สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายนรศักดิ์ หรือ เจ๊ก ศรีพิรุณทิพย์ อายุ 63 ปี ชาวบ้าน ม.14 ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ กล่าวหาน.ส.ชนกนันท์ ว่าได้หลอกลวง และฉ้อโกงเงินไปกว่า 10 ล้านบาท ตามที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 9 พ.ย. 64 ทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ ต.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ตลอดทั้งวันนายนรศักดิ์ หรือ เจ๊ก ศรีพิรุณทิพย์ อายุ 63 ปี เดินทางไปทำธุระที่กรุงเทพมหานคร ออกรายการโทรทัศน์ และเมื่อช่วงเวลา 20.00 น. ที่ผ่านมา ได้เดินทางกลับถึงบ้าน จ.บุรีรัมย์
นายนรศักดิ์ หรือ เจ๊ก เปิดเผยว่า ตอนนี้ธุรกิจครอบครัวที่เป็นเครือญาติได้รับผลกระทบทางธุรกิจ และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง อีกทั้งคนในครอบครัวก็มาตำหนิตนเองว่าทำให้ครอบครัวตระกูลเสียหาย ทั้งนี้ ตนตั้งใจจะจ่ายค่าทนายความจำนวน 50,000 บาท เพื่อที่จะไปฟ้องดำเนินคดีเอาโฉนดที่ดินคืนกลับมา หลังจากที่ถูกนางสาวชนกนันท์นำไปขายราคาถูก แต่ก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะไปจ้างทนายความ วันพรุ่งนี้เตรียมที่จะไปเบิกเงินเก็บจากธนาคารออมสิน เพื่อมาใช้จ่ายแทน
ส่วนจำนวนเงิน 2,800,000 บาท ที่ได้คืนจากการอายัดของบัญชีนางสาวชนกนันท์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการโอนเข้าบัญชีที่เปิดใหม่สาขาไทยพาณิชย์ เบื้องต้นเป็นแบบกระแสรายวัน ตนเองยังไม่สามารถที่จะเบิกเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้ได้ และบัญชีดังกล่าวก็ไม่มีแอปพลิเคชัน ไม่มีรูปแบบสำหรับการเบิกมาใช้จ่ายได้ เงินจำนวนดังกล่าวจึงไม่สามารถนำมาใช้ในการต่อสู้คดี ตนเองยังได้รับคำกำชับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ให้มีการนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้แบบสุรุ่ยสุร่ายอีก
ส่วนตัวอยากจะวิงวอนถึงหญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ตนเองอาจจะเคยมีการช่วยเหลือ หากวันนี้ได้เห็นข่าว อยากจะให้เห็นใจอย่างน้อยก็ช่วยเหลือกันในช่วงที่ตกทุกข์ได้ยากบ้าง หรือช่วยเหลือสำหรับเงินกินข้าวในแต่ละวันก็ยังดี เพราะตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายและกินข้าวในแต่ละวัน เนื่องจากถูกหลอกไปหมดตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม จะไม่มีอีกแล้วสำหรับการเปย์หญิงสาว เพราะสิ่งที่ผ่านมาตนเองก็ได้รับบทเรียนมากพอสมควร ขอใช้ชีวิตอยู่แบบเพียงลำพังต่อไปจะดีกว่า
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.โตนด อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย บ้านพักของนางสาวชนกนันท์ นายนันท์ (นามสมมติ) ญาติซึ่งไม่ประสงค์ให้สัมภาษณ์ ให้เหตุผลว่า ตอนนี้สภาพจิตใจค่อนข้างจะย่ำแย่ และยังไม่พร้อมที่จะพูดถึง เพราะตอนนี้กำลังเครียด เนื่องจากเจ้าตัวหนีไปอีกแล้ว ทุกคนเลยกำลังตามหากัน และยืนยันว่านางสาวนัดดารู้สึกผิดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายแบบนี้
นายธนะสิทธิ์ สุขเกตุ หรือ เสี่ยชัช เจ้าของฉายาสายเปย์สาว เปิดเผยว่า กรณีที่เสี่ยเจ๊กเปย์เงินหลักล้าน ส่วนตัวไม่อยากจะออกความคิดเห็นอะไรเยอะเพราะ เรื่องการเปย์นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน ในฐานะของคนที่เคยกระทำแบบนั้นมาก่อน ตนมองว่า ถ้าเป็นตนหากยังไม่เจอหน้ากัน คงจะไม่กล้าให้เงินเยอะขนาดนั้น อย่างมากก็คงจะเปย์แค่หลักหมื่นบาท ถึงแม้ว่าจะเคยเจอหน้ากัน แต่เงินจำนวนหลักล้านนั้น ถือว่าเยอะเกินไป ถ้าเป็นตนก็คงจะไม่เปย์ขนาดนี้เพราะรายได้ตนไม่ได้เยอะ
สำหรับกรณีของเสี่ยเจ๊กเป็นคนละกรณีกับที่ตนเคยเจอ เพราะเรื่องราวของตนมีอะไรหลายอย่างที่อยู่ในใจ แต่พูดออกมาไม่ได้ และตนคิดว่าคนที่รู้ดีที่รุดว่าเกิดอะไรขึ้น คือตัวเราเอง หลังจากที่ผ่านพ้นเรื่องราวที่เป็นข่าว ตนไม่ได้คุยกับนางสาวเกตุแล้ว และคงจะไม่รู้สึกคิดถึง เพราะนางสาวเกตุให้สัมภาษณ์ข่าวในทำนองตัดพ้อ และทำให้ตนเสียหน้ามาก แม้แต่วันที่ไปจัดการเรื่องรถ ก็ยังจะร้องเอารถให้ได้ จนทุกวันนี้ตนยังต้องนั่งใช้หนี้ค่าค้ำรถแทนอยู่ ในส่วนของชีวิตการงานของตนเริ่มดีมากขึ้น มีงานเข้ามาตลอด และพรุ่งนี้จะต้องไปโปรโมตโชว์รูมรถ ในพื้นที่เขตสายไหม กทม.
สุดท้ายนี้ ถ้าใครคิดจะเปย์เงิน ตนขอแนะนำว่าอย่าใจร้อน และถ้ามีสมบัติก็อย่าเพิ่งโอนเป็นชื่อของคนอื่น เพราะต้องดูการกระทำของเขาว่าเขารักเราจริงไหม และเราสามารถเชื่อใจเขาได้แค่ไหน
ด้านนางสาวเกตุฤดี คงวันดี หรือ เกตุ อายุ 27 ปี อดีตคนรู้ใจของเสี่ยชัช เปิดเผยว่า กรณีข่าวเสี่ยเจ๊กใจปล้ำโอนเงินหลักล้านที่ จ.บุรีรัมย์ ตนรู้เรื่องราวจริง ๆ แค่ 10 เปอร์เซนต์ และไม่ได้รู้เต็มร้อย ซึ่งส่วนตัวมองว่าความจำเป็นและความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยผู้ชายโอนเงินให้เพราะอยากจะให้ผู้หญิงมาอยู่ด้วยกัน ส่วนผู้หญิงก็ต้องการนำเงินไปรักษาญาติ แต่ผิดตรงที่ว่า ผู้หญิงแอบโอนเงิน แทนที่จะบอกให้ชัดเจนว่าจะนำไปทำอะไร กรณีของเสี่ยเจ๊กตนมองว่าเรียกเสี่ยไม่ได้ เพราะเสี่ยขอคืน เลยต้องเรียก "ป๋าเจ๊ก" แทน เพราะหมดเป็น 10 ล้าน แต่ไม่ได้เรียกเงินคืนสักบาท และทำถูกขั้นตอนโดยการแจ้งความ
ทั้งนี้ ตนนับถือในความรักที่เสี่ยเจ๊กมีให้ผู้หญิง และมองว่าเสี่ยเจ๊กยังรักอยู่เพราะถึงแม้ว่าจะแจ้งความจับ แต่ก็มาคิดได้ในภายหลัง และซื้อของไปดูแล ด้วยเหตุนี้ ตนจึงอยากจะฝากให้กำลังใจ และเชื่อว่าจะได้เจอคนที่รักเราจริง และถ้าเราเป็นคนดี 100 เปอร์เซ็นต์ จะมีคนที่อยากอยู่ด้วยกันกับเราแน่นอน
สำหรับฝ่ายหญิง ตนก็ไม่ได้ทราบเรื่องราวลึก แต่ตนขอให้กำลังใจเหมือนกัน และเชื่อว่าคนเรามีมุมมองในการให้ความสำคัญในแต่ละอย่างต่างกัน และขอให้ต้องสู้กับกระแสสังคม และผ่านมันไปให้ เพราะเมื่อเราทำอะไรผิด ต้องยอมรับ และแก้ไขในเรื่องที่ผิด