เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 64 เวลาประมาณ 21.30 น. ร.ต.ท.นำโชค ดวงสุวรรณ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองสระบุรี และกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุ นายสมเพ็ญ ปุณณรัตนกุล หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 58 ปี ถูกยิงกันเสียชีวิต ภายในซอย 19 ถ.พิชัยรณรงค์สงคราม ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี ตรงข้ามกองพันทหารม้าที่ 11 รักษาพระองค์
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่กับพื้นผิวถนน จมกองเลือด สภาพนอนตะแคงคว่ำหน้า สวมชุดกางเกงกีฬาขาสั้นสีฟ้า สวมเสื้อกล้ามสีฟ้า
มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่อกซ้าย อกขวา ไหปลาร้าขวา หน้าท้อง 3 นัด แขนซ้าย และขาทั้ง 2 ข้าง ใกล้ศพพบปลอกระสุนปืนตกอยู่เกลื่อนถนนนับได้จำนวน 11 ปลอก นับหัวกระสุนได้อีก 3 หัว
กล้องวงจรปิด ความยาว 3.46 นาที เผยให้เห็นผู้ตายในชุดออกกำลังกาย เดินผ่านหน้าบ้านของเพื่อนบ้าน ในเวลา 21.22 น. จนกระทั่งเวลา 21.23 น. ตามเวลาจากกล้องวงจรปิด มีเสียงปืนรัวดังขึ้น 7 นัด ซึ่งต่อมาในเวลา 21.24 น. ตามเวลาจากกล้องวงจรปิด ก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีก 7 นัด รวมระยะเวลายิง 2 รอบ รอบละ 7 นัด ห่างกันเพียง 33 วินาทีเท่านั้น
พ.ต.อ.เชษฐชัย เชษฐศิริ ผกก.สภ.เมืองสระบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งปมสังหารไว้ 3 ประเด็นคือ ความขัดแย้งส่วนตัว ขัดแย้งธุรกิจซื้อขายที่ดิน และเรื่องชู้สาว แต่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการก่อเหตุที่แน่ชัดได้ เพราะต้องรอสอบปากคำพยานแวดล้อมก่อน เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายน่าจะมีประมาณ 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ โดยอาจมีการมาดูลาดเลาของผู้ตาย เพื่อรอจังหวะลงมือ
นายสมภพ ปุณณรัตนกุล อายุ 58 ปี น้องชายของผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายพี่ชายนั้นอดีตเคยทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาสระบุรี จากนั้นได้ลาออกมานานแล้วประมาณ 10 ปี ซึ่งระหว่างอยู่บ้าน ตนทราบว่าทำธุรกิจค้าขายส่งเสื้อผ้าลูกค้าทั่วไป และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชื้อขายฝาก ส่วนเรื่องพี่ชายตนถูกยิงเสียชีวิต ยังไม่ทราบสาเหตุว่าพี่ชายตนไปมีเรื่องกับใครอย่างไร
วันที่ 20 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังที่เกิดเหตุ ซอยแคบความกว้าง 2 เมตร ซึ่งผู้ตายถูกยิงบริเวณรั้วสังกะสี ยังคงพบรอยกระสุนบริเวณรั้ว ห่างจากบ้านของผู้ตาย 35 เมตร นางสาวประภาพรรณ ปุณณรัตนกุล อายุ 30 ปี และนายธนพันธ์ วิวเวกวรรณ์ อายุ 35 ปี ลูกสาวและลูกเขยของผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตายเป็นเพียงพนักงานธนาคารผ่านสินเชื่อทั่วไป ไม่ใช่ผู้จัดการธนาคาร ลาออกมาได้ประมาณ 18 ปี ขณะนั้นผู้ตายอายุ 30 ปี มีเงินเดือนขณะนั้น 3,000-4,000 บาท จากนั้นได้ผันตัวมารับจ้างทำงานทั่วไป รับจ้างเลี้ยงเด็ก ขายลอตเตอรี่ เล่นหุ้น เก็บเงินย้ายจากอำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี มาซื้อบ้านและอาศัยอยู่ในเมือง บ้านที่เกิดเหตุย้ายมาอยู่ตั้งแต่ปี 2558
โดยเมื่อวานนี้ 19 ต.ค. ในบ้านมีคนอยู่ทั้งหมด 3 คน ลูกสาว ลูกเขย ผู้ตาย ส่วนภรรยาผู้ตาย ภรรยาใหม่นั้นเดินทางกลับไปจังหวัดชัยภูมิตั้งแต่ช่วงเช้า เนื่องจากญาติไม่สบาย ปกติผู้ตายเป็นคนชอบออกกำลังกาย ตื่นในเวลาประมาณ 10.00 น. กินข้าวแล้วเล่นกับสุนัข พันธุ์เฟรนช์บูลด็อก เพศเมียสีดำ อายุ 9 ปี และกังฟู พันธุ์เฟรนช์บูลด็อก เพศผู้สีขาว อายุ 10 ปี จากนั้นจะออกไปเล่นบาสเก็ตบอลในเวลาประมาณ 17.00 น. จนถึงเวลาประมาณ 20.00-21.00 น. เพื่อกินข้าวมื้อค่ำ แล้วออกไปเดินเล่นรอบซอย ซึ่งบางที่เดินไกลเข้าไปถึงในเมือง ห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร แล้งจึงกลับบ้าน
เมื่อวานนี้ ผู้ตายเล่นบาสเกตบอลกลับมาเร็ว คาดว่าในเวลา 20.00 น. หลังจากกินข้าวเสร็จ ผู้ตายก็ได้ออกไปเดินเล่น โดยขณะเกิดเหตุ คาดว่าเวลาประมาณ 21.15 น. นางสาวประภาพรรณ ลูกสาว กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำภายในห้องนอน ส่วนนายธนพันธ์ ลูกเขยหลับไปแล้ว จนกระทั่งได้ยินเสียงปืนดังขึ้นนับไม่ถ้วน ตอนแรกคิดว่าเป็นเสียงประทัด แต่ก็มีความกังวลใจ เนื่องจากผู้ตายออกไปนอกบ้าน จนชาวบ้านมาแจ้งข่าวว่าผู้ตายถูกยิง จึงรีบออกไปดูเหตุ
ทั้งนี้ ครอบครัวไม่มีลางบอกเหตุ ไม่ทราบปมของการฆาตกรรม เนื่องจากผู้ตายไม่มีศัตรู อีกทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัย์ ผู้ตายก็เป็นเพียงนายหน้าให้กับคนอื่นเท่านั้น ไม่ได้ปล่อยเงินกู้ ครอบครัวกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมา เพื่อให้ไปรับศพคืนที่สถาบันนิติเวช เพื่อที่จะนำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดปากเพรียว วัดศรีบุรีรตนาราม โดยครอบครัวอยากจะวิงวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งจับคนร้ายมาดำเนินคดีทางกฎหมายให้ได้โดยเร็ว ครอบครัวไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่คิดว่าน่าจะทำด้วยความแค้น และรู้กิจวัตรประจำวันของผู้ตาย เพราะยิงไปหลายนัด ครอบครัวกังวลถึงความปลอดภัย เนื่องจากคนร้ายอาจจะแค้นลามมาถึงคนในครอบครัวด้วย
นอกจากนี้ ผู้ตายเคยรับจำนองที่ดิน แต่เลิกมาเป็น 10 ปีแล้ว โดยสาเหตุที่เลิกเนื่องจากความเครียด แต่ยังคงมีคนนำที่ดินมาจำนองอยู่เรื่อย ๆ แต่ผู้ตายไม่รับ ส่วนที่ศีรษะของศพผู้ตายหันมาทางบ้าน แล้วมีรอยเลือดที่ไหลถากมายังทิศของบ้าน คาดว่าน่าจะหนีจากการถูกยิง แต่ก็ถูกยิงรัวจนเสียชีวิตก่อนกลับมาถึงบ้าน
น.ส.สมฤทัย เลิศวิลัย อายุ 30 ปี ชาวบ้านในซอย อาศัยอยู่ในบ้านห่างจากบ้านของผู้ตายประมาณ 90 เมตร ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร มีกล้องวงจรปิดตั้งอยู่ภายในบ้าน เห็นผู้ตายเดินผ่านบ้าน กระทั่งได้ยินเสียงปืน เล่าว่า ผู้ตายเป็นคนอัธยาศัยดี ซึ่งโดยปกติผู้ตายมักจะเดินผ่านหน้าบ้านของตนในเวลาประมาณ 21.00-22.00 น. หลังจากกลับมาจากการเดินออกกำลังกาย
เมื่อวานนี้ ผู้ตายเดินผ่านหน้าบ้านของตนในเวลา 21.22 น. ตามเวลาของกล้องวงจรปิด จากนั้นในเวลา 22.23 น. ตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 7 นัด จากนั้นตนก็ได้ยินเสียงผู้ตายร้องว่า "อย่า ๆ อย่าทำ หยุด ๆ" ซึ่งน้ำเสียงดูมีท่าทีตกใจ เป็นเสียงร้องขอชีวิต จากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกประมาณ 7 นัด ตนจึงได้รับโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่ตนได้เข้าไปดูที่เกิดเหตุ คาดว่าผู้ตายนะจะกระเสือกกระสนที่จะหนี ก่อนจะโดนยิงในรอบที่สอง ทั้งนี้ ตนไม่ได้ยินเสียงพาหนะของคนร้ายหลังจากก่อเหตุ อีกทั้งยังไม่มีพาหนะขับเข้าออกหน้าบ้านของตนในช่วงที่เกิดเหตุอีกด้วย
ขณะที่ทีมข่าวกำลังสำรวจที่เกิดเหตุ พบว่าในช่วงเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ สภ.เมือง ได้เข้ามาตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในซอยที่เกิดเหตุ แต่ส่วนใหญ่แล้ว พบว่ากล้องเสีย ไม่สามารถใช้งานได้
นายสมคิด (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา บอกว่า ผู้ตายเป็นคนเก็บตัว เท่าที่ทราบผู้ตายไม่เคยมีปัญหากับใคร โดยปกติผู้ตายจะเดินเดาะลูกบาสเกตบอลเดินไปเดินมาในซอย บางครั้งเดินออกไปไกลกว่า 1 กิโลเมตร ทั้งนี้ ขณะนี้ชาวบ้านตั้งเป้าไปประเด็นเกี่ยวกับการกู้เงิน หรือการรับจำนำที่ดิน ลือกันและทราบดีว่าผู้ตายประกอบอาชีพดังกล่าว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าเป็นการกระทำเพื่อล้างหนี้ ซึ่งสถานที่เกิดเหตุยังมืดเปลี่ยวในเวลากลางคืน แม้จะมีไฟถนนก็ตาม เหมาะแก่การก่อเหตุ โดยตนไม่แน่ใจว่าคนร้ายใช้ทางใดหลบหนี เพราะที่เกิดเหตุสามารถออกทะลุได้หลายทาง
ร้อยตรีวิเชียร เข็มกลัด อายุ 72 ปี เพื่อนบ้านของผู้ตาย บ้านตั้งห่างจากที่จุดเหตุประมาณ 10 เมตร บอกว่า ในช่วงเกิดเหตุ ตนกำลังอาบน้ำอยู่บนบ้าน 1 ชั้น ซึ่งขณะนั้นตนได้ยินเสียงปืนรัวดังขึ้น 14 นัด เมื่อตนออกเปิดหน้าต่างออกมาดูเหตุ ก็ไม่พบเห็นอะไรแล้ว ตนไม่รู้จักผู้ตายเป็นการส่วนตัว แต่รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เกิดนั้นอุกอาจ ทั้งนี้ ตนได้ยืนเสียงคนพูดคุยกันขณะถูกยิง แต่ตนจับใจความไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ตนก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
ช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี เรียกตัวของคนในครอบของผู้ตาย ทั้งลูกสาว ลูกเขย และภรรยาใหม่เข้าให้ปากคำ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางสาวกัญรัศมิ์ บึงอ้อ อายุ 50 ปี ภรรยาผู้ตาย เดินทางกลับจังหวัดชัยภูมิตั้งแต่ช่วงเที่ยงของเมื่อวานนี้ เพื่อกลับไปเยี่ยมญาติที่ล้มป่วย ได้เดินทางกลับมายังจังหวัดสระบุรีทันทีที่ทราบข่าว
ซึ่งหลังจากการให้ปากคำของคนในครอบครัวของผู้ตายเสร็จสิ้น ในเวลาประมาณ 16.00 น. นางสาวกัญรัศมิ์ บึงอ้อ อายุ 50 ปี ภรรยาผู้ตาย เปิดใจว่า ตนเดินทางกลับจังหวัดชัยภูมิ เนื่องจากพ่อของตนหกล้ม ซึ่งก่อนไปตนยังได้ชวนสามีให้เดินทางไปด้วยกัน เนื่องจากตนคาดว่าตนจะอยู่พักที่จังหวัดชัยภูมิประมาณ 1 สัปดาห์ แต่สามีบอกว่าตัวเองเป็นคนกินยากอยู่ยาก จึงไม่ได้เดินทางไปด้วย ซึ่งตนรู้สึกเสียดายที่สามีไม่เดินทางไปด้วย ไม่เช่นนั้นสามีคงไม่ต้องถูกยิง
ทั้งนี้ ทางครอบครัวไม่รู้ปมของการก่อเหตุ ตนยอมรับว่าสามีเคยปล่อยเงินกู้ โดยปล่อยบ้างให้เพื่อนบางคน ซึ่งตนไม่สงสัยในตัวของเพื่อน ส่วนการเป็นนายหน้าอสังริมทรัพย์ และรับจำนองที่ดินของสามี ตนไม่ทราบ เพราะสามีเคยทำ แต่ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง จากนั้นนางสาวกัญรัศมิ์ก็ร้องไห้ออกมา พร้อมพูดว่า "อยากถามคนร้ายว่าทำทำไม"