จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยว เข้าบ้านในหมู่ 4 บ้านห้วยนางใต้ ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ใช้อาวุธมีดพร้าฟัน นายสุพรรณ แก้วเกื้อ หรือ เอียด, ครู อายุ 59 ปี พร้อมด้วยนางเพ็ญนภา อ้อยเป็น หรือ หญิง อายุ 52 ปี อาชีพขายน้ำอ้อย สองสามีภรรยาเสียชีวิต สภาพคอขาดทั้ง 2 คน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม นายอรุณทร นิ่มนวล หรือ เมี้ยก อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของผู้ตาย โดยอ้างว่านายสุพรรณชอบพูดจากระแนะกระแหนใส่มาเป็นเวลา 2-3 ปีแล้ว จึงลงมือก่อเหตุ หลังก่อเหตุใช้กะละมังแช่เสื้อเปื้อนเลือดของผู้ตายนั้น
วันที่ 8 พ.ยบ. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบ้านปูนชั้นเดียว อยู่ติดถนนในหมู่บ้าน ข้างบ้านซึ่งเป็นพื้นที่ล้างจาน ติดกับห้องครัว มีกองเลือดติดอยู่บริเวณหญ้า ด้านในห้องน้ำมีคราบเลือดอยู่เล็กน้อย จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปวัดห้วยนาง ญาติได้ตั้งศพผู้ตายทั้ง 2 คนในวัดเดียวกัน แต่แยกศาลา เนื่องจากต่างฝ่ายต่างเคยมีครอบครัวและมีลูกอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ เวลา 18.14 น. ผู้ก่อเหตุขับรถกระบะผ่านกล้องเพื่อกลับเข้าบ้าน ซึ่งเป็นช่วงที่ก่อเหตุเสร็จแล้ว และขับรถกลับบ้านตามปกติ
โดยเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุฟันนางเพ็ญนภา บริเวณข้างบ้าน และจุดที่ฟันนายสุพรรณในห้องน้ำ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที มีการปิดถนนไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปที่จุดเกิดเหตุ เพราะกลัวว่าจะมีการรุมประชาทัณฑ์ จากนั้นคุมตัวผู้ต้องหาไปตรวจโควิด-19 ที่โรงพยาบาลห้วยยอด
ทีมข่าวพยายามสอบถามผู้ต้องหาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ต้องหามีอาการเหม่อลอย หลังจากเสพยาบ้า 2 เม็ด และดื่มน้ำกระท่อม ไม่ตอบคำถามใด ๆ เพียงพยักหน้าว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยอด แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพาอาวุธมีดไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ทั้งนี้ ในอดีตผู้ต้องหามีอาการเศร้า หลังจากที่อดีตภรรยาฆ่าตัวตาย
นางสาวศศิยา วรรณทอง อายุ 33 ปี ลูกสาวนางเพ็ญนภา ผู้ตาย เล่าว่า แม่เพิ่งคบหากับนายสุพรรณประมาณ 7-8 เดือน โดยปกติช่วงกลางวันแม่จะอยู่บ้านกับตน แต่ช่วงเย็นไปนอนบ้านนายสุพรรณ ซึ่งห่างกันประมาณ 3 กิโลเมตร เมื่อวานนี้ 7 พ.ย. ช่วงกลางวันตนกับแม่ออกไปซื้อของรับน้ำผลไม้ไปส่งลูกค้า ตนมาส่งแม่ที่บ้านในช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. ขณะนั้นนายสุพรรณมารออยู่ที่บ้านตน
จากนั้นตัวเองก็ออกไปส่งน้ำผลไม้ต่อ จนเวลาประมาณ 18.00 น. พบว่าแม่ไม่อยู่บ้านแล้ว ก็เข้าใจว่าน่าจะขับรถจักรยานยนต์ออกไปพร้อมนายสุพรรณ เพื่อไปนอนที่บ้านหลังเกิดเหตุ เวลา 18.28 น. ตนโทรศัพท์ไปหาแม่ แต่ไม่รับโทรศัพท์ คาดว่าน่าจะกำลังยุ่งกับการทำกับข้าว ไม่ได้เอะใจ เวลา 18.30 น. มีชาวบ้านมาบอกว่าแม่ถูกฟันเสียชีวิต ตนจึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุ แต่ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นพื้นที่ไว้หมดแล้ว ไม่สามารถเข้าไปได้ โดยตนรู้แค่ว่าแม่ถูกฟันคอขาด ส่วนนายสุพรรณก็ถูกฟันเช่นเดียวกัน
ตอนแรกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งทราบจากข่าวว่าจับนายอรุณทร ผู้ต้องหาได้ โดยนายอรุณทรเป็นเพื่อนบ้าน ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหากัน แม่ของตนก็เป็นคนใจดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร จึงรับไม่ได้ที่อีกฝ่ายมาทำแบบนี้ เพราะเป็นการกระทำที่โหดร้าย รุนแรงเกินไป ส่วนตัวมองว่าน่าจะเกิดจากการใช้ยาเสพติด และเกิดอาการคลั่ง โดยตอนนี้สภาพจิตใจของตนแย่มากยังทำใจไม่ได้ คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนฝันไป ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกระบวนการ ส่วนตัวไม่ขอเข้าไปพูดคุยหรือสอบถามใด ๆ เพราะไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้า
นางสาวยุพาวดี แก้วเกื้อ อายุ 39 ปี ลูกสาวนายสุพรรณ ผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อวานนี้ทราบเรื่องช่วงค่ำ เนื่องจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโทรศัพท์ไปบอกว่าพ่อถูกฟัน ซึ่งตนไม่ทราบสาเหตุ โดยเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็ไม่สามารถเข้าไปดูสภาพศพของพ่อได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบ ทราบเพียงพ่อถูกแทง และฟันคอเกือบขาด ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกัน แต่ก็ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน โดยยอมรับว่าพ่อเป็นคนพูดจาโผงผาง อาจจะพูดแล้วไม่เข้าหูผู้ก่อเหตุบ้าง แต่เชื่อว่าคงไม่ได้มีคำพูดกระแนะกระแหนมากมาย ถึงขั้นต้องโกรธกันขนาดนี้
โดยส่วนตัวเชื่อว่าผู้ก่อเหตุหลอนยา และเกิดคลั่งมากกว่า เพราะทราบว่าผู้ก่อเหตุชอบเสพยา และหาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ช่วงเกิดเหตุพ่ออยู่ในห้องน้ำ ผู้ก่อเหตุเดินบุกเข้าไปฟันทันที ทำให้พ่อไม่ทันตั้งตัว ตอนนี้สภาพจิตใจครอบครัวแย่มาก อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีวิธีการป้องกันก่อนเกิดเหตุ โดยเฉพาะผู้ต้องหาที่มีประวัติเรื่องยาเสพติด เพื่อไม่ให้มีการสูญเสียแบบนี้อีก
จากนั้น ทีมข่าวเดินทางไปบ้านนายอรุณทร นิ่มนวล ผู้ต้องหา พูดคุยกับนางละม้าย นิ่มนวล อายุ 58 ปี แม่ผู้ต้องหา ระบุว่า เมื่อวานนี้ ลูกชายออกจากบ้านในเวลาประมาณ 18.00 น. ขับรถกระบะออกไปและกลับมาถึงบ้านเวลาประมาณ 18.30 น. เมื่อมาถึงลูกเข้าไปอาบน้ำทันที ก่อนจะเดินถือมีดพร้ามาส่งให้สามีของตนที่หลังบ้าน และไม่ได้พูดอะไร ซึ่งขณะนั้นเริ่มค่ำแล้ว ตนกับสามีก็ไม่ได้สังเกตว่าบริเวณมีดมีเลือดหรือไม่
จากนั้น ลูกชายก็ขับรถจักรยานยนต์พาลูกชายวัย 4 ขวบออกไปข้างนอก และกลับมาที่บ้านตามปกติ เวลาประมาณ 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาที่บ้าน โดยเข้าไปเปิดประตูห้องและนำตัวลูกชายของตนออกมาคุยที่รถกระบะ ตนจึงทราบว่าลูกชายไปก่อเหตุฆ่า นายสุพรรณ และ น.ส.เพ็ญนภา เสียชีวิต โดยที่ผ่านมาลูกชายไม่ได้มีปัญหากับผู้ตายทั้ง 2 คน เชื่อว่าน่าจะเป็นฤทธิ์ยาเสพติด เพราะลูกติดยามาหลายปี แต่ก่อนหน้านี้ได้ไปทำงานอยู่ที่ จ.ชลบุรี อยู่กับภรรยาและลูก ๆ จนเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ภรรยาของลูกชายผูกคอเสียชีวิต ลูกชายกลับมาอยู่บ้าน และไม่ได้ทำงานทำการ อาการก็รุนแรงขึ้น มีการพกมีดติดตัวตลอดเวลา และหวาดระแวงกลัวว่าจะมีคนมาทำร้าย ก่อนหน้านี้ก็เคยใช้มีดฟันชาวบ้านในพื้นที่ แต่สามีเข้าไปห้ามไว้จึงไม่ได้เกิดเหตุรุนแรง
ทั้งนี้ ส่วนตัวเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ตายเป็นคนดีทั้งคู่ โดยก็อยากไปแสดงความเสียใจ แต่ยังไม่กล้าไปสู้หน้าลูก ๆ ของทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนลูกชายก็ปล่อยให้ติดคุกใช้กรรมไป