ช็อก! สาวเพี้ยนยึดบ้านฉกเสื้อใส่ ญาติโล่งเจอตัวยันป่วยจิตเตลิดหนีข้ามจังหวัด (คลิป)

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อย vplas" ได้โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมบรรยายข้อความระบุว่า #บุกรุกบ้าน !! ยึดบ้าน เสื้อผ้า เป็นของตัวเอง คงจะมีอาการป่วย ยังงัยก็ฝากระวังด้วยนะคะ #คลิปต่อในคอมเม้นท์ จ.อุบลราชธานี เตือนภัยนี่คือบ้านเราเอง คนนี้ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนมานอนบ้านเรา คือว่าบ้านไม่ได้ล็อคเอากุญแจคล้องไว้เฉยๆ และบ้านก็ไม่มีใครอยู่ ตอนเช้าไปเห็นนาง คือชุดที่มันใส่ มันไปค้นในห้องคือเละมาก มันเถียงไม่หยุด ไม่รู้คนบ้าหรือคนดี บุกรุกบ้านคนอื่น

วันที่ 6 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านจุดเกิดเหตุ ภายในพื้นที่บ้านหนองมะทอ ต.ไผ่ใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี บ้านหลังดังกล่าว คนในครอบครัวได้ทำการปิดล็อกด้วยแม่กุญแจเป็นที่เรียบร้อย

น.ส.นิภาดา มานะพิน อายุ 21 ปี เจ้าของบ้าน และนางแจ่มจันทร์ แสงบุญ อายุ 39 ปี น้าสาวเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า บ้านหลังจุดเกิดเหตุเป็นบ้านของพ่อ น.ส.นิภาดา ที่สร้างไว้นานหลาย 10 ปีแล้ว โดยพ่อของ น.ส.นิภาดา จะไป ๆ มา ๆ เนื่องจากต้องไปทำงานอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เลยทำการปิดบ้านล็อกไว้ ส่วนน.ส.นิภาดา ก็จะอาศัยอยู่ญาติอีกบ้านหนึ่งใกล้กัน

จากวันที่ 27 ก.ย. 64 วัวที่เลี้ยงไว้ในคอกใกล้บ้านหลังเกิดเหตุป่วย ทางครอบครัวเลยให้หมอวัวมารักษาให้ คนในครอบครัวเลยทำการเปิดบ้านไว้ เพื่อให้หมอวัวได้ใช้ห้องน้ำ หรือใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้ แต่หลังจากหมอวัวกลับไป คนในครอบครัวก็ลืมล็อกประตูบ้านไว้ กระทั่งวันที่ 3 ต.ค.64 ช่วง 08.00 น. คนในครอบครัวจะนำหญ้ามาให้วัวกินที่คอก แต่กลับพบว่าหญิงรายดังกล่าวที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนหรือเป็นใคร กำลังยืนตักน้ำจากโอ่งน้ำข้างบ้านใส่กะละมัง เสมือนจะเตรียมอาบน้ำ หรือจะทำอาหารอะไรบางอย่าง ด้วยความตกใจที่ไม่รู้ว่าหญิงรายดังกล่าวเป็นใคร จึงได้มาวิ่งมาบอก น.ส.นิภาดา ที่เป็นลูกเจ้าของบ้านให้มาดู

เมื่อมาถึงก็พบว่าหญิงรายดังกล่าวได้นำเสื้อผ้ากางเกงของ น.ส.นิภาดา มาสวมใส่เหมือนกับเป็นเสื้อผ้าของเจ้าตัวเอง ซึ่งจากการสอบถามหญิงคนดังกล่าวก็ไม่ยอมบอกชื่อว่าเป็นใคร บอกเพียงว่าเดิมที่เจ้าตัวเป็นคน จ.รัอยเอ็ด และที่มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะว่า พ่อของเจ้าตัวเป็นคนสร้างไว้ ซึ่งเสื้อผ้าที่ส่วมใส่ก็เป็นของ น.ส.นิภาดา จึงตัดสินใจถ่ายคลิปวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งทางครอบครัวยืนเถียงกับหญิงสาวรายดังกล่าวนานเกือบ 30 นาที กว่าเจ้าตัวจะยอมเดินออกมาจากบ้าน ทำให้คนในครอบครัวอาศัยจังหวะนั้นรีบทำการนำแม่กุญแจมาคล้องล็อกประตูบ้านไว้ ผ่านไปสักพักหญิงรายดังกล่าวจึงเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับเสื้อผ้า และกระเป๋าใส่ผ้าของ น.ส.นิภาดา ออกไปด้วยตามคลิปที่ปรากฏ

จากการสอบถามว่า "จะไปไหน" เจ้าตัวก็ได้ตอบกลับมาว่า จะเดินทางไป สภ.ม่วงสามสิบ เนื่องจากพ่อของหญิงดังกล่าวถูกตำรวจจับไว้ ก่อนเดินหายไป อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นทางครอบครัวไม่ได้ติดใจเอาความ เพราะจากการพูดคุย เชื่อว่าหญิงรายดังกล่าว น่าจะเป็นคนสติไม่ดี หรือมีอาการป่วยทางจิต หลังเกิดเรื่องทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ม่วงสามสิบ ได้มีการประสานหาญาติของหญิงสาวรายดังกล่าวให้รีบเดินมารับตัวกลับบ้านเป็นไปที่เรียบร้อย

สุดท้ายนี้ ตนก็อยากให้คนในครอบครัวของหญิงรายนี้ควรดูแลอย่างใกล้ชิด หากเจ้าตัวมีอาการป่วยจริง ก็รู้สึกว่าน่าเป็นห่วง เนื่องจากเสี่ยงต่อการเกิดเหตุดังกล่าวซ้ำอีก

นายฉัตรชัย หรือ ต่อ น้องชายของหญิงผู้ก่อเหตุ เผยว่า น.ส.ปาริฉัตร หรือ ต้อม อายุ 40 ปี พี่สาวตนปัจจุบันจะอาศัยอยู่กับผู้เป็นแม่ ภายในพื้นที่หมู่บ้านเหล่าสมบูรณ์ ต.ดงลาน อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด มีอาการทางประสาทมานานหลาย 10 ปีแล้ว ญาติเคยพาตัวไปรักษาอาการป่วยหลายที่ แต่เจ้าตัวอาการก็ยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากเวลาแพทย์ให้ยามากินที่บ้านก็มักจะไม่กินยา ชอบแอบทิ้งอยู่บ่อยครั้ง อาการจึงไม่หายขาด

เหตุเริ่มจากช่วงเช้า วันที่ 11 ก.ย. 64 น.ส.ปาริฉัตร ได้มาขอเงินแม่ 200 บาทเพื่อเจ้าตัวจะขี่รถออกมาซื้อของกินภายในตัวเมือง ที่อยู่ห่างหมู่บ้านประมาณ 3 กม.เป็นกิจวัตรประจำวันของเจ้าตัวอยู่แล้ว คนในครอบครัวจึงไม่ได้เอะใจ แต่หลังจากที่ น.ส.ปาริฉัตร ออกจากบ้านไป เจ้าตัวก็ไม่ขี่รถกลับมาที่บ้านอีกเลย คนในครอบครัวจึงออกตามหา ขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิกระจกเงา กู้ภัยที่รู้จักกันภายในพื้นที่ ให้ช่วยออกติดตามตัว แต่ก็ไม่พบตัว

ในตอนแรกคนในครอบครัวมีความกังวลว่า น.ส.ปาริฉัตร น่าจะไม่รอด เนื่องจากหายออกจากบ้านไปก็เกือบ 1 เดือน อีกทั้งเจ้าตัวก็มีโรคประจำตัวคือเบาหวาน กระทั่งวันที่ 3 ต.ค.64 ตนไปเห็นเรื่องราวของพี่สาวตนจากเพจ "เจ๊ม้อย vplus" พี่สาวยังมีชีวิตอยู่ และได้ไปอาศัยแอบเข้าบ้านของชาวบ้านตามคลิปที่ปรากฏ หลังทราบเรื่องทางครอบครัวจึงประสานไปยัง สภ.ม่วงสามสิบ ที่ดูแลรับผิดชอบภายในพื้นที่ช่วยเฝ้าไว้ก่อนที่ทางครอบครัวจะรีบขับรถไปรับตัวกลับบ้าน

จากการสอบถาม น.ส.ปาริฉัตร ให้ข้อมูลว่า เจ้าตัวได้ขี่รถออกจากพื้นที่หมู่บ้าน จ.ร้อยเอ็ด มาเรื่อย ๆ โดยไม่ได้มีเสื่อผ้าติดตัวมา มีเพียงแค่เงินจำนวน 200 บาทไว้ซื้อของกิน กระทั่งเจ้าตัวมาตามทางเรื่อย ๆ น้ำมันรถหมด จึงจอดทิ้งไว้ระหว่างทาง และเดินเท้ามาเรื่อย ๆ อาศัยขอข้าวขอน้ำชาวบ้านประทังชีวิต จนล่าสุดได้แอบเข้าไปอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นบ้านของตัวเองซึ่งห่างกันระยะทาง 134 กม.

อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะขอโทษเจ้าของบ้าน ที่พี่สาวของตนแอบเข้าไปอาศัยหลับนอนและขโมยเสื้อผ้ามาสวมใส่ แต่ในส่วนนี้ตนอยากจะให้คนในสังคมเข้าใจว่า พี่สาวของตนมีอาการป่วยทางจิต ไม่สามารถควบคุมหรือมีสติเหมือนคนปกติทั่วไป โชคดีที่ในครั้งนี้ปลอดภัย และไม่ได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต สุกท้ายนี้ ครอบครัวจะดูแล น.ส.ปาริฉัตร อย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งมีการประสานติดต่อรพ.ขอนแก่น, รพ.อุบลราชธานี เพื่อพบแพทย์จิตเวชให้พี่สาวเข้าทำการรักษาให้หายขาด