โกลาหล! ลูกกรี๊ดลั่นขวาง "ปลา" พาแม่อ้างเป็นอรหันต์ส่งหมอ อึ้งยกมรดกให้พระถ้าตาย (คลิป)

จากกรณีนางสาวณัชพร อายุ 49 ปี และนางสาวเมย์ อายุ 19 ปี แม่ลูกที่เชื่อว่าตัวเองจะต้องละสังขาร ในวันที่ 30 ต.ค. 64 และ 18 มี.ค. 65 ซึ่งทางครอบครัวมีความกังวลว่าจะเกิดเรื่องร้าย จนเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน และนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา นั้น

วันที่ 28 ต.ค. 64 นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา ได้ขอรถพยาบาลมาจากหน่วยกู้ภัย จังหวัดเพชรบุรี มีนายสาริต แสงจันทร์ หรือ เสี่ยเปีย นักธุรกิจเจ้าของแบรนด์หมูปิ้งนมสด, พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย เจ้าของเกศกมลคลินิก เดินทางมาด้วย ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย จาก สภอ.บางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร เพื่อเดินทางมาที่บ้านพัก

เมื่อทีมงานทุกคนได้เดินทางมาถึงหน้าบ้านของนางณัชพร เจ้าตัวก็ได้รีบปิดม่านบริเวณประตู โดยนายสันติ บับภาเอก อายุ 33 ปี ลูกชายของนางสาวณัชพร ผู้ร้องเรียน เดินเข้าไปในบ้าน เพื่อเจรจากับแม่ของตัวเอง นางสาวณัชพรได้พูดด้วยน้ำเสียงใหญ่ดังออกมาจากบ้านว่า "ให้แค่หมอปลาเข้ามา ถ้าแน่จริงเข้ามาคนเดียว" พร้อมพูดตำหนิลูกชายว่า "นี่หรือที่เจ้ารักแม่ของเจ้า มีทั้งนักข่าว มีทั้งกล้อง แล้วเราจะบอกทุกคนว่าลูกชายทรยศนั้นเป็นเช่นไร" ซึ่งเมื่อนายสันติและหมอปลาเข้าไปพบนางสาวณัชพร และนางสาวเมย์ ลูกสาววัย 19 ปี ของนางสาวณัชพร ก็ได้ปิดประตูบ้านทันที

โดยนายสันติและหมอปลา เข้าไปภายในบ้านได้เพียง 30 วินาที กลับออกมา เนื่องจากนางสาวณัชพรได้บอกให้นายสันติและหมอปลาก้มกราบ อ้างว่าตัวเองเป็นอรหันต์ นายสันติและหมอปลาจึงเดินกลับออกมาตั้งหลักใหม่

ขณะเดียวกัน นางสาวณัชพรก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงใหญ่เช่นเดิม คล้ายระบายความในใจ จับใจความได้ว่า "ลูกชายทรยศเอานักข่าวมาหาแม่ ทำได้เช่นไร ลูกทรยศ ไม่เคยส่งเสียพ่อแม่ ไม่เคยเลี้ยงดูแม่มัน แม่มันป่วยตายแล้วตายอีกในบ้านหลังนี้ มันไม่เคยโทรมาหาแม่แม้แต่คำเดียว นี่หรือลูกที่กตัญญู จำไว้นะ เพราะฉะนั้น อย่าได้เชื่อผู้ชายเลว ๆ คนนี้ แม่มันตายแล้วในบ้านหลังนี้ ฟื้นแล้วฟื้นอีก กว่าแม่มันจะกลับมาเป็นคนได้ คิดดูเถอะ แล้วมันทำกับแม่ได้อย่างไร แม่มันอยู่ลำพังกับน้องแค่ 2 คน แต่ทำกับแม่ได้อย่างไร คิดดู พวกคุณคิดดู เงิน แม่เอาเงินไปจ่ายดอก เพราะแม่ไปกู้เอาเงินประกันเขามา เพื่อเอาให้ลูกไปจ่ายดอกให้ ลูกไม่เคยเลี้ยงดูแม่เลย แม่ป่วยอยู่บ้านเป็นปี ๆ ลูกไม่เคยโทรหาไม่เคยโทรถาม แต่พอลูกมา ลูกเอานักข่าวมา นี่นะหรือ เอานักข่าวมาเพื่ออะไร พวกคุณคิดดู ลูกเลว ๆ แม่เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ้านหลังนี้ มันไม่เคยถามไถ่ แต่มันแจ้งนักข่าว ดูสิ ดูเอาเถอะ จะเชื่อลูกชายทรยศนี่เหรอ บ้านหลังนี้มีแค่แม่กับลูกสาว มีแม่กับน้องสาวมันอยู่ มันทำได้ยังไง ไอ้คนเลวคือคนที่พาพวกคุณมานั่นแหละ มันสารเลว แม่ป่วยแล้วป่วยอีก บาทหนึ่งไม่เคยส่ง ที่มันโอนเงินมาให้ นั่นเงินแม่มันที่ไปยืมเงินกู้ประกันเขามา แล้วมันก็บอกว่าแม่เอาเงินไปให้สำนักสงฆ์ หาว่าแม่ถูกสำนักสงฆ์หลอกลวง สำนักสงฆ์เขามีอะไรที่ไหน ไปดูสิ"

โดยเมื่อนางณัชพรพูดถึงสำนักสงฆ์ ผู้สื่อข่าวถามว่า "แม่ทำบุญให้สำนักสงฆ์ไปเท่าไร "นางสาวณัชพรตอบกลับมาว่า "อ้าว เรื่องนั้น มัน..." แล้วเงียบไปครู่หนึ่ง บอกว่า "อย่ามาถามซอกแซกเรื่องนี้ ให้พวกเจ้าดูไอ้ลูกทรยศ"

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า "ค่าโลงแก้วราคาเท่าไร" นางสาวณัชพรตอบกลับมาว่า "ราคาไม่เท่าไร ไม้แผ่นหนึ่งราคาไม่เท่าไร" จากนั้นนางสาวณัชพรก็ได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใหญ่เช่นเดิมว่า "ผู้กำกับมาหรือยัง บ้านเราติดกล้องไว้ทั่วบ้าน เราจะแจ้งข้อหาบุกรุก พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล หมู่บ้านก็เป็นหมู่บ้านส่วนบุคคล"

ขณะเดียวกัน ชาวบ้านต่างเริ่มมามุงดูเหตุการณ์กันมากขึ้น พร้อมกับนางสาวเมย์ อายุ 19 ปี ลูกสาวของนางสาวณัชพร ก็ได้เดินออกมาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทีมข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามถึงการละสังขารของนางสาวณัชพร ซึ่งนางสาวเมย์ได้บอกว่า "วันที่ 30 ตุลาคม 64 ให้มาใหม่" ส่วนวันละสังขารของตน ตนไม่รู้ เพราะตอนนี้ตนยังไม่ตาย แต่ตนเชื่อคำของแม่

โดยทีมข่าวได้พยายามอธิบายนางสาวเมย์ว่าที่สื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ หมอปลา และนายสันติ พี่ชาย เดินทางมาให้วันนี้เพราะเป็นห่วงนางสาวเมย์และนางสาวณัชพร ซึ่งนางสาวเมย์ตอบว่า "ถ้าเป็นห่วง ทำไมพี่ชายไม่เห็นโทรศัพท์มาหาแม่เลย"

โดยขณะที่ทีมข่าวกับลังพูดคุยกับนางสาวเมย์ นางสาวณัชพรก็ร้องโวยวายเสียงดังออกมาจากบ้าน เนื่องจากหมอปลา นายสันติ และอาสากู้ภัยได้บุกเข้าไปรวบตัวของนางสาวณัชพร ทำให้นางสาวเมย์วิ่งกลับเข้าไปในบ้านทันที พร้อมพูดว่า "ทำไมทำแม่หนู" นางสาวเมย์ก็ได้ถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาลไปพร้อมกัน เพื่อเดินทางไปตั้งหลักที่บ้านของหมอปลา จ.เพชรบุรี ก่อนจะนำทั้ง 2 คนไปตรวจสภาพร่างกายและจิตใจที่โรงพยาบาล โดยมีนายสันติ ลูกชายของนางสาวณัชพรคอยปลอบใจและนั่งรถไปด้วย

เมื่อนางสาวณัชพรและนางสาวเมย์เดินทางมาถึงบ้านของหมอปลา ทั้งคู่มีท่าทีที่สงบลง นางสาวณัชพรได้เข้าไปนั่งสมาธิสวดมนต์ไหว้พระในห้องพระของหมอปลา ส่วนนางสาวเมย์ก็ได้นั่งเพื่อสงบสติอารมณ์ ซึ่งสาเหตุที่นางสาวณัชพรสงบลง หมอปลาบอกว่า ขณะที่เดินทางมาจังหวัดเพชรบุรี หมอปลานั้นปิดปากเงียบ แล้วนั่งฟังนางสาวณัชพรพูดเรื่องนิพพานและด่าทอหมอปลา

ในเวลา 18.00 น. พระมหาไพรวัลย์ได้เดินทางมาถึงบ้านของหมอปลา เพื่อเทศนาธรรมแก่นางสาวณัชพร ซึ่งทั้งคู่ได้พูดคุยกันประมาณ 15 นาที โดยพระมหาไพรวัลย์ได้ยกตัวอย่างพระอานนท์ที่ไม่ยอมให้พระพุทธเจ้าละสังขารในสมัยพุทธกาล แต่นางสาวณัชพรบอกกับพระมหาไพรวัลย์ว่า พระมหาไพรวัลย์ยังไม่บรรลุถึงขั้นมาเทศนาตัวเอง เพราะตนเป็นพระอรหันต์ ย่อมรู้วันเวลาการอยู่และจากไปของตัวเอง ตนไม่คิดที่จะฆ่าตัวตายตามที่ใครหลายคนคิด

แต่ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.บ้านลาด 2 นาย ก็ได้เดินทางมาในเวลา 18.15 น. เนื่องจากนางสาวเมย์ อายุ 19 ปี ได้แอบโทรศัพท์แจ้ง 191 ขอความช่วยเหลือ พร้อมบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวและถูกทำร้ายร่างกาย ต้องการที่จะกลับบ้าน ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึง นางสาวเมย์ก็ได้ดึงนางสาวณัชพรออกมาจากบ้านหมอปลาทันที

พระมหาไพรวัลย์ บอกว่า เท่าที่อาตมาพูดคุยกับนางสาวณัชพร ค่อนข้างปักใจเชื่อในวันตายของตัวเอง อีกทั้งยังเชื่อว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ ซึ่งอาตมาคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ คาดว่าน่าจะเป็นอาการวิปลาส อาตมาจึงมีความเป็นกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามความเชื่อของตัวเอง จึงอยากจะให้ครอบครัวดูแลอย่างใกล้ชิด และสร้างความสบายใจให้กับนางสาวณัชพร อาตมาจึงอยากจะเตือนว่าอย่าหลงเชื่อความเชื่อที่ผิดเพี้ยนแบบนี้

หมอปลา บอกว่า ตนทำเต็มที่แล้ว โดยตนและสื่อมวลชนได้เข้าให้การช่วยเหลือตามที่นายสันติร้องเรียนมา ตนพยายามทำให้เห็นว่า ในวันที่ 30 ต.ค. 64 จะไม่มีการละสังขารเกิดขึ้น โดยตนจะให้นางสาวณัชพรนอนในห้องพระ ซึ่งมีกล้องวงจรปิดเพื่อสอดส่อง โดยเมื่อรับตัวนางสาวณัชพรมาถึงบ้านที่จังหวัดเพชรบุรี ตนก็ได้นิมนต์พระมหาไพรวัลย์มาทันที เพื่อหวังจะให้เทศนาธรรมให้นางสาวณัชพรได้ฟัง แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่รับการช่วยเหลือหวังดีใด ๆ

พระมหาไพรวัลย์ บอกว่า อาตมาเพียงพูดคุยกับนางสาวณัชพรเล็กน้อย ไม่ถึงกับเป็นการเทศนาธรรม โดยนางสาวณัชพรมีความคิดว่าตัวเป็นบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ซึ่งคาดว่าได้รับความเชื่อมาแบบผิด ๆ โดยมีบางประโยคที่อีกฝ่ายพูดกับอาตมาว่า "หวังว่าจะได้พบหลวงพี่บนแดนนิพพาน" ซึ่งอาตมาได้ตอบกลับไปว่า "เจอกันที่นี่ก่อน ไม่มั่นใจว่าจะได้นิพพาน" ทั้งนี้ การปลงสังขารของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ามีเหตุผล เนื่องจากขันธ์นั้นไม่เอื้อให้อยู่ต่อ โดยในปัจจุบันนี้คนนั้นศึกษาพุทธประวัติไม่แตกฉาน ทำให้เกิดความเชื่อเกี่ยวกับการเลือกวันตายหรือวันละสังขารเอง ที่แย่กว่าคือคนพยายามทำให้เกิดการละสังขารตามคำประกาศของตัวเอง

แต่อาตมาก็รู้สึกเบาใจที่นางสาวณัชพรบอกว่าจะไม่ฆ่าตัวตาย อาตมาก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าจริงหรือไม่ ซึ่งอาตมาพยายามชักชวนให้นางสาวณัชพรมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อช่วยกันเทศนาธรรม เพราะนางสาวณัชพรเป็นอรหันต์ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยินยอม อ้างเพียงจะละสังขารอย่างเดียว ส่วนนางสาวเมย์ อายุ 19 ปี ลูกสาวของนางสาวณัชพรก็น่าเป็นห่วง เพราะเห็นด้วยเข้าข้างนางณัชพร สุดท้ายแล้วความน่ากลัวไม่ใช่ผู้คนที่มีความเชื่อผิด ๆ แต่ความน่ากลัวนั้นอยู่ที่พระผู้สอนความเชื่อผิด ๆ ให้ประชาชน