จากกรณีพบศพพระวัย 72 ปี ถูกฆ่าโหดฟันศีรษะยับ มรณภาพในวัดป่าปอ อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ เบื้องต้น คาดว่าเป็นแก๊งทวงหนี้ ขณะที่ตำรวจชุดสืบสวนเร่งติดตามตัวคนร้าย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ รับแจ้งเหตุพระถูกฆ่ามรณภาพ ภายในบริเวณวัดป่าภูปอ ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าได้เข้าตรวจสอบพบศพพระลุน หรือ หลวงพ่อลุน สุ่มมาตย์ อายุ 72 ปี พระลูกวัดนอนมรณภาพจมกองเลือดอยู่บริเวณบันไดลานหินทางลงกุฏิ หลังศาลาหอฉัน มีบาดแผลถูกของมีคมฟันตามร่างกายหลายแห่งกว่า 30 แผล โดยเฉพาะบริเวณศีรษะ ใบหน้า แขน และข้อมือ จากการตรวจสอบ
จากการสอบถาม พระกรกช เสนาฤทธิ์ อายุ 72 ปี พระลูกวัดป่าภูปอ กล่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 20.00 น. ที่ผ่านมา มีชาย 2 คนสวมหมวกกันน็อก และหน้ากากอนามัย เข้ามาหาพระลุน นั่งพูดคุยกันที่หน้ากุฏิของตน มีการพูดจากันปกติ จับใจความได้ว่ามาทวงหนี้กับพระลุนประมาณ 30,000 บาท
โดยหนึ่งในชายสองคนถามพระลุนว่าหลวงพ่อเป็นหนี้จะไม่ใช้หนี้หรือ จากนั้นพระลุนบอกว่าให้ไปคุยกันที่กุฏิ เพราะเกรงใจตน ก่อนจะพากันไปตกลงกันที่กุฏิพระลุน กระทั่งช่วงเวลาประมาณตี 2 ได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน และได้ยินเสียงชายคนเดิม ซึ่งคล้ายกับคนเมาสุราตะโกนว่า "มึงไม่ใช้หนี้ใช่ไหม" จากนั้นเสียงก็เงียบไป
กระทั่งช่วงเช้ามีชาวบ้านมาพบว่าพระลุนถูกฆ่ามรณภาพแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้แบ่งกำลังลงพื้นที่สืบหาข่าว และเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
ล่าสุด วันที่ 29 ต.ค. 64 ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ สำรวจบริเวณโดยรอบกุฏิของพระลุน มีคราบเลือดโดยรอบบริเวณกุฎิ รวมไปถึงห่างออกไปประมาณ 10 เมตร เป็นกุฏิของพระกรกช พระลูกวัดอีกราย
ซึ่งข้างของบริเวณหน้าห้องเองก็ยังกระจัดกระจายอยู่ มีทั้งข้าวของเครื่องใช้ รวมไปถึงเครื่องนอนอยู่บริเวณหน้ากุฏิ ข้างกันจะมีกาต้มน้ำภายในมีมีน้ำลักษณะสีดำอยู่ภายในกา
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนเองก็ได้เก็บกาต้มน้ำอันดังกล่าวไปตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่ทีมข่าวเองได้เดินสำรวจโดยรอบจากจุดบริเวณกุฏิมายังจุดที่พบศพ อยู่ห่างกันประมาณ 20 เมตร ซึ่งเป็นทางเนินลาดชัน
ขณะที่ทางทีมข่าวเองได้สำรวจพบว่าเส้นทางเข้าออกของวัดนั้น จะมีโดยรอบประมาณ 3 ทาง ไม่รวมเส้นทางธรรมชาติที่สามารถเดินไปทะลุถนนเส้นรองได้ เนื่องจากวัดดังกล่าวเองจะตั้งอยู่บนยอดเขา รายรอบไปด้วยป่าและหมู่บ้าน ขณะที่จุดเกิดเหตุเองก็ยังมีคราบเลือดของพระลุนยังตกค้างอยู่
นายสมบูรณ์ สุ่มมาตย์ ลูกชายของพระลุน เปิดใจว่า ตนยังทำใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะตนมีพ่อคนเดียว ก่อนหน้านี้ช่วงเข้าพรรษาของปีนี้ พ่อของตนได้บอกว่าหลังออกพรรษาตนตั้งใจจะศึกออกมาเพื่อช่วยเลี้ยงลูกตน และกลับมาอยู่บ้าน วันนี้เองตนก็ได้นัดกับทางพ่อว่าจะมารับไปเยี่ยมญาติก่อน แต่ก็ไม่ทัน ท่านมาเสียชีวิตไปเสียก่อน ครั้งล่าสุดที่ได้เจอกันก็ประมาณ 3 เดือนที่แล้วที่เขาไปที่จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเพื่อที่จะไปรับยาโรคเก๊าท์ สาเหตุการบวชของพ่อมาจากที่พ่อเองไปดูหมอมา เขาบอกว่าพ่อของตนมีกรรม เลยต้องมาบวชเป็นพระเพื่อชดใช้กรรม บวชมานานกว่า 4 พรรษาแล้ว
สาเหตุการเสียชีวิตคิดว่าน่าจะมาจากเรื่องหนี้สิน ตนยืนยันเรื่องหนี้สินไม่มี เพราะที่ผ่านมาพ่อเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องหนี้สิน หนำซ้ำเขาเองยังมีเงินเก็บในบัญชีเป็นหลักแสนบาท ยังมีการนำเงินมาให้ทางลูกชายคนโตและลูกชายคนเล็กยืมอยู่เลย จึงมั่นใจว่าการเสียชีวิตครั้งนี้ไม่น่าจะมาจากการยืมเงิน ส่วนการปล่อยเงินกู้ตนไม่มั่นใจ เพราะพ่อของตนเองก็ชอบให้คนยืมเงินอยู่แล้ว เนื่องจากเงินเก็บเขาค่อนข้างเยอะ ที่ผ่านมาพ่อเองไม่เคยระบายปัญหาเรื่องเงินแต่อย่างใด เชื่อว่าการตายของพ่อเองไม่เกี่ยวกับเรื่องเงินกู้
หลังจากนี้ ครอบครัวเองจะนำร่างไปบำเพ็ญกุศลตามหลักศาสนาที่บ้านเกิดใน จ.ขอนแก่น วอนอยากให้จับคนร้ายให้ได้ พร้อมลงโทษตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
นางวรรณภา (นามสมมติ) และนางสุพิศ (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ช่วงประมาณตี 5 ที่ผ่านมา ตนเองกำลังนั่งทำอาหารหุงข้าวอยู่ที่บ้าน ได้ยินเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือมาจากวัดประมาณว่า "ช่วยด้วย ช่วยด้วย" เสียงคล้ายคนสิ้นลมหายใจ เป็นเสียงดังก้องมาจากทางวัด
จากนั้น สามีของตนพร้อมด้วยชาวบ้าน 3-4 คน เดินทางขึ้นไปก็พบว่าทางพระลุนนอนเสียชีวิตแล้ว พบบาดเเผลที่หัว ลำคอ แขน ท่อนบนโดนทุบตีด้วยอาวุธ นอนจมกองเลือด ก่อนที่ทางสามีของตนได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเเจ้งทางผู้ใหญ่บ้านให้เข้ามาตรวจสอบ ยืนยันว่าเบื้องต้นช่วงที่เกิดเหตุตนเองไม่ได้ยินเสียงบุคคลอื่นหรือเสียงลักษณะคล้ายมอเตอร์ไซค์เข้ามาในพื้นที่ ส่วนเรื่องเงินกู้ หรือแก๊งเงินกู้นอกระบบไม่มีแน่นอน
ทั้งนี้ ผู้ตายเองเพิ่งเช้ามาจำพรรษาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เป็นคนค่อนข้างใจดี มีน้ำใจกับทุกคน 3 วันก่อนติดงานสงฆ์ เลยไม่ได้ออกมาบิณฑบาต ก่อนหน้านี้ช่วงเกิดเหตุไม่มีคนแปลกหน้าเดินทางมาที่วัดแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในพื้นที่ด้วย เชื่อว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นภายในวัด มองว่าเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องของการปล้น เพราะว่าตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเป็นคนใกล้ชิด เหตุทราบความเคลื่อนไหวของพระผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี เนื่องจากคนร้ายทราบว่าทางผู้ตายเองมีเงินแสนอยู่ภายในกุฏิ
นอกจากนี้ ชาวบ้านเล่าว่าก่อนหน้านี้พฤติกรรมทางหลวงพ่อพระกรกช เป็นคนที่มีนิสัยไม่ค่อยออกบิณฑบาต ตลอดจนเคยมีปากเสียงกับทางด้านพระผู้ตายมาก่อน เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งสิ่งของที่ได้รับมาจากญาติโยม ที่ทางพระผู้ตายเองโดนเตือนมาแล้ว 2 ครั้ง ก่อนหน้านี้เองซึ่งในมุมของชาวบ้านเองเลยคาดว่าสร้างความไม่พอใจกับพระกรกชหรือไม่ ขณะที่ทางพระกรกชก่อนหน้านี้ก็เคยมีประวัติเกี่ยวกับถูกดำเนินคดีมาก่อน
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน สภ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ได้ปล่อยตัวพระกรกช เสนาฤทธิ์ เบื้องต้นทางหลวงพ่อเองยังเป็นพยาน ก่อนที่พรุ่งนี้จะมีการสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมเปิดเผยว่า ไม่ทราบเรื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยเรื่องคราบเลือดในถังน้ำที่อยู่ในห้องน้ำนั้นคือสีย้อมผ้าจีวร ที่ผู้ตายได้นำมาย้อมในช่วง 1-2 วันก่อน ยืนยันว่าไม่ใช่คราบเลือด ส่วนเรื่องหยดเลือดที่บริเวณหน้าห้องน้ำ ไม่ทราบว่าเป็นหยดเลือดใคร
เมื่อถามถึงรอยบาดแผลที่บริเวณนิ้วของหลวงพ่อ มาจากที่ก่อนหน้านี้ตนได้ปอกมะม่วงและมีดบาด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันคำเดิม ว่าเป็นเรื่องราวของหนี้สิน เป็นการทวงเงิน มีกลุ่มวัยรุ่น 2 คน ที่ขับรถลักษคล้ายบิ๊กไบก์มาสอบถามทางพระผู้ตาย เมื่อช่วงวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยอ้างว่ามาจาก อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งตอนนั้นตนได้บอกชายทั้ง 2 คนว่าพระผู้ตายไม่อยู่วัด เนื่องจากไปออกงานบุญด้านนอก
ต่อมาวันที่ 28 ต.ค. 64 วัยรุ่น 2 คนดังกล่าวก็มาอีกครั้งในช่วงค่ำ และได้ย้อนว่ามาทวงเงินกู้จำนวน 30,000 บาท ก่อนที่ทั้ง 3 คน รวมพระที่เสียชีวิตได้นั่งพูดคุยกัน ในช่วงเช้าของวันนี้ ประมาณตี 5 ก็ได้ยินเสียงคล้ายคนทะเลาะกัน ก่อนที่จะได้ยินเสียงพระผู้เสียชีวิตตะโกน "ช่วยด้วย ช่วยด้วย" ตนก็พยายามจะเปิดประตูออกจากกุฏิ แต่กลับพบว่าเหมือนมีคนมาคล้องกุญแจไว้ จึงตัดสินใจเอาเก้าอี้ปีนหน้าต่างออกมาจากกุฏิ และร้องขอให้คนช่วยเหลือ ขณะที่จังหวะที่ตนกำลังปีนหน้าต่างก็ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ขับออกไปจากทางด้านหลังของกุฎิ ส่วนคราบเลือดที่จีวรก็มาจากที่ตนเดินไปยังจุดเกิดเหตุแล้ว ทำให้จีวรเปื้อนเลือด