กรณีตำรวจ สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ นำหมายจับเข้าไปจับกุมพระทองมา หรือ หลวงตาจ่อย อายุ 63 ปี อยู่เลขที่ 8 หมู่ 2 ต.บ้านแจ้ง อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ที่วัดศรัทธาวนาราม หรือวัดบ้านขาม ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ในฐานความผิดข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็นด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้เป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน”นั้น
ล่าสุดวันที่ 26 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนายสุนันท์ แสงประกาย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.บ้านแจ้ง อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด และเป็นเพื่อนบ้านของผู้เสียหาย ให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเดือนมีนาคม 64 สังเกตเห็นว่าทำไมท้องของนางสาวแววตา (นามสมมติ) ถึงใหญ่ขึ้นทุกวัน ๆ และก็สงสัยว่าเขาน่าจะตั้งท้องกับนายทองมา พ่อของเขาเอง
ทั้งนี้ ในตอนนั้นตนไม่กล้าเข้ามาสอบถามนางสาวแววตา ด้วยตัวเอง เนื่องจากตนเป็นผู้ชาย จึงได้ประชุมชุดทำงานของหมู่บ้าน และได้มอบหมายให้ อสม.จำนวน 10 คน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ให้มาสอบถามนางสาวแววตาที่บ้าน กระทั่งนางสาวแววตา ยอมเล่าให้ฟังว่า เขาถูกนายทองมา พ่อแท้ขืนใจมาคั้งแต่เดือนมกราคม 64 จนเขาตั้งครรภ์
ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ตนและลูกบ้าน รวมทั้งนายทองมา จึงพูดคุยเจรจากัน ซึ่งนายทองมา ยอมรับว่าเขาก่อเหตุกับลูกสาวจริง ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างพากันรับไม่ได้ เพราะในหมู่บ้านไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ ชาวบ้านจึงขอให้นายทองมา ออกจากหมู่บ้าน กระทั่งเขาไปบวชเป็นพระในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ส่วนตนก็ได้พาผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด
"เท่าที่สังเกต ก่อนที่จะรู้ความจริงจากปากผู้เสียหาย นายทองมา เขาจะบังคับไม่ให้ลูกสาวไปเดินเล่นที่บ้านหลังอื่น กักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้าน แล้วเขาก็มีอารมณ์หึงหวงลูกสาว ไม่ให้เจอชายอื่น สำหรับนายทองมา เท่าที่ผมรู้จัก เขาเป็นคนชอบดื่มเหล้า และไม่ทำงาน" ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวให้ฟัง
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายัง หมู่ 2 ต.บ้านแจ้ง อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด พบกับนางสาวแววตา (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับนายทองมา พ่อแท้ ๆ ของตน เขาเริ่มขืนใจตนเมื่อช่วงเดือนมกราคม 64 ทุกครั้งที่พ่อเมาจะมาบังคับให้ตนถอดเสื้อผ้าแล้วขืนใจ โดยเลือกจังหวะที่แม่ไปทำงานนอกบ้าน ตนร้องไห้ขอร้องพ่อ แต่เขาก็ไม่เคยฟัง หลังขืนใจตัวเองเสร็จ พ่อก็จะขู่ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะเขาก็จะทำร้ายและฆ่า ทำให้ตนไม่กล้าบอกใคร
นอกจากนี้ นายทองมา เขาก็จะกั้นพื้นที่ไม่ให้ตนไปบ้านหลังอื่น บังคับให้อยู่แต่ในบ้าน ห้ามไปเจอกับผู้ชายคนอื่น และห้ามให้ไปมีแฟนอีกด้วย ตนยังเคยถามพ่อว่า "ทำไมพ่อทำแบบนี้กับหนู" เขาก็บอกว่า "เขาทำเพราะเมา"
กระทั่งช่วงเกือนเมษายน 64 อสม.จำนวน 10 คน ได้มาที่บ้าน ซึ่งตอนนั้นท้องเริ่มโต เป็นท้องของเด็กที่เกิดกับพ่อ ตนจึงยอมเล่าความจริงทั้งหมด ซึ่งผู้ใหญ่บ้านก็เรียกพ่อไปพูดคุย เขาก็รับสารภาพว่าก่อเหตุขืนใจตนจริง ๆ สำหรับลูกในท้อง แพทย์เห็นว่าเป็นเด็กพิการและไม่สมบูรณ์ จึงทำคลอดเอาเด็กออกเมื่อประมาณเดือน พ.ค.64 ที่ผ่านมา โดยเด็กมีอายุแค่ 4 เดือนเท่านั้น ส่วนลูกชายอายุ 3 ขวบของตน ขอยืนยันว่าเป็นลูกที่เกิดจากแฟนเก่า ไม่ใช่นายทองมา ผู้เป็นพ่อแต่อย่างใด
"เหตุครั้งนี้ หนูอยากให้นายทองมา ผู้เป็นพ่อรับโทษตลอดชีวิต ตอนนี้หนูไม่คิดว่าเขาเป็นพ่อแล้ว หนูตัดเขาจากความเป็นพ่อ เพราะเขาทำไม่ดีกับหนูมาโดยตลอด" นางสาวแววตา กล่าว
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนางชิลี (นามสมมติ) แม่ของผู้เสียหาย และเป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนไม่เคยรู้มาก่อนว่าสามีไปก่อเหตุขืนใจลูกสาวตั้งแต่เดือนมกราคม 64 จนถึงเดือนเมษายน 64 จนลูกสาวตั้งครรภ์ เนื่องจากที่ผ่านมาสามีจะชอบไล่ให้ตนไปทำงานรับจ้างนอกบ้าน ถ้าไม่ไปเขาก็ขู่จะฆ่า จึงไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์มาก่อน
อีกทั้งเขาก็ได้ขู่ไม่ให้ลูกสาวนำเรื่องดังกล่าวมาบอกตน ถ้าลูกสาวเอาเรื่องไปบอก เขาก็จะทำร้ายและจะฆ่าลูกสาว กระทั่งตนมารู้เรื่องจากทีม อสม. ที่เข้ามาสอบถามข้อมูล แล้วลูกสาวก็ยอมเล่าความจริงให้ อสม.ฟัง หลังจากนั้นตนก็เข่าแทบทรุด รับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับหลานชายวัย 3 ขวบ ตนขอยืนยันว่าเป็นลูกที่เกิดจากแฟนเก่าของลูกสาว ไม่ใช่ลูกที่เกิดจากพ่อแท้ ๆ นอกจากนี้ สามีนิสัยใจคอเป็นคนชอบดื่มเหล้า และชอบข่มขู่ ไม่ทำงาน ตนคิดว่าที่เขาหนีไปบวชนั้น เขาคงคิดว่าเป็นพระจะทำให้ไม่เป็นคดีความ และทำให้ตำรวจดำเนินคดีไม่ได้ ตนจึงไม่ให้อภัยสามี และไม่ต้องการให้เขากลับมาที่บ้าน กลัวว่าเขาจะมาก่อเหตุไม่ดีกับคนในครอบครัวซ้ำอีก