กองทัพฟิลิปปินส์เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มติดอาวุธ “เมาเต” ที่ยังคงยึดครองหลายพื้นที่ในเมืองมาราวี ซิตี้ บนเกาะมินดาเนาในวันพฤหัสบดี (1 มิ.ย.) แต่ปรากฏว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นการโจมตีที่ผิดพลาด เพราะเป็นการยิงถล่ม “พวกเดียวกันเอง” เป็นเหตุให้ทหารฟิลิปปินส์ที่ปฏิบัติการอยู่ทางภาคพื้นดิน เสียชีวิตทันที 11 นาย
การถูกยิงถล่มจากพวกเดียวกันเองของทหารฟิลิปปินส์ทั้ง 11 นาย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่ที่กลุ่มติดอาวุธเมาเตซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) บุกยึดเมืองมาราวี ซิตี้ บนเกาะมินดาเนาเมื่อกว่า 10 วันก่อน ได้เพิ่มจำนวนเป็นอย่างน้อย 171 ศพแล้ว
เดลฟิน โลเร็นซานา รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ ออกมาแถลงต่อผู้สื่อข่าวที่กรุงมะนิลา โดยยอมรับว่า การยิงถล่มพวกเดียวกันเองที่ทำให้มีทหารฟิลิปปินส์เสียชีวิตไปถึง 11 นายถือเป็นสิ่งที่เจ็บปวด และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่า "ความสูญเสีย" จะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับ “สงคราม” ก็ตาม
รายงานข่าวระบุว่า แม้กองกำลังความมั่นคงของฟิลิปปินส์จะประสบความสำเร็จในการยึดคืนพื้นที่กว่าร้อยละ 90 ของเมืองมาราวี ซิตี้ จากการยึดครองของกลุ่มติดอาวุธเมาเตได้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์กลุ่มนี้ ได้อย่างสิ้นซาก
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ทางกลุ่มติดอาวุธเมาเต เริ่มหันมาใช้วิธีจับประชาชนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่มาใช้เป็นโล่มนุษย์ สำหรับป้องกันการถูกโจมตีทางอากาศจากเฮลิคอปเตอร์ติดปืนกลของฝ่ายรัฐบาล
ล่าสุดประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ ออกมายอมรับว่า ในเวลานี้ กลุ่มนักรบรัฐอิสลามหรือกลุ่มไอเอสได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้าสู่พื้นที่ภาคใต้ของฟิลิปปินส์อย่างเต็มรูปแบบแล้ว และว่าเหตุการณ์เช่นที่เกิดกับเมืองมาราวี ซิตี้ อาจจะเกิดขึ้นกับพื้นที่อื่นๆ ในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ในไม่ช้า