจอแต่เรื่องมองว่าเราเหนื่อย เราเจอแต่อุปสรรค ถ้าเรามองคนที่เดือดร้อนกว่าเรา เราจะเข้าใจชีวิตมากขึ้นค่ะ ซึ่งพอเรามองแบบนั้นก็ทำให้เรายิ้มได้สู้ได้ เพราะกรีนเชื่อว่าทุกๆ เหตุการณ์ ทุกๆ ปัญหามันมีทางออก แต่อยู่ที่ว่าเราเลือกมองทางไหน ถ้าเราเลือกมองในด้านมืดหรือลบๆ มันไม่มีทางออกอยู่แล้วค่ะ แต่ถ้าเรามองทางออกที่เป็นสิ่งที่ดีๆ แล้วเราก็จะเจอเอง ซึ่งกรีนก็เจอมาตลอด ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มาแบบสบายๆ แต่สุดท้ายมันก็ได้จริงๆ

สามารถชมคลิปย้อนหลังได้ทางยูทูบ :

https://youtu.be/hFnlOaE9jXQ

https://youtu.be/dYeXGFa4cJg

https://youtu.be/TtUExubs1Ps

https://youtu.be/NMdj_E3rGw0

https://youtu.be/HLiEYhGbACs

https://youtu.be/aBtuAc8Fk4k

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เคลลี่ ธนะพัฒน์ รับยังไม่พร้อมมีรักครั้งใหม่ แต่เชื่อว่าสักวันต้องเจอเนื้อคู่
- ธงธง ม๊กจ๊ก เปิดใจ รักครั้งใหม่สุดแฮปปี้ แม้อายุห่าง 20 ปี
- ตั้ม วราวุธ เคยโดนทำของใส่ เพื่อนถึงขั้นจะเลิกคบ ถ้ายังคบผู้หญิงคนนี้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส