จากกรณี สังคมออนไลน์ใน จ.ชลบุรี แชร์คลิปเด็กชายคนหนึ่งอายุ 10 ขวบ ใส่ชุดลูกเสือ อยู่ในอาการโมโห กำลังยืนกำหมัดใส่ชาย อายุ 62 ปี ที่นั่งอยู่ร้านขายหมูปิ้งริมถนน ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของโรงเรียนแห่งหนึ่ง โดยในคลิปมีแม่เด็กคอยห้ามปราม และบอกว่าลูกชายตนนิสัยเป็นอย่างนี้จะให้ทำยังไง ลูกชายตนผิด แต่อย่าเอาพ่อแม่ไปรวมด้วย แม่สั่งสอนแล้วแต่ลูกชายไม่ฟัง แล้วจะให้ทำอย่างไร จะฆ่ามันหรือไง (อ่าน :
เด็ก 10 ขวบ ลั่นไม่ขอโทษ สั่งคนแก่กราบตีน - ลุง 62 ปัดมีอิทธิพล ทำคู่กรณีย้ายบ้านหนี)
วันที่ 16 พ.ย. 61 ที่ ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี
นายบรรพต สีทาบุตร อายุ 62 คู่กรณีของเด็ก 10 ขวบ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีกระแสว่าครอบครัวเด็กจะต้องย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากกลัวอิทธิพลของตน ทั้งที่ตนก็ทำงานเป็นยาม บ้านที่อยู่ก็อาศัยอยู่ซึ่งเป็นบ้านของอดีตน้องเมีย ธนาคารจะมายึดเมื่อไรก็ไม่รู้ แบบนี้จะเรียกว่าตนมีอิทธิพลได้อีกหรือ ตนเพียงต้องการเตือนเด็กเท่านั้น เนื่องจากเด็กขับรถเร็วมาก ถนนภายในหมู่บ้านเป็นถนน 2 เลน ตนกำลังขี่จักรยานไปที่หน้าโรงเรียนบ้านหัวโกรก จากนั้นเด็กวัย 10 ขวบ ก็ขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็ว กระทั่งเกือบที่จะเฉี่ยวชนตนเอง
นายบรรพต กล่าวอีกว่า ตนยอมรับว่าเป็นคนพูดจากโผงผาง แต่ตนก็แค่ตักเตือน ส่วนเรื่องที่เหมือนกับว่าตนกระชากคอเสื้อเด็กนั้น เนื่องจากวันเกิดเหตุเด็กใส่ชุดลูกเสือมีผ้าพันคออยู่ ตนจึงต้องจับผ้าพันคอขึ้นเพื่อที่จะดูว่าเด็กชื่ออะไร บ้านอยู่แถวไหน จะได้ไปบอกพ่อแม่ของเด็กว่าอย่าให้ลูกขับรถเร็วแบบนี้ ทั้งหมดนั้น ตนก็กระทำไปตามหน้าที่ เพราะตนเป็นยาม จึงต้องดูแลความสงบในหมู่บ้าน
จากนั้น ทราบว่า เด็กก็ขับรถออกไปแล้วพูดว่า “พ่อมึงตายดิ” ตนจึงขี่รถจักรยานไปที่บ้านเพื่อสอบถาม แต่เมื่อไปถึงบ้านเด็ก ก็เจอแม่เด็กออกมาพูด และเด็กก็ถือด้ามร่ม พร้อมกับมีดปอกข้าวโพดอยู่ ตนจึงบอกว่า “เออ กูกลัวแล้ว กูกลับก็ได้” ซึ่งตอนนั้นที่ถอย ยอมรับกว่ากลัว ขณะนั้นตนยังคิดว่าขนาดตนแก่ เด็กยังแสดงท่าทีแบบนี้ แล้วหากเป็นเด็กรุ่นเดียวกันทะเลาะกับเด็กคนนี้อะไรจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้
นายบรรพต กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดใจเรื่องเด็กแม้แต่น้อย เพราะเรื่องเด็กแว้นในหมู่บ้าน คนอื่น ๆ ก็เคยเตือนอยู่หลายคน แต่ก็ไม่เห็นมีปัญหา ซึ่งกลับกัน หากเด็กคนดังกล่าวเป็นลูกของตน ตนจะตบให้หัวทิ่มตรงนั้น เพราะหากเป็นเรื่องก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ ลูกของตนจะผิดหรือจะถูกก็ไม่รู้ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมที่เคารพผู้ใหญ่ ไม่ต้องถึงขั้นมาพูดว่า “กราบตีนกู” แค่มีกิริยาไม่เหมาะสม ตนก็จะตบแล้ว
จากนั้น
นางยุพาภร ทับเปลี่ยน ย่าของเด็กชายวัย 10 ขวบ เปิดเผยว่า ขณะนี้สังคมมองว่าหลานเป็นเด็กก้าวร้าว ก็เพราะผู้ใหญ่ไม่ดี มาทำเด็กก่อน มารังแก ตนเองเลี้ยงเด็กคนนี้มากับมือ ตั้งแต่ตัวแดง ๆ รู้ว่าหลานเป็นคนอย่างไร เป็นคนขยันขันแข็ง ถ้าเขาผิดเขาจะยอมขอโทษ ยอมให้ทำโทษ ไม่มีขัดขืนแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนการขับรถจักรยานยนต์นั้น ปู่เป็นคนสอน และการที่น้องขับ ก็ขับแค่ในชุมชน ไม่ได้ขับรถเร็ว
หลังจากที่เกิดเรื่อง และเป็นข่าว ตนได้ถามหลานว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งหลานบอกกับตนว่า “ลุงมาดึงคอเสื้อน้องอย่างแรง รวมถึงหาว่าน้องขับรถไวจะเฉี่ยวเขา แต่จริง ๆ ไม่ได้ใกล้เลย แล้วลุงเขาก็ตะโกนด่าไล่หลังตามมาที่ร้านค้าเลย”
นางยุพาภร กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นนายบรรพตมาตามที่บ้าน และมาท้าทายหลานชาย กับลูกสะใภ้ว่า “เก่งจริงมึงมาเอากับกูไหม เดี๋ยวมึงอยู่หนองรี อยู่ที่ชลบุรีไม่ได้” ก็เลยกลัวว่าจะมีอิทธิพล ส่วนเรื่องเด็กหยิบมีด ก็เพราะว่าลุงบรรพตเข้ามาด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร ประกอบกับหลานชายเห็นแม่อยู่หน้าบ้าน เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงหยิบมีดมาถือไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรคู่กรณี
ต่อมา ที่โรงเรียนบ้านหัวโกรก ผู้อำนวยการโรงเรียน ตัวแทนหน่วยงานท้องถิ่น พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี เชิญครอบครัวเด็กชายวัย 10 ขวบ พร้อมด้วยนายบรรพต มาร่วมพูดคุยนานกว่า 3 ชั่วโมง โดยหลังจากการพูดคุยกันเสร็จ นายบรรพต พร้อมด้วยนางแจ่ม ทับเปลี่ยน แม่ของเด็กชายวัย 10 ขวบ ได้ออกมาสัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมยกมือไว้ จับมือ แสดงความขอโทษ ส่วนนายบรรพตได้โอบไหล่แม่เด็กชายวัย 10 ขวบ พร้อมกล่าวว่า "ตนไม่คิดติดใจเรื่องนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว" ส่วนแม่ของเด็กบอกว่า "วันนี้ที่ขอโทษ เพราะลูกและตนเองก็ทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่พูดจาไม่ดี จึงอยากที่จะขอโทษนายบรรพต เพราะถึงอย่างไรนายบรรพตก็เป็นคนพื้นที่ ตนต้องขอโทษแทนลูกชายด้วย"