คดีพลิก! สาววัยละอ่อนมือตบอริแจ้งฟิวส์ขาดถูกสวนก่อน คนเจ็บชิ่งสื่อโดนทัวร์ลง (คลิป)

จากกรณี วันที่ 4 ต.ค. 64 นายบุญชอบ อายุ 48 ปี ชาว ต.หนองไทร อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้พาน.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ลูกสาว ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ที่อาชีวศึกษาแห่งหนึ่งในอำเภอนางรอง พร้อมหลักฐานคลิปวิดีโอ ที่ลูกสาวถูกหญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง ทำร้ายทั้งตบตี จับหัวโขกกับพื้นถนนหลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บศีรษะบวม เข้าแจ้งความที่ สภ.หนองไทร ให้ดำเนินคดีกับวัยรุ่นที่ทำร้ายร่างกายลูกสาว

วันที่ 5 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านผู้บาดเจ็บ ภายในพื้นที่บ้านหนองเตียน หมู่ 3 ต.หนองไทร อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้บาดเจ็บอยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ และไม่ขอให้ข้อมูลใด ๆ

นางลำไย พิทักศรี แม่ของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนคือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ขณะนี้เจ้าตัวไม่สะดวกและไม่ยินยอมที่จะให้ข้อมูล เนื่องจากโดนกระแสตีกลับจากทางโซเชียล มีสภาพจิตใจย่ำแย่ จากการสอบถามลูกสาวเบื้องต้นทราบว่า
เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 3 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ลูกสาวกับเพื่อนรวม 6 คน ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปตลาดในตัว อำเภอนางรอง จากนั้นก็มี น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของอดีตแฟนหนุ่มของลูกสาว ที่เลิกรากันไปได้ประมาณ 3 เดือน กับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงประมาณ 10 คน ขี่รถ จยย. ตามไปที่ตลาด พยายามพูดหาเรื่องลูกสาว

จนช่วงที่ลูกสาวกำลังขับรถกลับบ้าน กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ก็ได้ขี่รถตามลูกสาวมา และพยายามจะถีบรถของลูกสาวให้ล้มข้างทาง แต่โชคดีที่ลูกสาวประคองรถเอาไว้ กระทั่งพอมาถึงถนนสายนางรอง-ปะคำ ก่อนจะถึงตู้ยามบ้านหนองไทรประมาณ 200 เมตร น.ส.บี (นามสมมติ) กับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ก็ขี่รถมาขวางด้านหน้ารถของลูกสาวเอาไว้ เพื่อไม่ให้ลูกสาวขับรถต่อไปได้ ลูกสาวเลยจำเป็นต้องจอดรถ จากนั้น น.ส.บี (นามสมมติ) ก็เข้ามาต่อว่าลูกสาว ปมปัญหาไม่พอใจที่ลูกสาวเลิกรากับพี่ชายของเขา ก่อน น.ส.บี จะลงมือทำร้ายลูกสาวของตนตามคลิปที่ปรากฏ

ซึ่งจากการสอบถาม ลูกสาวก็พยายามต่อสู้เพื่อป้องกันตัว แต่สู้แรง น.ส.บี ไม่ไหว จนลูกสาวเสียท่าล้มลงกับพื้น จึงถูกน.ส.บี ทั้งตบตีกระชากผมจับหัวโขกกับพื้นถนนมากกว่า 10 ครั้ง โดยที่มีเพื่อนของ น.ส.บี ยืนล้อมคุมเชิงเอาไว้ไม่ให้เพื่อนของลูกสาวที่เห็นเหตุการณ์เข้าไปช่วย แต่ดีที่เพื่อนของลูกสาวสามารถถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐานได้

นอกจากนึ้ ลูกสาวยังเล่าให้ตนฟังอีกว่า หลังจากที่เลิกรากับพี่ชายของ น.ส.บี แล้ว น.ส.บี ก็พยายามตามราวีหาเรื่องลูกสาวตลอด อีกทั้งเคยดักทำร้ายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ลูกสาวไม่ได้เอาเรื่อง เพราะไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ครั้งนี้คู่กรณีถึงขั้นพยายามตามถีบ จยย. และดักทำร้ายตบตี แถมยังจับหัวของลูกสาวโขกกับพื้นถนนจนศีรษะบวม รุนแรงถึงขั้นอาเจียนเป็นเลือด จึงได้บอกเรื่องทั้งหมดให้คนในครอบครัวฟัง ทางครอบครัวจึงนำคลิปหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.หนองไทร เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนที่ทำร้ายลูกสาวของตน

หลังจากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของผู้ก่อเหตุภายในพื้นที่ ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.บี (นามสมมติ) ผู้ก่อเหตุ เผยว่า สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นตนยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพราะทางฝั่งผู้บาดเจ็บก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุตามคลิป ได้มีการโพสต์ข้อความแขวะครอบครัวตนมาแล้วหลายครั้ง หลังจากที่เจ้าตัวได้เลิกรากับพี่ชายของตนไปนานประมาณ 3 เดือน

กระทั่งวันเกิดเหตุ 3 ต.ค.64 ที่ผ่านมา ตนและเพื่อนรวม 7-8 คน ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปตลาดในตัว อำเภอนางรอง เพื่อเดินเล่น แต่กลับพบว่าไปเจอกลุ่มของผู้บาดเจ็บเดินเล่นอยู่ก่อนแล้ว เมื่อฝั่งผู้บาดเจ็บเห็นทางฝั่งของตนมาเดินเล่นที่ตลาดเหมือนกัน จึงเดินเข้ามาพูดแขวะ และด่าทอตนถึงตระกูล บุพการี ก่อนจะมีพูดท้าทายประมาณว่าถ้าไม่พอใจจะตบกันก็ได้เพื่อจบเรื่อง แต่ฝั่งตนก็ไม่ได้ตอบโต้

กระทั่งช่วงขากลับบ้านพื้นที่ ต.สะเดา ขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์กลับพบว่า ผู้บาดเจ็บและเพื่อนรวม 4 คน รถจักรยานยนต์ 2 คัน ได้ขับรถ จยย. อยู่ด้านหน้าตนก่อนแล้ว ซึ่งตนก็ยังไม่ได้คิดอะไร กระทั่งกลุ่มของผู้บาดเจ็บจอดรถ และตะโกนถามตนว่า "จะเอายังไง" กลุ่มของตนจึงทำการจอดรถเพื่อหวังจะพูดคุยเจรจา แต่จังหวะที่กำลังพูดคุย ผู้บาดเจ็บได้พุ่งเข้ามาต่อยหน้าของตนจำนวน 1 ครั้ง บริเวณแก้มด้านซ้าย ตนที่เห็นว่าถูกทำร้ายก่อน จึงตอบโต้ตามคลิปที่ปรากฏ อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้คนในสังคมมองความทั้ง 2 ด้านว่าความจริงเป็นอย่างไร โดยตนขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน และกล้าพูดว่าตนก็ได้รับบาดเจ็บเช่นเดียวกัน ไม่ใช่คู่กรณีได้รับบาดเจ็บเพียงฝ่ายเดียว อีกทั้งในคำกล่าวอ้างของคู่กรณีที่บอกว่าตนและเพื่อนขี่รถ จยย. ไล่ตามไปถีบรถของคู่กรณีเพื่อหวังให้ล้ม ในส่วนนี้ก็เป็นคำกล่าวอ้างที่เกินกว่าเหตุ

ในส่วนที่ตนใช้ความรุนแรงกับคู่กรณีตามคลิป อาจมองว่าตนทำเกินกว่าเหตุ ในส่วนนี้ตนก็อยากจะขอโทษทางครอบครัวผู้บาดเจ็บ ส่วนเรื่องคดีความก็ปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย