แฉพิรุธเมียฝรั่งอ้างมือถือหาย แต่โทรนัดเสถียรจริง วงเหล้าเจอทั้งคู่ก่อนเป็นศพ (คลิป)

กรณีเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ต.ค. 64 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี, พ.ต.อ.ศักดา เหมือนโพธิ์ รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี, พ.ต.ท.นพดล วิเศษศรี รองผกก.สส.หน.สภ.นาข่า, พ.ต.อ.ธานินทร์ อินทร์กอง รองผกก.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี, ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน นำกำลังตำรวจควบคุมตัว นายรูดอล์ฟ โยโซฟ ผู้ต้องหา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมอาวุธปืนสั้นขนาด .38 มีกระสุนอยู่ในลูกโม่ 5 นัด และปลอกกระสุนปืน 1 ปลอก ใช้เวลาประมาณ 30 นาที นั้น

วันที่ 6 ต.ค. 64 เวลา 11.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านของฝรั่งและภรรยา เพื่อขอสอบถามข้อมูล แต่ปรากฏไม่พบสองสามีภรรยา

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี โทรศัพท์ไปยังเบอร์มือถือหมายเลข 0813088XXX ที่โทรมายังโทรศัพท์เครื่องที่ญาติผู้ตายอ้างว่ามีผู้หญิงรายดังกล่าวให้ผู้ตายใช้ ระหว่างที่ทีมข่าวติดต่อไป มีปลายสายเป็นผู้หญิงรับสายว่า "ฮัลโหลค่ะ" ทีมข่าวจึงสอบถามว่าใช่นางลักษณ์ไหมครับ ผู้หญิงคนดังกล่าวจึงตอบว่า "ใช่ค่ะ" ทีมข่าวจึงสอบถามต่อว่าที่ลองโทรหาเบอร์นี้ เพราะว่าเบอร์นี้โทรมาหานายเสถียร ผู้ตาย หญิงคนดังกล่าวตอบว่า "ก็เคยโทรค่ะ"

จากนั้น ผู้หญิงคนดังกล่าวได้บอกกับทีมข่าวว่ายังไม่พร้อมจะชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น รอการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทนายความเท่านั้น ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าตอนเกิดเหตุตัวเองหลับอยู่

จากสภาพศพผู้ตายที่แพทย์ระบุว่าตับฉีกขาด เนื่องจากกระทบด้วยวัตถุของแข็งไม่มีคมนั้น ตัวเองคิดว่าตอนเกิดเหตุผู้ตายอาจจะชนกับขอบรั้ว หรือเหลี่ยมเสาบ้านก็เป็นได้ เพราะเขามีการต่อสู้กัน

ส่วนเรื่องเงินของผู้ตาย 250,000 บาท ที่ได้รับจากการไปขายที่ดินมา ตัวเองก็พอทราบว่าผู้ตายมีเงิน เพราะผู้ตายก็เคยเล่าให้ตัวเองฟังอยู่บ้าง แต่ตัวเองไม่รู้เรื่องรายละเอียดทั้งหมด ขอยืนยันว่าตอนที่พบศพผู้ตาย ตัวเองก็ไม่เห็นเงินจำนวนดังกล่าวอยู่ที่ศพผู้ตาย หลังจากที่เขาเสียชีวิต ตำรวจได้มาที่บ้านของตัวเองพบแต่เงินเหรียญบาท และเหรียญ 5 บาท พวงกุญแจที่พบในตัวผู้ตาย

สำหรับวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เรียกตัวเองไปสอบปากคำเพิ่มแต่อย่างใด ส่วนโทรศัพท์เครื่องที่มีภาพพื้นหลังเป็นรูปตัวเองและสามีชาวต่างชาติ ตัวเองขอชี้แจงว่าไม่ได้เอาไปให้คนอื่นใช้ แต่ตัวเองทำหายเมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว และตัวเองก็มีพยานยืนยันว่าโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวของตัวเองหายจริง ตัวเองยังงงอยู่เลยว่าโทรศัพท์ไปอยู่กับฝั่งนั้นได้อย่างไร

ทีมข่าวสอบถามภรรยาฝรั่ง ถึงประเด็นที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปดื่มกินกับเพื่อนมานั้น ไปกินกับใคร ภรรยาฝรั่งกล่าวว่า วันดังกล่าวตัวเองได้ไปดื่มกินกับเพื่อนที่บ้านโนนตูม ซึ่งคนตายก็ไม่ได้มาดื่มกินด้วย

นางนิด (นามสมมติ) อดีตภรรยาของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ตัวเองจะเก็บอัฐิของนายเสถียร อดีตสามี และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นายเสถียร ส่วนในเรื่องคดี ตัวเองก็ยังคงติดใจสาเหตุการตายของอดีตสามี เชื่อว่าเขาไม่น่าจะไปก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ และคิดว่าถ้านายเสถียรจะไปก่อเหตุจริง เขาคงไม่เอารถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างไปก่อเหตุ คิดว่าที่เขาไปที่บ้านผู้หญิงคนดังกล่าว เป็นเพราะมีคนโทรให้อดีตสามีออกไปพบ

โดยวันนี้ตำรวจยังไม่มีการเรียกตัวเองไปให้ปากคำเพิ่มเติมแต่อย่างใด ส่วนโทรศัพท์ของสามีอีกเครื่อง ตัวเองไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงสามีได้โทรศัพท์มาจากไหน เท่าที่ตัวเองได้ยินคนในวงเหล้าเล่าให้ฟัง เขาก็บอกว่าสามีได้โทรศัพท์มาจากผู้หญิงคนนั้น และเชื่อว่าสามีไม่น่าจะไปขโมยโทรศัพท์คนอื่นมาใช้

นางธง (นามสมมติ) ชาวบ้านที่ดื่มกินเหล้ากับภรรยาฝรั่งก่อนเกิดเหตุ วันที่ 2 ต.ค. 64 เล่าว่า เวลา 08.00 น. ภรรยาฝรั่งได้มาดื่มกินกับตัวเองที่บ้านบนแคร่ โดยมีคนในวงเหล้า 4 คน คือ ตัวเอง ภรรยาของตัวเอง ภรรยาฝรั่ง และรุ่นน้องของภรรยาฝรั่ง มีการดื่มเบียรทั้งหมด 7 กระป๋องกับอีก 4 ขวด ดื่มกินกันจนถึงเวลาประมาณ 11.00 น. จากนั้นทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

หลังจากแยกย้ายกันได้ประมาณ 10 นาที ตัวเองเห็นภรรยาฝรั่ง นั่งรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างมากับนายเสถียรผู้เสียชีวิต โดยผู้เสียชีวิตเป็นคนขับรถ จากนั้นนายเสถียรเขาก็ได้ขับรถพ่วงข้างมาจอดที่หน้าบ้านของตัวเองมาพร้อมกับภรรยาฝรั่ง จอดรถที่หน้าบ้านตัวเอง ซึ่งตัวเองขอยืนยันว่าห็นทั้ง 2 คนด้วยตาตัวเอง จากนั้นตัวเองก็เห็นคนตายมีลักษณะเหมือนหึงหวงอะไรสักอย่าง และคนตายก็พกอาวุธปืนเหน็บไว้ที่เอวของเขา ต่อมาก็ได้ยินภรรยาฝรั่งพูดว่า "พอเถอะ พอเถอะ ฉันอายเขา" จากนั้นทั้ง 2 คนก็พากันขับรถพ่วงข้างออกจากบ้านตัวเอง

โดยตอนที่นายเสถียรมาที่บ้านตัวเอง ตัวเองก็ไม่ได้สังเกตว่าเขาพกกระเป๋ามาด้วยหรือไม่ แต่วันดังกล่าวตัวเองยังพูดในใจเลยว่า "นายเสถียรตัวผอม ๆ แค่นี้จะไปทำอะไรใครได้ จับแขนชกครั้งเดียวก็เสร็จแล้ว" สำหรับตัวเองไม่รู้จักกับผู้ตาย ส่วนภรรยาฝรั่งเป็นคนรู้จักกับภรรยาของตัวเอง

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า ตัวของผู้กระทำความผิดกับผู้เสียชีวิต รูปร่างไม่ต่างกันมาก แต่การต่อสู้ทำให้เกิดการบาดเจ็บจนหมดสติหรือเสียชีวิต จึงทำการผูกมัดแขนขา ทำด้วยตัวเองคนเดียวได้ แต่จะมีผู้อื่นมาช่วยหรือไม่ ต้องดูสภาพแวดล้อมเพิ่มเติม

ส่วนใบความเห็นแพทย์ มีข้อสรุปบาดแผลฉีกขาด ขอบไม่เรียบ บริเวณเปลือกตาด้านขวา หน้าแก้มด้านขวา นิ้วมือด้านขวา แสดงให้เห็นว่าวัตถุที่กระทำให้เสียชีวิต เป็นของแข็งที่ไม่มีคม เช่นไม้ ขวดตีหรือกระแทกลงไป รวมทั้งพบรอยฟกช้ำที่รอบดวงตา โหนกแก้มด้านขวา ชายโครงด้านขวา อาจเป็นลักษณะถูกชกถูกต่อยเตะ เป็นของแข็งที่ไม่มีคม กระแทกทำบาดเจ็บให้เกิดแผลฟกช้ำ

ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตแพทย์ ระบุไว้ว่าตับแตกจนเสียชีวิต มีเลือดออกในช่องท้อง 1,500 ซีซี ลักษณะการตับแตก เกิดได้จากของแข็งที่ไม่มีคมมากระแทกบริเวณหน้าท้อง ตำแหน่งของตับอยู่ใต้ชายโครงด้านขวา อีกส่วนครึ่งล่างอยู่ติดผิวหนังหน้าท้อง หากถูกของแข็งกระแทกแรง ๆ ทางชายโครงด้านขวา จะทำให้ตับแตก และการฉีกขาดของตับ ทำให้เสียชีวิตทันทีได้ หากมีเลือดออกจำนวนมาก เสียชีวิตได้ กรณีนี้เลือดออกมากทำให้ช็อกและเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ การใช้หัวเข่ากดทับไปที่หน้าอกหรือท้อง หากทับหน้าอกส่วนบนจะทำให้หายใจไม่สะดวก การที่ปอดไม่สามารถขยายตัวได้ ถูกกดเป็นเวลานาน มีโอกาสจะทำให้การหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ หากกดต่ำบริเวณชายโครงด้านขวาในแรงที่มากพอสมควร จะทำให้กระดูกซี่โครงหักแทงตับ หรือกดโดยตรงอาจทำให้ตับแตกและฉีกขาดได้ ตับเป็นเนื้อค่อนข้างนุ่ม เวลากระแทกแรง ๆ มีโอกาสแตกได้แน่นอน