กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก “จึงจริง Jung Jung” โพสต์ภาพหญิงสาวรายหนึ่งกำลังนอนอยู่กลางถนน หลังถูกรถแท็กซี่ชน และพบว่าหญิงรายนี้กำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน โดยมีสามีอยู่ข้าง ๆ พร้อมกับระบุข้อความว่า “เคสแท็กซี่ชนสาวท้อง หลังชนแท็กซี่จะหนี เหตุเกิดแถวบางแค แต่พลเมืองดีช่วยจับไว้ได้ เห็นว่าเคยชนคนตายมาแล้วด้วย (อันนี้ไม่ชัว จับใจความ ตามเจ้าของโพสต์) แท็กซี่ยังคุยไม่รู้เรื่องเลย น้องตายท้องกลม 6 เดือน ศพต้องผ่าเอาลูกออกก่อน พรุ่งนี้ถึงเอาไว้วัดได้”
ล่าสุดวันที่ 26 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณด้านหน้าตลาดบางแค ถนนเพชรเกษม ฝั่งขาออก ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 24 ต.ค.64 ก่อนที่หญิงคนดังกล่าวจะไปเสียชีวิตระหว่างการนำส่งโรงพยาบาล ทราบชื่อผู้เสียชีวิต น.ส.นลิน การประเสริฐ หรือ หยี อายุ 21 ปี กำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน
ในวันนี้ทางครอบครัวผู้เสียชีวิต เข้ารับศพที่สถาบันนิติเวช รพ.ศิริราช โดยญาติซึ่งมีเชื้อสายจีน นำเอาชาโรยในโลงศพ ก่อนที่จะปูกระดาษเงินกระดาษทอง แล้วจึงนำร่างมาบรรจุใส่โลงศพ ส่วนโลงศพเด็ก ทางญาติได้นำเบาะ ขวดนม และของเล่นมาใส่ไว้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งแม่ของผู้เสียชีวิตและสามี ต่างทำใจยอมรับไม่ได้ และระหว่างที่นำร่างทารกออกมา นายปาย ซึ่งเป็นสามีและเป็นพ่อเด็กถึงกับเข่าอ่อน ก่อนจะร้องไห้ออกมา และพูดว่า “เป็นลูกสาวจริง ๆ ด้วย” ก่อนจะเดินไปดูหน้าเด็กเป็นครั้งสุดท้าย โดยตลอดการทำพิธีนายปาย แทบจะล้มทั้งยืน และร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
ทีมข่าวได้คุยกับนายชนายุทธ เรืองศรี หรือ ปาย อายุ 22 ปี สามีผู้เสียชีวิต เล่าให้ฟังว่า ในคืนวันเกิดเหตุ แฟนสาวอยากทานข้าวที่ร้านอาหาร ซึ่งตนก็พยามห้ามแล้ว เพราะเป็นห่วง แต่แฟนก็ยังยืนยันจะขอไปกินที่ร้าน จึงตัดสินใจขี่รถจักรยานยนต์ออกไป แต่ระหว่างทางแฟนสาวปวดท้อง จึงจะเดินทางไปโรงพยาบาล แต่ลืมนำบัตรประชาชนติดตัวออกมาด้วย จึงต้องวนรถกลับไปที่บ้าน
ในระหว่างทางเมื่อขี่รถมาถึงสะพานข้ามคลอง ก่อนถึงหน้าตลาดบางแค มีสุนัขสีขาววิ่งตัดหน้ารถ รถจึงเสียหลักล้ม เมื่อตนตั้งหลักได้ จึงหันไปจะคว้ามือแฟน มือกำลังจะเอื้อมไปจับแต่ปรากฏว่ามีรถแท็กซี่สีส้ม ขับมาด้วยความเร็ว ขับพุ่งทับแฟนของตนจนร่างเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถแท็กซี่ ตอนนั้นได้ยินเสียงกระดูกหัก ก่อนที่รถจะขับลากร่างไปไกลกว่า 100 เมตร จนร่างกระเด็นหลุดออกมา ก่อนรถแท็กซี่คันดังกล่าวจะพยามขับหลหนีไป
"ตอนนั้นผมพยามวิ่งตามสุดชีวิต จนหกล้ม มีบาดแผลที่หัวเข่า และแขนซ้าย พร้อมกับตะโกนต่อว่าแท็กซี่ และบอกว่าพี่ผมกราบล่ะ หยุดรถเถอะครับ หยุดรถเถอะ แต่คนขับยังคงขับต่อ จึงมีพลเมืองดีขี่รถไปปาดหน้าให้แท็กซี่จอด ส่วนผมก็พยามช่วยเหลือแฟน ขณะนั้นภาพที่เห็นคือ แฟนเอามือทั้ง 2 ข้างพยามป้องกันท้องเอาไว้ เพื่อไม่ให้ลูกเป็นอะไร ทั้งที่แขนหักผิดรูปไปหมด ผมพยามตะโกนขอให้คนมาช่วย และเรียกแฟนให้มีสติ แต่แฟนตอบมาแค่ อือ ๆ จากนั้นจึงมีคนเรียกเจ้าหน้าที่อาสาสมัครเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งช่วยดีมากครับ" นายชนายุทธ กล่าว
กระทั่งมีรถพยาบาลมาถึง แต่แพทย์ที่มาด้วยกลับสอบถามว่า ขอเลข 13 หลักบัตรประชาชน ซึ่งตนจำไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีก็ไม่สามารถนำส่งได้ ตนจึงสงสัยว่าทำไมถึงไม่รีบนำส่งโรงพยาบาลก่อน ตนจึงต้องโทรศัพท์บอกญาติให้มาที่จุดเกิดเหตุเพื่อเอากุญแจห้องไปไขเอาเอกสาร และกลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้ง ซึ่งใช้เวลารวมมากกว่า 20 นาที โดยรถโรงพยาบาลจอดอยู่กับที่ ตนจึงรู้สึกว่าบัตรประชาชนสำคัญกว่าชีวิตหรือ ซึ่งหากให้การช่วยเหลือหรือส่งไปยังโรงพยาบาลได้ทัน แฟนสาวและลูกของตนอาจจะไม่เสียชีวิตหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เมื่อไปถึงมือหมอที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าหมอแจ้งว่า "หัวใจหยุดเต้นแล้ว คนไข้ไม่มีการตอบสนองเสียชีวิตแล้ว" ตอนนั้นตนรู้สึกช็อกมาก ๆ ทั้งนี้อีก 3 เดือนเด็กก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว ความรู้สึกของคนที่จะได้เป็นพ่อ มันเจ็บไปหมด อธิบายไม่ถูก ที่ผ่านมาตนจะมากระซิบบอกกับลูกในท้องว่า "เดี๋ยวออกมาแล้ว พ่อพาไปเที่ยวกันนะ ไปเที่ยวทะเลกัน ตอนนี้พ่อเก็บตังค์ แล้วเดี๋ยวเราไปเที่ยวกัน" โดยตนยังไม่ทราบเพศลูก แต่ตนและแฟนอยากได้ลูกสาว ซึ่งตั้งชื่อกันไว้ว่า น้องอลิส แต่ปรากฎว่าก็ไม่มีโอกาสได้เจอหน้าลูก และพาลูกสาวไปเที่ยวทะเล 3 คน พ่อแม่ลูก
นางนงนภัส ตั้งนิมิต อายุ 59 ปี แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ญาติติดต่อมาบอกกับตนว่า ลูกสาวเสียชีวิตแล้ว เพราะถูกรถชน ขณะนั้นตนก็กำลังทำงานอยู่ จึงต้องรีบลางานกับหัวหน้างานเพื่อไปดูลูกสาวที่โรงพยาบาล ขณะที่ตนไปถึงโรงพยาบาล พบว่าลูกสาวเสียชีวิตแล้ว มีร่องรอยบาดแผลหลายที่ ทั้งดั้งจมูกหัก แขนข้างซ้ายหัก ศีรษะแตก และมีแผลถลอกตามร่างกาย ตนจึงรับไม่ได้กับการจากไปของลูกสาว ซ้ำยังต้องสูญเสียหลานสาวที่อยู่ในท้องไปอีกด้วย
โดยตนมาคิดดูทีหลัง ก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ ประมาณช่วงสัปดาห์ที่ผ่านผ่านมา เพื่อนร่วมงานของตนบอกว่า มีผู้หญิงผมยาว เดินตามตนมาทำงาน ซึ่งตอนนั้นตนไม่ได้คิดอะไร จนตอนนี้สูญเสียลูกสาวไป จึงมีความรู้สึกว่าอาจจะเป็นลางสังหรณ์ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ตนจะขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด จะให้คนขับแท็กซี่ดังกล่าวรับโทษให้สาสมกับที่ชนลูกสาวของตนจนเสียชีวิต ที่สำคัญตนต้องมาสูญเสียหลานสาวไปด้วย ตอนนี้ยังยอมรับทำใจไม่ได้
ต่อมาทีมข่าวลงพื้นที่ไปยัง สน.หลักสอง ได้พบกับรถแท็กซี่คันที่ก่อเหตุ เป็นรถแท็กซี่สีส้ม ทะเบียน ทษ-9557 กทม. สีส้ม จอดอยู่ที่หน้าสน.หลักสอง ทีมข่าวเข้าไปตรวจสอบรถพบว่ากันชนด้านหน้าบริเวณด้านซ้ายมีร่องรอยแตกหัก ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ยึดรถแท็กซี่ไว้ที่โรงพัก ก่อนปล่อยตัวคนขับกลับไป และยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ เพราะยังต้องรอการสอบสวน และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน จากกล้องวงจรปิด และผลทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงจะเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำต่อไป นอกจากนี้ ญาติของผู้เสียชีวิตทราบมาว่าโชเฟอร์แท็กซี่ เคยขับรถชนคนตายมาแล้วนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ยืนยันข้อมูล และขอเวลาตรวจสอบในประเด็นดังกล่าว