จากกรณีนางธนิสร กุยแก้ว แม่ค้าวัย 42 ปี ชาวอุตรดิตถ์ พร้อมด้วยคนงานจำนวนหนึ่ง อยู่ในอาการเครียด พร้อมร้องเรียนว่าถูกหลอกให้ทำอาหาร และน้ำดื่มส่งโรงงาน สูญเงินลงทุนไปเกือบ 1 ล้านบาท โดยมีข้าวกล่องจำนวน 1 หมื่นกล่อง กองเรียงรายอยู่ พร้อมอุปกรณ์ทำครัวจำนวนมาก (อ่าน :
สาวว่าจ้างทำข้าวกล่องนับหมื่น แจงแม่ค้าผิดสัญญา ทำช้าต้องปรับนับแสน แถมขอออเดอร์เพิ่ม)
วันที่ 7 พ.ย. 61 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่บ้านของนางธนิสร กุยแก้ว หรือ จิ๋ม พบว่า มีข้าวบรรจุกล่องโฟมตั้งเรียงกันกว่า 1 หมื่นกล่อง ในสภาพเริ่มบูดเน่า ส่งกลิ่นเหม็น โดยมีคนงานเปิดข้าวกล่องเททิ้งในถุงขยะ เพื่อนำไปทิ้ง และป้องกันการบูดเน่า
ด้าน
น.ส.ติ๋ว (นามสมมติ) เพื่อนของนางธนิสร เปิดเผยว่า ตนเริ่มสงสัยพฤติกรรมของนางกัญจ์หทัย สุขใส หรือ ป้าง ผู้ว่าจ้าง ตั้งแต่ไม่ส่งขวดเพื่อบรรจุน้ำให้นางธนิสร ทำให้ต้องบรรจุน้ำใส่ถุงเพื่อใช้แทนขวด ซึ่งตนตั้งข้อสงสัยว่า หากเป็นคำสั่งซื้อข้าวจากบริษัทใหญ่ เหตุใดจึงไม่มีการเตรียมพร้อม
กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 3 พ.ย. 61 ซึ่งเป็นวันที่นางกัญจ์หทัยต้องมารับน้ำที่บรรจุใส่ถุงไปส่งที่โรงงาน ตนจึงสะกดรอยตามรถบรรทุกน้ำทั้ง 2 คันไป แต่พบว่ารถกระบะบรรทุกน้ำดังกล่าวจอดอยู่ระหว่างทาง จากนั้นคนงานจึงขนย้ายน้ำจากรถคันหนึ่งไปอีกคัน หลังจากนั้นรถกระบะคันดังกล่าวได้ขับนำน้ำมาคืนที่บ้านของนางธนิสร และให้เหตุผลว่าน้ำดังกล่าวไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหตุให้นางธนิสรถูกปรับถึง 1 แสน 5 หมื่นบาท ซึ่งนางธนิสรต้องทำน้ำส่งไปอีกชุด โดยเป็นการหักจากหนี้ค่าปรับ 1 แสน 5 หมื่นบาท เป็นการชดใช้ที่น้ำรอบแรกไม่ผ่านมาตรฐาน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว ครอบครัวก็เริ่มตักเตือนและห้ามปรามแต่นางธนิสรก็ไม่ยอมฟัง
ในระหว่างนั้น ตนทราบว่านางกัญจ์หทัยให้นางธนิสรทำสัญญาถึง 3 ครั้ง แต่ตนก็ไม่รู้รายละเอียด ซึ่งตนก็สังเกตว่านางธนิสรพยายามผลิตข้าวกล่องให้ทัน แม้จะไม่ได้หลับไม่ได้นอน กระทั่งถึงวันส่งมอบข้าวกล่อง ตนเห็นว่าในวันดังกล่าว นางกัญจ์หทัยยืนต่อว่านางธนิสรว่า ข้าวไม่ทันแล้วเพราะไม่ตรงเวลา ซึ่งเป็นการผิดสัญญา
น.ส.ติ๋ว กล่าวต่อว่า จากนั้น นางกัญจ์หทัยทำทีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหุ้นส่วน และสั่งข้าวกล่องจากที่อื่นอีก 1 หมื่นกล่อง ตนคิดว่าการกระทำในลักษณะนี้เป็นขบวนการ เพื่อต้องการค่าปรับ 3 แสน 5 หมื่นบาท รวมถึงตนยังมองว่า เหตุใดคนเป็นเพื่อนและรู้จักกัน จึงไม่ยอมอะลุ่มอล่วยกัน ทั้งที่ส่งข้าวกล่องคาดเคลื่อนไปไม่กี่นาที เพราะถึงอย่างไรข้าวก็เสร็จทันอยู่แล้ว
ตนคิดว่าคนกลุ่มนี้มีลักษณะที่ผิดปกติมาก รวมถึงตนยังเคยเจอคนใกล้ ๆ กับ สภ.พญาแมน ให้ข้อมูลว่า บ้านของนางกัญจ์หทัยมักจะมาแจกข้าวฟรีเป็นประจำ โดยมักจะบอกว่าถูกหวย, แก้บน และขายที่ดินได้ จึงนำข้าวมาแจก
น.ส.ณัฐพรรณ มั่นเข็มทอง หรือ แคท เพื่อนของนางธนิสร เปิดเผยว่า ตนเคยเป็นหุ้นส่วนรับทำข้าวกล่องในครั้งนี้ด้วย แต่พี่ชายของตนเห็นหน้าของอิ๋ว ซึ่งเป็นคนกลุ่มเดี๋ยวกับนางกัญจ์หทัย และทราบว่าอิ๋วมีคดีติดตัว จึงเตือนไม่ให้ตนไปยุ่งหรือทำธุรกิจร่วมกับอิ๋ว ต่อมาเมื่อตนไปสั่งหมูในตลาด แม่ค้าขายหมูก็บอกให้ตนเช็กอิ๋วดี ๆ ว่าจะนำข้าวไปส่งที่ไหน
ซึ่งตนได้รับทำข้าวเพียง 2,000 กล่อง และซื้ออุปกรณ์ไปประมาณ 50,000 บาท แต่เมื่อมาทราบประวัติของอิ๋ว และนางกัญจ์หทัย ตนจึงสั่งยกเลิกของสดทั้งหมด และยอมขาดทุนถึง 50,000 บาท หลังจากนั้นตนก็พยายามเตือนนางธนิสร แต่เขาก็ถอนตัวไม่ทันแล้ว เพราะได้ซื้อวัตถุดิบทำอาหารไว้เยอะแล้ว นอกจากนี้ นางธนิสรยังมีความหวังว่าจะนำรายได้จากการทำข้าวกล่องนี้ไปผ่อนรถ ซึ่งตนก็ห้ามปรามไม่ได้จริง ๆ
นอกจากนี้ ตนยังตั้งข้อสงสัยว่าพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ตนจะทำข้าวไปส่งมีกี่คน ตนจึงลองค้นหาในอินเทอร์เน็ต ได้ข้อมูลว่าบริษัทดังกล่าวมีพนักงานเพียง 4,200 คน ซึ่งขัดแย้งกับที่ น.ส.อิ๋ว และนางกัญจ์หทัย อ้างว่าต้องทำข้าวส่งบริษัทดังกล่าวถึง 10,000 กล่อง ตนจึงได้สะกดรอยตามคนขับรถขนส่งข้าวของนางกัญจ์หทัยไป เมื่อสอบถามจากคนขับรถ ก็ยอมรับว่าไม่ได้นำข้าวไปส่งที่บริษัท แต่ได้นำข้าวและน้ำไปส่งที่บ้านของนางกัญจ์หทัย อีกทั้งยังแบ่งให้คนขับรถ นำข้าวไปแจกให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงอีกด้วย
ตนรับไม่ได้ที่คนงานทำกับข้าวไม่ได้หลับ ไม่ได้นอนเป็นวัน แต่กลับไม่ได้ค่าตอบแทนแม้แต่บาทเดียว ซึ่งทำให้นางธนิสร กับสามี ถึงกับคิดฆ่าตัวตาย เพราะเป็นหนี้สิน และไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างให้คนงานที่มาทำข้าว ซึ่งตนมองว่า เรื่องแบบนี้ หากไม่เจอกับตัว ก็คงไม่เข้าใจ เพราะทุกอย่างต้องมีการลงทุน และถ้าไม่ได้ผลตอบแทนก็ขาดทุน ซึ่งนางธนิสรลงทุนไปทั้งหมด เกือบ 1 ล้าน
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ลงพื้นที่หมู่บ้าน ต.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ พบกับชาวบ้านรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า แม่บ้านของนางกัญจ์หทัยมักจะนำข้าวกล่องมาแจกคนในหมู่บ้าน ซึ่งบางเดือนก็มาแจกบ่อยมาก ๆ แต่บางเดือนก็แจกไม่บ่อยนัก ซึ่งตนก็เคยได้กินข้าวที่ถูกนำมาแจก ซึ่งส่วนมากก็จะมีเหตุผลว่าเป็นการแก้บน แต่ตนไม่เคยเห็นนางกัญจ์หทัย เพราะมีแม่บ้านนำข้าวมาแจกซึ่งตนก็ได้ดูข่าวแล้วก็ทราบว่าเป็นคนเดียวกัน
ทีมข่าวอมรินทร์ลงพื้นที่โรงงานแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่านำข้าวมาส่ง โดยจากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ให้ข้อมูลภายว่าในโรงงานมีโรงอาหารเพียงพอต่อพนักงานทุกคน ไม่เคยเห็นสั่งข้างกล่องมาจากข้างนอก ตนก็ไม่ค่อยเห็นพนักงานออกมากินข้าวนอกโรงงานมากนัก เพราะพนักงานที่ทำโอที โรงงานก็จะมีข้าวเลี้ยง
ด้าน
พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ ผบก.ภ.จว.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำนางกัญจ์หทัย สุขใส หรือป้าง และ น.ส.ธนิตา จันทร์อิ่ม หรืออิ๋ว กว่า 3 ชั่วโมง ผู้ต้องหาได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าว และไม่ขอให้ปากคำใดๆ ซึ่งผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ยังยืนยันว่า ทำถูกต้องตามสัญญาในการว่าจ้างทำข้าวกล่อง และไม่ใช่คนผิด ซึ่งจะขอให้การในชั้นศาล และจะฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียนางธนิสร เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกง และปล่อยตัวทั้ง 2 ไป
น.ส.ยลภัทร์ สันบุรี ผู้เสียหาย เปิดเผยภายหลังให้สัมภาษณ์ในรายการต่างคนต่างคิดว่า ที่ผ่านมาตนเองเชื่อใจน.ส.พนิตา หรืออิ๋ว มากเพราะว่าตอนที่รู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก น.ส.พนิตามีโปรไฟล์เป็นคนดี มีภาพการบริจาคและเหลือผู้อื่นลงบนเฟซบุ๊ก รวมถึงเวลาพูดคุยกับตูนก็พูดคุยแต่เรื่องช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้ตนมีความรู้สึกดีและเกิดความไว้ใจ
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยน.ส.พนิตา หรืออิ๋ว ได้เอาดวงของตนไปดูให้บุคคลชื่อ รองกิต และอ้างว่า หากตนเองทำธุรกิจสัมปทานน้ำแล้วจะดี เพราะดวงของตนเหมาะกับการทำธุรกิจสีเทา ทำให้ตนหลงเชื่อเพราะตนก็เคยดูดวงมาในลักษณะ และน.ส.ยลภัทร์ ยังกล่าวพร้อมน้ำตาว่า หลังจากที่ตนโดนโกงก็ทำให้ชีวิตของตนลำบากขึ้นมากจากคนเคยมีตอนนี้ลำบากมากทำงานใช้หนี้ก็ไม่พอกิน "คนเคยมี ชีวิตยังลำบาก ทุกวันนี้ทำงานใช้หนี้ไม่พอกิน"
ด้าน
นายอดุลย์ อ้วยมะเดื่อ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีเรื่องของไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้อง เนื่องจาก มีผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า รองกิต และกัญจน์หทัย สุกใส หรือป้าง ชอบทักไลน์มาสั่งการแฟนตนตลอด พร้อมกับเล่าให้แฟนตนฟังว่า จะมีบุคคลในครอบครัวหรือแม้กระทั่งเพื่อนมีการทำของใส่ซึ่งตนทราบจากบุคคลอื่นมาว่า รองกิตน่าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่ขับไล่ของมนต์ดำออก ที่ตนทราบบุคคลที่โดนขับของออกก็ยกตัวอย่างคือมีลูกสาวตนที่อายุเพียง 11 ขวบด้วย โดยมีเลือดออกมาจากทางช่องคลอด แต่ตนไม่ได้เห็นกับตา แต่มีคนถ่ายรูปให้ดูว่ามีเลือดเต็มพื้นจริง แต่ตนไม่ทราบว่ามาจากไหน
โดยมีอีกสิ่งหนึ่งที่ตนรับไม่ได้คือ กลุ่มคนเหล่านี้เมื่อเห็นตนเดินทางมาที่จังหวัดสมุทรปราการเพื่อมาทำธุรกิจห้องเช่า คนเหล่านี้ก็จะบอกว่าตนมีเมียที่จังหวัดสมุทรปราการ ทั้งที่เรื่องที่ตนมาหาผู้หญิงอื่นนั้นไม่จริง ซึ่งสุดท้ายแฟนตนก็หลงเชื่อจนทำให้ครอบครัวแตกแยก อีกทั้งรองกิต ได้อ้างกับแฟนตนว่า ชาติที่แล้วแฟนตนอยู่ที่ตำบลพญาแมน จังหวัดอุตรดิตถ์ จึงทำให้แฟนตนหลงเชื่อเลยไม่อยู่กับตน
ทั้งนี้
นายอดุลย์ อยากฝากไปถึงกลุ่มคนเหล่านี้ว่า อยากให้เลิกทำเรื่องราวเช่นนี้ ซึ่งตนเชื่อว่าหากแฟนตนไม่เชื่อว่าโดนทำของใส่ แฟนตนก็คงกลับมาคบด้วย