จากรณี นางประภาพร เกตุเม้า หรือ ป้าออด อายุ 58 ปี แม่ค้าจำหน่ายปลาเค็ม ในพื้นที่ จ.อ่างทอง ร้องเรียนว่านายแสวง เกตุเม้า อายุ 58 ปี สามีเสียชีวิต หลังจากเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากท้องเสีย โดยสงสัยว่าสาเหตุอาจเป็นเพราะแพทย์สั่งยาฆ่าพยาธิสุนัขให้สามีทานนั้น (อ่าน :
ป้าโวย! หมอ รพ.ดัง สั่งญาติซื้อยาฆ่าพยาธิหมา กรอกสามีป่วย สุดท้ายอาการทรุดดับ)
วันที่ 9 พ.ย.
แพทย์หญิงดรุณี งามภูพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลอ่างทอง ชี้แจงว่า แพทย์สั่งยาดังกล่าวให้ญาติผู้ป่วยไปซื้อมาจริง เนื่องจากตัวยาดังกล่าวโรงพยาบาลไม่มี ซึ่งมีจำหน่ายในร้านขายอาหารสัตว์ ซึ่งสามารถรักษาพยาธิในคนและในสัตว์ได้เหมือนกัน โดยยาตัวแรกที่โรงพยาบาลให้ คือ โอเบนาโซน ซึ่งหากผู้ป่วยไม่หายจึงต้องใช้ยา ไอเวอรแม๊กติน ซึ่งไม่มีอยู่ในคลังยาของโรงพยาบาล จึงต้องให้ผู้ป่วยไปซื้อที่ร้านขายสัตว์เลี้ยง แม้ฉลากหน้ากล่องจะระบุว่าสำหรับเฉพาะสุนัขและแมว แต่ตัวยาด้านในเป็นชนิดเดียวกันกับที่รักษาคน ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีผู้ป่วยโรคพยาธิแซ่ม้าใช้ยาตัวเดียวกันนี้รักษาและก็หายเป็นปกติมาแล้ว
ส่วนเรื่องว่ายาดังกล่าวจะเป็นเหตุให้เสียชีวิตหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับชนิดของพยาธิและพยาธิสภาพของผู้ป่วยด้วย โดยจากการสอบถามอาการของคนไข้รายนี้ พบว่ามีหลายโรค ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยร่วมกันที่ทำให้อาการทรุดลงและเสียชีวิต
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับ
เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ระบุว่า ยาฆ่าพยาธิสุนัข ยี่ห้อดังกล่าว ขึ้นทะเบียนเป็นยาที่ใช้กับสัตว์ ไม่ได้อยู่ในบัญชียาของโรงพยาบาล แต่ตัวยาเป็นตัวเดียวกับที่ใช้รักษาพยาธิของคน โดยหากจะนำมาใช้กับคน แพทย์ผู้สั่งยาจะต้องใช้ดุลยพินิจในการให้ปริมาณยาให้เหมาะสม แต่ยังไม่เคยมีรายงานว่ามีการใช้ตัวนี้แล้วทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
จากนั้น
นางประภาพร เกตุเม้า หรือป้าออด ญาติของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังได้ดูข่าวที่แพทย์ออกมาชี้แจงว่ายาดังกล่าวสามารถรักษาคนได้ ตนก็รู้สึกสงสัยว่าเมื่อยานี้สามารถรักษาคนได้ เหตุใดจึงไม่มีการสั่งมาไว้ที่โรงพยาบาล และต้องให้ผู้ป่วยออกไปซื้อข้างนอกมาใช้ ซึ่งตนก็ไม่ได้หวังจะเรียกร้องอะไร แต่อยากให้ชี้แจง เพราะตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งรู้ว่ายาแบบนี้สามารถรักษาคนได้ด้วย และปริมาณที่ใช้มีผลต่อคนหรือไม่
ส่วนกรณีใบมรณะบัตรซึ่งไม่มีรายละเอียดแพทย์ผู้รักษาก่อนเสียชีวิตนั้น พบว่า ผู้ชันสูตรร่วมกับทางฝ่ายปกครองมีการระบุว่า ก่อนเสียชีวิตได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลอ่างทอง แต่ในใบมรณะบัตรไม่มีการระบุไว้ เนื่องจากนายแสวงกลับมาเสียชีวิตที่บ้าน