กรณีนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย ส.ส.เขตสายไหม โพสต์เรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังได้ให้ความช่วยเหลือ นางประคอง บุญศรี อายุ 78 ปี ถูกแก๊งเงินกู้ใช้กาวตาช้างหยอดรูกุญแจบ้าน หวังจะขังและไม่ให้ออกจากบ้าน เนื่องจากลูกสาวได้ไปกู้เงินมาลงทุนขายผลไม้ แต่ประสบปัญหาโควิด-19 ทำให้รายได้ลดลงไม่มีเงินจ่ายดอกวันละ 2,000 บาท
นอกจากนี้ นายเอกภพ ยังระบุข้อความว่า "คุณยายวัย 78 ปี ลูกบ้านเขตสายไหม ถูกแก๊งปล่อยเงินกู้ ใช้กาวตราช้างหยอดรูกุญแจขังยายและครอบครัวไม่ให้ออกจากบ้าน สาเหตุต้องหาเงินมาจ่ายค่าดอก วันละ 2,000 หลังลูกสาวกู้เงินเซลล์มาลงทุนขายผลไม้ แต่ระยะหลังประสบปัญหาโควิด ขายของไม่ได้"
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คุณยายคนดังกล่าว กังวลเรื่องความไม่ปลอดภัย นายเอกภพ ในฐานะผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตสายไหม พร้อมทีมสายไหมต้องรอด อาสาพานางประคอง ผู้เสียหาย พร้อมด้วยน.ส.สมฤดี (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ลูกสาวที่กู้เงินนอกระบบ เดินทางเข้าแจ้งความ ที่สน.บางเขน
กระทั่งวันที่ 24 ต.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน สืบจนทราบว่า น.ส.วิไล มณีโชติ อายุ 43 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ จากนั้น น.ส.วิไล จึงได้เข้ามาพบและให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ล่าสุดวันที่ 25 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยัง สน.บางเขน จึงได้พบกับ น.ส.วิไล มณีโชติ แต่น.ส.วิไล กลับเดินหนีทีมข่าว และไม่ขอให้สัมภาษณ์ใด ๆ ทีมข่าวจึงพยายามสอบถามว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ขณะที่ น.ส.วิไล กำลังเดินหนีทีมข่าว ให้ข้อมูลว่า คนที่มีการยืมเงินตนไปคือ น.ส.ธัญพร ลูกสาวของบ้านที่ตนไปก่อเหตุ โดยน.ส.ธัญพร กู้ยืมเงินตนไป จำนวน 10,000 บาท และจ่ายดอกเบี้ยได้แค่ 3 วัน จากนั้นหายตัวไปเลย ตนจึงโมโห ที่สำคัญน.ส.ธัญพร เพิ่งยืมเงินตนเป็นครั้งแรก ตอนนี้อยู่ระหว่างการต่อรองพูดคุยกับทางผู้เสียหาย
เบื้องต้นทีมข่าวได้เข้าสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ข้อมูลว่า พนักงานสอบสวน สน.บางเขน แจ้งข้อกล่าวหา "ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด" และดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทีมข่าวได้พบกับน.ส.มลฤดี หนองน้ำขาว อายุ 53 ปี ลูกสาวคนกลางของนางประคอง กล่าวว่า ในวันนี้ตนได้เดินทางมาไกล่เกลี่ยกับ น.ส.วิไล เนื่องจากเขายื่นข้อเสนอว่าจะมอบเงินให้ จำนวน 5,000 บาท เพื่อให้ตนถอนแจ้งความ แต่ตนไม่ยอมความอย่างแน่นอน และไม่ขอรับเงินจำนวนดังกล่าว เนื่องจากไม่คุ้มค่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะแม่ของตนก็อาศัยอยู่ในบ้านในวันที่เกิดเหตุ หากในวันที่ถูกขังอยู่ภายในบ้าน มีเหตุไฟไหม้บ้าน หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน ใครจะชดใช้และรับผิดชอบกับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
น.ส.ธัญพร หนองน้ำขาว อายุ 44 ปี ผู้ที่ไปกู้ยืมเงินจำนวนดังกล่าว กล่าวว่า ตนเปิดร้านรถเข็นขายผลไม้ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่สามารถค้าขายได้ตามปกติ ขาดรายได้ ไม่มีเงินส่งดอกให้เจ้าหนี้ จึงต้องกู้หนี้ยืมสินเรื่อย ๆ ซึ่งตนกู้เงินมาประมาณ 5 เจ้า ยอดละประมาณ 3,000-5,000 บาท แต่มีหนึ่งเจ้า ซึ่งเป็นเจ้าที่ 6 ที่กู้มา 10,000 บาท ต้องส่งดอกทุกวันวันละ 200 บาท ในครั้งแรกมีลูกน้องเจ้าหนี้ 5-6 คน มาที่บ้านแล้วก็ข่มขู่โวยวาย
"จากที่เคยกู้เงินเจ้าอื่น ๆ มา ไม่เคยตามทวงโหดถึงที่แบบนี้ ยอมรับว่าจ่ายเงินได้ 4 วัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้หนีไปไหน อยู่ในบ้านกับแม่ เพียงแต่ที่ไม่ได้จ่ายเพราะเงินมีไม่พอจ่าย ไม่คิดว่าเจ้าหนี้รายหนี้จะทวงโหดถึงขั้นใช้กาวตราช้างหยอดกุญแจหน้าบ้าน" น.ส.ธัญพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนจะไม่ขอยอมความตามข้อเสนอที่เจ้าหนี้ จะจ่ายเงินให้ 5,000 บาท เพื่อแลกกับถอนแจ้งความ เพราะว่าไม่คุ้มค่ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ตนยังรู้สึกเป็นห่วงแม่มาก ๆ หลังจากนี้ตนรู้สึกเข็ดไปอีกนานกับการยืมเงินแบบนี้