จากกรณี เซฟบุ๊กแฟนเพจ "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 1" ได้เผยแพร่ข้อมูลระบุว่าครอบครัวนายภูริวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ อายุ 16-17 ปี โดนลูกหลงถูกยิงอาการสาหัส เมื่อวันที่ 30 ก.ย.64 ขณะนี้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
สืบเนื่องจาก วันที่ 30 ก.ย.64 เวลา 20.40 น. กลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม คือกลุ่มนายดรีม กับกลุ่มนายธนกฤษ หรือ ไนท์ ทะเลาะวิวาท กัน กลุ่มนายดรีมหยิบปืนยิงเข้าใส่กันตามกล้องวงจรปิด จนกระทั่งขับรถหลบหนีไปผ่านทางเส้นทางรถไฟ และทางด้านนายไนท์ ระหว่างขับรถหนีกลับบ้าน ถูกนายดรีมยิงเข้าบริเวณสะโพกช่วงท้องทะลุเข้าม้าม และขับรถเซหลบหนีไปยังบ้านในซอย 9 ถ.ประชาอุทิศ
ต่อมานายพีรพัฒน์ หรือ เจ อายุ 19 ปี และนายภูเบต หรือ ภูมิ อายุ 19 ปี เดินทางไปดูนายไนท์ที่เกิดเหตุ นายพีรพัฒน์ มีปืนพกติดตัว 1 กระบอกและนายภูมิล้วงหยิบปืนตามขับรถไปยังร้านชำ ใกล้สามแยะบ้านเปอะ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อที่ไปตามหา นายดรีม จนกระทั่งรัวกระสุนใส่ร้านชำ ทำให้นายภูริวัฒน์ ผู้บาดเจ็บ ที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือหน้าร้านของชำ โดนลูกหลงกระสุนเข้าที่ท้ายทอย อาการสาหัสนั้น
วันที่ 7 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังบ้านหลังหนึ่งอยู่ใกล้เคียงกับร้านของชำจุดที่เกิดเหตุ ห่างจากร้านชำประมาณ 200 เมตร ภาพจากกล้องวงจรปิดในเวลา 21.02 น. มีรถนายพีรพัฒน์ และนายภูเบต หรือ ภูมิ ขับขี่ผ่านหน้าบ้านหลังดังกล่าว ไปด้วยความเร็ว กระทั่งผ่านไปไม่เกิน 20 วินาที ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นกว่า 10 นัด และมีรถอีกคันขับรถตามหลังมา เมื่อได้ยินเสียงปืน รถดังกล่าวขับรถวนกลับถอยหลังกลับไป กล้องวงจรปิด จากมุมบ้านอีกหลังใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ประมาณ 150 เมตร ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นหลายนัด
น.ส.วิสา (นามสมมติ) ชาวบ้าน ระบุว่า ตนเองนอนอยู่ที่บ้าน วันที่ 30 ก.ย.64 ประมาณ 21.00 น. ได้ยินเสียงดังสนั่นคล้ายคาดเป็นเสียงปืน ดังเป็นชุดกว่า 10 นัดรัว ๆ ต่อมาก็ได้ยินเสียงเด็กร้องเสียงดังมาก ตนเองตกใจไม่กล้าออกไปดูที่เกิดเหตุ จนกระทั่งมาเห็นว่ามีรถกู้ภัยเดินทางขับรถเข้ามารับตัวน้องผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล และมาทราบข่าวในตอนเช้าอีกวัน ทราบว่าถูกกลุ่มวัยรุ่นยิง
ตนยืนยันว่าบริเวณแถวนี้มีกลุ่มวัยรุ่นค่อนข้างเยอะ วัยมัธยมต้น-ปลาย เช่าห้องพักอยู่บริเวณแถวนี้ ส่วนใหญ่เด็กมักจะนั่งรวมตัวเป็นกลุ่มกันยังร้านขายของจุดเกิดเหตุ นั่งเล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต ไม่ได้มีการมั่วสุมแต่อย่างใด ตนเองเคยเห็นนายภูริวัฒน์ หรือ เต คนเจ็บ แวะเข้ามาซื้อของที่ร้าน ดูเป็นคนเรียบร้อย และนามสกุลเดียวกันเพราะเป็นญาติห่าง ๆ อีกด้วย ตนยอมรับตกใจมาก อีกทั้งกังวลความปลอดภัย ไม่ทราบว่าวัยรุ่นกลุ่มไหนมีปัญหาทะเลาะกัน และตามมายิงกันเช่นนี้อีก
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังร้านของชำ สามแยกบ้านเปอะ ต.ถ้ำใหญ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นายสมร (นามสมมติ) พ่อค้าร้านชำ ให้ข้อมูลว่า จากเหตุการณ์ที่มีวัยรุ่นขับรถเข้ามายิงกราดกระสุนยังร้านค้า เนื่องจากตามมาหาตัวนายดรีม ที่บ้านอยู่บริเวณชุมชนใกล้เคียงแถวนี้ แต่เพื่อนของนายดรีมเช่าห้องพักของตนเองอยู่บริเวณหลังร้านชำ นายดรีมจะมาแวะเวียนมายังร้านชำแห่งนี้ทุกวันเป็นประจำ มาซื้อของ นั่งเล่นกับเด็ก ๆ ที่ม้าหินอ่อนหน้าร้าน และกลับไป โดยกลุ่มเด็ก ๆ รู้จักนายดรีม แต่ไม่สนิทชิดเชื้อ เพียงแค่เจอหน้าก็พูดคุยทักทายกัน เนื่องจากนายดรีมอายุเยอะกว่า และก็เคยพูดคุยกันบ้าง เพราะเนื่องจากเป็นเสมือนรุ่นพี่ในชุมชน
โดยในวันที่เกิดเหตุ จากการที่นายภูเบต และนายพีรพัฒน์ ให้ปากคำจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ระบุว่ามีการยิงโต้ตอบกันทั้งสองฝั่งนั้น เมื่อตนเองได้ยืนเสียงปืนดังกล่าวหลายนัด ตนเองก็ได้หมอบลง แต่ก็ไม่แน่ชัดว่าใครยิงใคร ยืนยันว่านายดรีมไม่ได้ขับรถเข้ามายังที่ร้านในวันที่เกิดเหตุ เนื่องจากวันดังกล่าวมีเด็กเข้า ๆ ออกร้านเป็นจำนวนมาก จึงจำไม่ค่อยได้ อีกทั้งระยะเวลาผ่านมานานหลายวัน อีกทั้งตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ ตนเองไม่เห็นนายดรีมแวะเวียนเข้ามาที่ร้านเพื่อมาซื้อของเลย ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดของตนเสียอยู่จึงไม่สามารถเปิดดูได้ เนื่องจากลืมตั้งค่าบันทึกเอาไว้
จากการตรวจสอบประวัติ นายภูเบต หรือ ภูมิ เคยก่อเหตุแทงคนตายเมื่อ 21 ก.ย. 63 มาก่อน แต่ไม่ติดคุก โดย น.ส.สมหญิง หยิกยี่ อายุ 33 ปี แม่นายธเนศ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เล่าว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย. เพื่อนลูกชายชวนลูกชายไปซื้อข้าวที่ตลาดโต้รุ่ง อ.ทุ่งสงนครศรีธรรมราช เวลา 17.30 น. กระทั่ง เวลา 18.00 น. ทราบว่าลูกชายมีเหตุทะเลาะวิวาทและถูกแทงเสียชีวิต
โดยตนเองทราบว่าวันที่น้องเดินทางออกจากบ้านพร้อมเพื่อน ไม่ได้มีอาวุธใดใดติดตัวเลย กระทั่งไปเจอกันกลุ่มของนายภูเบต และนายวรวิทย์ พร้อมพวกอีก 2 คน ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายธเนศ โดยใช้อาวุธมีดปลายแหลม ความยาว 7-8 นิ้ว 1 เล่ม และมีดปลายแหลไม่ทราบขนาด 1 เล่ม และเหล็กขูดชาร์ป ความยาว 6 นิ้ว 1 เล่ม รุมทำร้ายร่างกาย ตนยืนยันว่านายภูเบต คือหนึ่งในผู้ก่อเหตุในวันดังกล่าว
อีกทั้งคดีความต่าง ๆ ตนเองได้ไปขึ้นศาลมา 1 ครั้ง โดยในวันดังกล่าวทางผู้ก่อเหตุทั้ง 4 ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา ตนเองได้มีการเรียกเงินค่าสินไหมทดแทน 1 ล้านบาท จากผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน คนละ 500,000 บาท ในการเยียวยาครอบครัว โดยครอบครัวของนายภูเบตมอบเงินเยียวยาเป็น 100,000 บาท
ล่าสุด ปัจจุบันนี้ครอบครัวนายภูเบตติดต่อเพียงแค่วันที่ศาลนัดพูดคุยเท่านั้น แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องของเงินค่าเยียวยาที่ต้องชำระทั้งหมด ตนเองก็ไม่ได้ติดต่อไปยังครอบครัวผู้ก่อเหตุ ส่วนครอบครัวผู้ก่อเหตุ ก็ไม่ได้ติดต่อเข้ามามอบเงินเยียวยาแต่อย่างใด ตนเองมองว่าสาเหตุใดที่นายภูเบตถึงก่อเหตุมาแล้ว และก่อเหตุซ้ำอีกในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี มองว่ากฏหมายไทยอ่อนหรือไม่ ทำให้ผู้ก่อเหตุลอยนวลได้ในปัจจุบัน ตนเองอยากให้นายภูเบตได้รับโทษติดคุกจริง
