กรณีเมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 17 ต.ค. 64 พ.ต.ท.อนุรักษ์ รามสูตร สว.(สอบสวน) สน.บางชัน รับแจ้งเหตุแทงกันตาย ที่บ้านหลังหนึ่งถนนรามคำแหง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ จึงรีบรุดไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
พบที่เกิดเหตุเป็นลักษณะเป็นทาวเฮ้าส์ ความสูง 2 ชั้น บริเวณหน้าบ้านพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีดำ ทะเบียน กบ 7622 นครปฐม จอดอยู่ ภายในมีรถยนต์อีกคันจอดโดยคลุมผ้าไว้ จากการตรวจสอบบริเวณประตูทางเข้าบ้านพบศพชาย 1 ราย ทราบชื่อนายสมบูรณ์ ทิพหา หรือ แดง อายุ 66 ปี อดีตโบรกเกอร์ มีบาดแผลถูกมีดแทงที่หน้าอก 2 แผล แขน 1 แผล ท้ายทอย ต้นคอ และตามร่างกายรวม 15 แผล
เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าที่เกิดเหตุ ซึ่งแพทย์นิติเวชใช้เวลาชันสูตรเบื้องต้นนานกว่า 1 ชม. ก่อนมอบมูลนิธิร่วมกตัญญูนำศพส่งชันสูตรโดยละเอียด ที่นิติเวช รพ.ตำรวจ
ล่าสุด ทีมข่าวย้อนมายังหมู่บ้านที่เกิดเหตุ กล้องวงจรปิดพบชายลักษณะเดียวกัน ผิวเหลือง ผมสั้นรองทรง สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีดำกางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ สะพายกระเป๋า มีท่าทีต้องสงสัย รีบเดินออกจากหมู่บ้านแต่หันมามองที่ป้อม รปภ. หน้าหมู่บ้าน ก่อนเดินเลี้ยวซ้ายไปด้วยความเร่งรีบ
โดยเมื่อเวลา 22.00 น. ของวานนี้ ชุดสืบสวน สน.บางชัน และกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 สามารถจับกุมตัวนายหัทเมธ ทิพหา หรือ ดิว อายุ 33 ปีลูกชายของนายสมบูรณ์ ผู้เสียชีวิต ที่อะพาร์ตเมนต์ ซ.นวมินทร์ 54 นำตัวไปสอบปากคำที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ขณะนั้นผู้ต้องหาให้การวกวน ก่อนคุมตัวมาที่ สน.บางชัน สอบสวนเพิ่มเติม ก่อนมีการแจ้งข้อหาพกพาอาวุธมีดไปในที่สาธารณะและเจตนาฆ่าบุพการี โทษสูงสุดคือประหารชีวิต
ซึ่งเจ้าตัวอ้างทำไปเพราะป้องกันตัว โดยชุดสืบรวบตัวได้พร้อมมีดสั้นที่ใช้ก่อเหตุ และพบชุดที่สวมใส่คือเสื้อสีดำ กางเกงยีนต์ รองเท้าแตะ และกระเป๋าสะพาย ร่ม 1 คัน เสื้อผ้ายังเปียกอยู่ หลังจากนี้ พลตำรวจตรีพรชัย ขจรกลิ่น ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 จะมีการแถลงต่อไป
เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.อ.กิตติ แสงศิริวุฒิ ผู้กำกับการสน.บางชัน พร้อมชุดสืบสวน ได้นำตัวนายหัทเมธ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 4 จุดหลัก ได้แก่ จุดที่ 1 หน้าบ้าน โดยเจ้าตัวอ้างว่านั่งรถแท็กซี่เข้ามาที่บ้านก่อนใส่รหัสประตูหน้าบ้าน เข้าไปด้านในเพื่อเก็บของ
จุดที่ 2 ระหว่างที่เก็บของนั้นผู้ตายซึ่งเป็นพ่อเข้ามาหา ทำให้เกิดทะเลาะวิวาทกัน จึงต้องหยิบเหล็กงัด มีดมาป้องกันตัว เมื่อก่อเหตุเสร็จไปล้างมือในห้องน้ำ
จุดที่ 3 หลังก่อเหตุผู้ต้องหาออกจากบ้าน สภาพแขวนร่มไว้ตรงกระเป๋า มือซ้ายถือเหล็กที่ใช้เป็นอาวุธด้วยนั้น แต่จังหวะหน้าบ้านทำร่มหล่นจึงก้มหยิบร่ม และเอาเหล็กใส่กระเป๋าสะพายข้าง
จุดที่ 4 เดินเท้าไปตามทางหมู่บ้านผ่านป้อม รปภ.หน้าหมู่บ้าน เลี้ยวซ้ายตรงไปยังร้านขายยาหน้าหมู่บ้านอยู่ห่างป้อมรปภ. 100 เมตร เพื่อซื้อแมสก์ แต่ระหว่างนั้นได้ทำท่อนเหล็กตก คาดว่าเป็นหนึ่งในอาวุธที่ใช้ทำร้ายผู้ตาย ก่อนจะก้มเก็บใส่กระเป๋าสะพาย ซื้อแมสก์เสร็จ จากนั้นได้เรียกรถแท็กซี่กับที่พักย่านนวมินทร์ มีภาพวงจรปิดสามารถเก็บภาพเหตุการณ์ที่หน้าร้านขายยาได้ทั้งหมด
การทำแผนประกอบคำรับสารเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีชาวบ้านมารุมประชาทัณฑ์ มีมายืนสังเกตการณ์เท่านั้น แต่ในช่วงท้ายของการทำแผน ทีมข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาว่าอยากขอโทษพ่อหรือไม่ และทำไมต้องหนี หากยืนยันว่าทำไปเพราะถูกปองร้ายก่อน และป้องกันตัว แต่ผู้ต้องหาปิดปากเงียบ ก่อนที่ตำรวจจะพาขึ้นกระบะกลับ สน.บางชัน ทันที
ภญ.ณัชชา ตรงเจริญชัย เภสัชกรที่ขายแมสก์ให้ผู้ต้องหา เล่าว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 16.00 น. ผู้ต้องสงสัยได้มาซื้อแมสก์ด้วยท่าทางปกติ ยืนรออยู่หน้าร้าน เพราะไม่ได้สวมแมสก์ จากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น ตนเองจึงนำแมสก์ออกไปให้เลือก
ขณะจ่ายเงินแบงก์ 20 บาท สังเกตเห็นว่าที่มือมีรอยเปื้อน ก่อนตนทอนเงิน 5 บาท นายดิวได้เดินออกไปแบบปกติ หลังจากนั้นแม่ค้าร้านส้มตำด้านหน้าร้านบอกตนเองว่าเห็นอาวุธและในหมู่บ้านมีคนตาย ตนจึงตกใจคิดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในหมู่บ้าน
ล่าสุด พลตำรวจตรีพรชัย ขจรกลิ่น ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 แถลงจับกุมนายหัทเมธ พร้อมของกลางทั้งชุดที่สวมใส่คือกางเกงยีนส์ขายาว เสื้อเชิ้ตสีดำ รองเท้าฟองน้ำกูหนีบสีเหลืองดำ กระเป๋าสะพายสีดำ ร่มสีชมพู และมีดปลายแหลมพร้อมปลอก 1 ด้าม
ผู้ก่อเหตุใช้มีดแทงพ่อจริง แต่อ้างว่าเพื่อป้องกันตัว หลังจากที่พ่อพยายามเข้ามาทำร้ายร่างกาย ในระหว่างที่จะเข้าไปเอาสิ่งของบางอย่างภายในบ้าน แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของนายหัทเมธ ส่วนการสอบประวัติไม่พบการใช้สารเสพติด และประวัติป่วยจิตเวช
จากนั้น เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมควบคุมตัวนายหัทเมธ ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามปมการสังหารพ่อของตัวเอง เจ้าตัวยืนยันว่าทำไปเพราะป้องกันตัว เนื่องจากในช่วงเกิดเหตุแค่เข้าไปเอาของในบ้าน จึงเกิดการทะเลาะวิวาทกัน และพ่อพยายามเข้ามาทำร้าย ก่อน และพ่อยังเล่นไสยศาสตร์
นายวรพงษ์ ทิพหา อายุ 68 ปี พี่ชายคนโตของผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนเองและนายแดง ผู้เสียชีวิต มีพี่น้อง 5 คน เป็นชาย 4 คน และผู้หญิง 1 คน ส่วนนายแดงเป็นลูกคนที่ 2 แม่เสียชีวิตไปแล้ว เหลือแต่พ่อที่ชรา อายุ 93 ปี ที่อาศัยอยู่ จ.ตาก ตอนนี้พ่อยังไม่รู้และยังถามนานแดงอยู่ตลอดด้วย ตนยอมรับว่าไม่ค่อยได้ติดต่อกับนายแดง จึงไม่รู้ว่านายแดงตาย ทราบข่าวจากอมรินทร์ทีวีจะเดินทางไปสถานีตำรวจก็เคอร์ฟิวแล้ว ตอนนั้นกังวลใจมาก นอนไม่หลับ ยิ่งเห็นข่าวว่าไร้ญาติก็เสียใจมาก
สำหรับตนเจอนายแดงครั้งสุดท้ายเมื่อ 3 ปีก่อน และไม่ได้คุยอะไรมาก แค่ถามสารทุกข์สุขดิขทั่วไป แต่ตนเป็นพี่ชายรู้จักนายแดงดีว่าเป็นคนรักลูกมาก และนายแดงเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่สุงสิง ไม่ชอบความวุ่นวาย จึงเป็นไปไม่ได้ว่านานแดงจะทำร้ายลูก ร่วมถึงนานแดงเป็นคนเล่นกล้าม แข็งแรงมาก ถ้าจะสู้ลูกขณะนั้นตนเชื่อว่านายแดงทำได้ แต่นายแดงรักลูกให้ลูกได้ทุกอย่าง ถึงไม่ทำร้ายลูก
ทั้งนี้ ตนสงสัยบางอย่าง ไม่เชื่อว่านายดิวจะก่อเหตุคนเดียว เพราะขณะที่นายแดงเลิกกับภรรยา มีการจ้างนายแดง 1 ล้าน ให้หย่า แต่นานแดงไม่หย่ามาจนปัจจุบันนี้ ตนก็ไม่ทราบเหตุผลว่าเพราะอะไรนานแดงถึงไม่หย่ากับเมีย แต่จากนั้นสามีใหม่ของภรรยานายแดงเคยขู่ฆ่า แต่เรื่องมันก็เงียบไป ตนเองจึงสงสัย อยากให้ตำรวจสืบเรื่องนี้ให้ละเอียดก่อนสรุปคดี
นอกจากนี้ ภายหลังนายวรพงษ์ ทิพหา อายุ 68 ปี พี่ชายคนโตของนายแดง และหลาน ๆ ได้เดินทางไปรับศพที่ รพ.ตำรวจ ซึ่งรับมาประกอบพิธีการทางศาสนาไว้ที่วัดวัดขจรศิริ ซอยอ่อนนุช 45 กรุงเทพฯ ทีมข่าวมาถึงก็พบเพื่อนพี่น้อง และหลาน ๆ ของนายแดง โดยไร้ซึ่งภรรยา และยังไม่พบลูกชายคนโตมาร่วมรดน้ำศพ
บรรยากาศการรดน้ำศพนั้นเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะนางยุพิน คงแก้ว อายุ 57 ปี น้องสาวคนเล็ก บอกว่า "ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะพี่ ไม่ต้องห่วง"
นางยุพิน เปิดเผยว่า ไม่เชื่อแน่นอนว่านายแดงจะทำร้ายลูก อีกทั้งถ้าสู้ลูกก็ทำได้ เพราะนายแดงแข็งแรง อีกทั้งที่ผ่านมานายแดงให้ความดูแลซับพอร์ตลูกชายทั้ง 2 คน โดยเฉพาะในดิว ผู้ก่อเหตุ นายแดงเป็นคนจ่ายค่าเช่าห้องให้ตลอด ส่วนนายเดียร์ ลูกชายอีกคนซึ่งมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ มีภรรยาแล้ว นายแดงมักจะไปหาสู่ตลอด ตนจึงสงสัยว่าจะมีใครที่บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่
สำหรับนายแดงกับภรรยาที่เลิกรากันไปกว่า 10 ปี วันเลิกราก็ไม่ได้เลิกรากันด้วยดี เป็นจังหวะที่ทั้งคู่ไปเจอกันบ้านลูกจึงทะเลาะเพราะภรรยาแอบไปมีผัวใหม่ และได้เลิกรากันไป จากนั้นจำได้ภรรยานายแดงมีสามีใหม่เคยพยายามจ้าง 1 ล้าน ให้นายแดงหย่า แต่นายแดงไม่หย่า และให้เหตุผลกับตนแค่ว่ากลัวไปแล้วภรรยาไม่มา จากนั้นเรื่องนี้ก็เงียบไป และภรรยานายแดงน่าจะมีสามีใหม่เรื่อย ๆ จนตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังไม่ได้หย่ากัน สำหรับตอนนี้ ตนติดต่อภรรยานายแดงไม่ได้เลย จึงไม่รู้ว่าตำรวจเรียกมาให้การหรือส่วนนายเดียร์ติดต่อได้เมื่อคืนแต่ก็ตัดสายทิ้งไป และไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงไม่อยากให้ตำรวจสรุปคดีนี้ง่าย ๆ อยากให้สืบว่ามีใครบงการหรือไม่
นางพิมพ์พา (นามสมมติ) เพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงขณะที่ทั้งคู่มีปากเสียงกัน เปิดเผยว่า ตนทราบว่าลุงแดงมาเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 20 ปีแล้ว ส่วนตนมาซื้อบ้านอยู่ข้าง ๆ ได้ประมาณเกือบ 10 ปี ซึ่งในช่วงนั้นเห็นลูกชายที่เป็นผู้ต้องหา มาหาลุงแดงเป็นประจำ แต่ก็แอบสงสัยว่าทั้งคู่ไม่คุยกันเลย จากนั้นตนก็ออกไปรับจ้างงานที่อะพาร์ตเมนต์ประมาณ 5 ปี ไม่ได้กลับมาบ้านเลย จึงไม่รู้ว่าช่วงนั้นลุงแดงเป็นอย่างไร แต่เมื่อกลับมาก็ได้เจอลุงแดง ลุงแดงเล่าให้ฟังว่าได้เลิกลากับภรรยาไปหลายปีแล้ว และตอนนี้ภรรยามีผัวใหม่แล้ว ตนก็รับรู้ได้ว่าลุงแดงก็เป็นคนอัธยาศัยดี และอาศัยอยู่บ้านเพียงลำพัง
ขณะที่นิสัยส่วนตัวของลุงแดงจะชอบเก็บตัว เป็นคนเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร แต่บางวันประมาณตี 2 ตนจะได้ยินเสียงเหมือนลุงแดง ซ่อมจักรยาน และบางวันมักจะได้ยินเสียงลุงแดงพูดคุย 1-2 ชั่วโมง ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นการพูดคนเดียวหรือคุยโทรศัพท์ ส่วนเรื่องความคลั่งไสยศาสตร์ ตนไม่ทราบ เพราะลุงแดงไม่เคยมาดูดวงให้
สำหรับก่อนเกิดเหตุเมื่อวานนี้ ตนได้ยินแค่เสียงคนทะเลาะวิวาทกัน ก่อนจะมีเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือทำนองว่า "ดิวอย่าทำ ดิวช่วยด้วย" จากนั้นเสียงก็เงียบไป ก่อนมีข้างบ้านอีกฝั่งตะโกนว่า"มีอะไรให้ช่วยไหม" แต่มีเสียงตอบรับ ตนจำได้ว่าคือเสียงลุงแดง บอกว่าไม่มีอะไร ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น กระทั่งมีกรรมการหมู่บ้านพบศพลุงแดงนอนจมกองเลือดเสียชีวิต จึงแจ้งตำรวจให้เข้ามาดำเนินการ