กรณีพบศพเด็กชาย อายุประมาณ 3 ขวบ เสียชีวิตภายในน้ำ บริเวณใต้สะพานคลองชวดพร้าว ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี หมู่ที่ 4 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยที่มีร่องรอยพกช้ำตามลำตัว คล้ายถูกทำร้ายร่างกาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งศพเด็กชายคนดังกล่าวไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ซึ่งตำรวจยังไม่ฟันธงว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย เนื่องจากร่องรอยที่พบตามตัวยังไม่มีความชัดเจน ต้องรอดูผลจากนิติเวช รพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ ก่อนว่าเสียชีวิตด้วยเหตุใด กระทั่งทราบว่าเสียชีวิตเพราะจมน้ำ และเด็กติดเชื้อโควิด-19 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 14 พ.ย. พ.ต.อ.กฤษณัฐ วงษ์กล้าหาญ ผกก.สภ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พร้อมดัวยฝ่ายสืบสวน ได้นำหมายศาลจังหวัดสมุทรปราการ เลขที่ 594/2564, 595/2564, 596/2564 ลงวันที่ 13 พ.ย.64 เข้าทำการจับกุม น.ส.อนิสรา จีนสมบูรณ์ อายุ 27 ปี, นายเรวัติ์ จีนสมบูรณ์ อายุ 48 ปี และน.ส.วราภรณ์ อิ่มสมบูรณ์ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุฆ่าเด็กชายดังกล่าว ได้ที่บ้านพักย่านบางขุนเทียน กทม. พร้อมของกลางเป็นจยย. Honda PCX สีขาว ทะเบียน 1 กบ 9663 ร้อยเอ็ด ที่ผู้ต้องหาใช้ในการนำตัวเด็กไปทิ้งที่คลองชวดพร้าว ในเขต อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ก่อนจะควบคุมตัวมาที่ สภ.บางบ่อ เพื่อสอบปากคำ โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือฆ่าเด็กแล้วนำมาทิ้งน้ำจริง
พ.ต.อ.กฤษณัฐ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้รับการติดต่อจากแม่ของเด็ก โดยบอกว่าเด็กคนดังกล่าว เป็นลูกของตัวเอง ชื่อน้องบาส อายุ 3 ขวบ ฝากเลี้ยงไว้กับเพื่อน ตำรวจจึงติดตามหาเพื่อนมาทำการสอบสวน กระทั่งทราบว่าแม่ได้นำน้องบาสมาฝากเลี้ยงกับ น.ส.วราภรณ์ อาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทที่เป็นสาวทอม ชื่อ น.ส.อนิสรา อาชีพรับทำความสะอาดตามบ้าน
โดยช่วงเกิดเหตุวันที่ 8 พ.ย.64 ทั้ง 2 คน ได้ไปรับจ้างทำความสะอาดที่ บ้านพักแห่งหนึ่งย่านถนนหทัยราษฎร์ เขตมีนบุรี แต่ระหว่างนั้นเด็กเกิดดื้อและซน สาวทอมจึงลงมือทุบตี จนเด็กแน่นิ่งไปหลายชั่วโมง ซึ่งทั้งคู่คิดว่าเด็กได้เสียชีวิต จึงนำเด็กขึ้นซ้อนจยย. Honda PCX สีขาว ทะเบียน 1 กบ 9663 ร้อยเอ็ด ไปหานายเรวัต ซึ่งเป็นพ่อของ ของ น.ส.อนิสรา ที่บ้านพักย่านบางแค และปรึกษากันได้ความว่า จะเอาเด็กไปทิ้งที่บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา แต่ขณะที่ขี่จยย.มาตามถนนบางนาตราด ได้เลี้ยวเข้าถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี เพราะเห็นว่าเป็นที่เปลี่ยวและมืด และนำศพเด็กมาทิ้ง โดยเข้าใจว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว จากนั้นกลับไปทำงานตามปกติ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 3 จุด คือจุดที่ 1 บริเวณ เป็นบ้านที่เข้าไปรับทำความสะอาด ย่านถนนหทัยราษฎร์เขตมีนบุรี ซึ่งเป็นจุดที่ สาวทอมได้ทำร้ายทุบตี น้องบาส จนสลบแน่นิ่ง จุดที่ 2 บริเวณ บ้านพัก ของนายเรวัต ซึ่งเป็นจุดที่วางแผนปรึกษาเรื่องการนำเด็กมาทิ้ง และจุดที่ 3 บริเวณคลองชวดพร้าว ถนนรัตนโกสินทร์ 200 ปี อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นจุดที่นำเด็กมาทิ้งลงในคลอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากเด็กมีผลติดเชื้อโควิด-19 ตำรวจจึงนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กทั้งหมด ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 กระทั่งพบว่าแม่ของเด็ก ติดเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงต้องปิดสถานีตำรวจ สภ.บางบ่อ ชั่วคราว ประมาณ 1 ชม. เพื่อทำการฉีดพ่นฆ่าเชื้อโควิด-19
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ สภ.บางบ่อ เเละได้พบกับ นางนิตยา เสถียรเพียร อายุ 52 ป้าของน้องบาส ที่กำลังยืนต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องของการควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนรับสารภาพโดยไม่เเจ้ง ทั้งนี้ทีมข่าวได้พบกับ นางสาวสุทธิดา ธัมกิตติคุณ อายุ 23 ปี ลูกพี่ลูกน้องของนางนิดา เเม่ของน้องบาสด้วย
นางนิตยา เปิดเผยว่า ตอนเเรกตนยังไม่คิดว่าเด็กที่ตายคือหลานชายของตน เพราะตอนนั้นนางนิดา มาเเจ้งเพียงว่าหลานหายตัวไปในวันที่ 9 พ.ย.64 หลังจากไปฝากเลี้ยงกับเพื่อน จนมาทราบเรื่องอีกครั้งตอนออกข่าวอมรินทร์ ทีวี ทั้งนี้ ตนคือคนที่ทักไปคุยกับคนรับเลี้ยงเด็กในวันที่น้องบาสหายตัวไป ตอนเเรกตนก็ไม่รู้ว่าเขาร่วมกับแฟนลงมือมือก่อเหตุ
กระทั่งวันที่ 8 พ.ย.64 นางสาวนริสรา นัดคืนน้องบาส เเต่กลับไม่สามารถติดต่อนางนิดาได้ จึงพาน้องบาสกลับไปอยู่ด้วย เเละพาน้องไปดูลิงที่เเสมดำ สักพักนางสาวนริสราหันไปคุยโทรศัพท์ น้องบาสก็หายตัวไป อ้างว่ามีการดูภาพจากกล้องวงจรปิด เเต่ก็หาไม่เจอ จนถึงเวลา 01.00 น. ตกลงกันว่าจะกลับบ้านค่อยมาหาอีกครั้งในวันที่ 9 พ.ย.64 จนตนต้องมาตามสืบจากตำรวจอีกครั้งหนึ่ง จึงรู้ว่าเด็กที่จมน้ำตายที่บางบ่อคือหลานตัวเอง
ทั้งนี้ ตนคาดว่าในวันทำแผนจะได้พูดคุยกับผู้ต้องหา เนื่องจากตำรวจเเจ้งไว้ว่าหากมีการทำแผนจะเเจ้งให้ทราบ จนเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ตนมาถึงสภ.บางบ่อ เเละจะขอดูหน้าผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เเละจะถามว่าทำหลานของตนทำไม ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเเจ้งตนว่า ได้มีการควบคุมตัวไปทำแผนเเล้ว เเละบอกกับตนว่า ทำไมไม่มาให้เช้า ๆ จนตนเกิดความไม่พอใจอย่างยิ่ง ตอนนี้ตนเสียใจมากพออยู่เเล้ว ตั้งเเต่วันที่รู้ว่าหลานเสียชีวิต
"อยากฝากถึงผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย อยากให้ตกนรก ประหารได้ยิ่งดี เพราะมาทำกับเด็กตัวเล็กเเค่นี้ได้อย่างไร น้องยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ติดคุกได้นานเท่าไรยิ่งดี เพราะการกระทำมันไม่ใช่มนุษย์ ถ้าโกรธเเม่มันทำไมไม่ไปทำแม่ เเต่มาเด็กที่ไม่รู้เดียงสา เพิ่งจะ 3 ขวบ เพิ่งลืมตาดูโลกเอง ทั้ง ๆ ที่บอกว่ารักน้องบาสเหมือนลูกเหมือนหลาน เเต่ผลออกมากลายเป็นร่วมมือก่อเหตุ บอกเลยว่าหากจะมาขออโหสิกรรม จะไม่มีทางยกโทษให้ เเละจะขอจองเวรตลอดชีวิตจนตาย" ป้าของน้องบาส กล่าว
ทีมข่าวโทรศัพท์สอบถามกับ นางใจ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านตรงข้ามหลังเกิดเหตุ เปิดเผยว่า ในวันที่ 8 พ.ย.64 เวลาประมาณ 18.00 น. ตนเพิ่งกลับมาจากทำงาน เเละยืนอยู่ในรั้วบ้านพอดี จึงได้เห็นว่าบ้านตรงข้ามที่เปิดกระจกออกจนสุด เห็นบริเวณหน้าห้องน้ำ เเล้วก็ได้ยินเสียงทอมกำลังดุด่าโวยวาย ตอนแรกตนเข้าใจว่ากำลังดุสุนัข เพราะว่าไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายคนนี้มาที่บ้าน หลังจากผ่านไป 5 นาที ทอมก็ยังคงพูดไม่หยุด ใช้ถ้อยคำหยาบคาย จากนั้นก็เห็นเด็กชายเดินออกมาจากห้องน้ำ สภาพสะลึมสะลือ จากนั้นทอมก็ตบเด็กจนคว่ำ เเต่น้องไม่ร้อง และดึงเด็กขี้นมาตบอีกครั้ง เเล้วก็กระทืบ ตนไม่รู้ว่ากี่ครั้ง เเต่จังหวะที่กำลังจะทำร้ายเด็ก เหมือนทอมหันมาเห็นตนจึงเลื่อนปิดประตู หน้าบ้าน
จากนั้นตนก็พยายามติดต่อคนในหมู่บ้านให้มาช่วย เเต่ก็ไม่ทันเพราะคู่ทอมดี้ได้เตรียมตัวออกจากบ้าน ปิดไฟ ปิดบ้าน ก่อนจะหอบหิ้วเด็กในสภาพเเขนห้อยออกไปจากบ้าน เวลาที่ออกไปไม่เกิน 19.00 น. มีการพาเด็กนั่งมอเตอร์ไซค์ตรงกลาง ก่อนจะพากันขี่ออกจากหมู่บ้าน ตอนเเรกตนเข้าใจว่าเป็นลูกติดของผู้หญิงเเต่ทอมไม่พอใจ จนเช้าวันต่อมาตนก็ไม่เห็นว่าจะมีคนบ้านหลังตรงข้ามจะกลับมา ตนก็ยังไปฝาก รปภ.หน้าหมู่บ้านอยู่เลยว่า "ให้ช่วยดูเด็กบ้านนี้หน่อย"
ทีมข่าวสอบถามกับนายเอส (นามสมมติ) อายุ 20 ปี รปภ.ของหมู่บ้าน เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุคู่รักทอมดี้ไม่อยู่บ้าน คาดว่าน่าจะพากันไปโรงพยาบาล จนช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. มีรปภ.ของหมู่บ้าน เห็นเด็กชายอายุ 3 ขวบ เดินออกมาจากบ้าน ผลักมุ้งลวดออก เเละเดินตามหาแม่ จนออกมานอกหมู่บ้าน รปภ.คนที่เจอจึงได้ถ่ายภาพเด็ก ก่อนจะส่งเข้าไลน์กลุ่มลูกบ้านถามหาว่า ลูกใครให้มารับ กลัวรถชน ก่อนจะมีการพาเด็กไปส่งที่บ้าน
จากนั้นประมาณ 10 นาที ตนวกกลับไปดูเด็กอีกครั้ง ก็พบว่าเด็กออกมายืนอยู่หน้าบ้าน ตนเลยตัดสินใจพาเด็กมาเลี้ยงไว้ที่ป้อมยาม กลัวหากว่าปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียว เด็กจะเล่นไฟ จากนั้นก็ได้ให้นิติฯ โพสต์ลงไลน์กลุ่มหมู่บ้านอีกครั้ง เจ้าของบ้านก็บอกว่าออกมาข้างนอก ตอนเย็นจะเข้าไปรับ จากนั้นตนก็คอยดูแลน้อง ซึ่งลักษณะท่าทางน้องทุกอย่างปกติ ไม่มีอาการซึมใด ๆ มีเพียงเเต่น้องบอกว่า “หิว ๆ” ตนเลยเอาขนมสายไหมให้เด็กกิน
กระทั่งช่วงเย็น คู่รักทอมดี้กลับมา พร้อมกับบอกตนว่า เเม่ของเด็กมาฝากไว้ เเล้วก็ไปทำธุระข้างนอก จากนั้นเเม่เด็กก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ทำให้คู่รักทอมดี้ต้องเลี้ยงเด็ก ตอนที่ทราบข่าวว่าน้องเสียชีวิต ตนยอมรับว่าตกใจมาก ๆ
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามกับทาง พ.ต.อ.กฤษณัฐ วงษ์กล้าหาญ ผกก.บางบ่อ เปิดเผยข้อมูลว่า ผลตรวจโควิด-19 ของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย แบบ Rt-PCR ออกเเล้ว ผลคือไม่พบเชื้อ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้เเจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะทั้ง 3 คนมีการหารือกันมาก่อนก่อเหตุ เเละผลของการชันสูตรพบว่าน้องบาส เสียชีวิตจากการจมน้ำ โดยในพรุ่งนี้ (15 พ.ย.64) เจ้าหน้าที่จะคุมตัวตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ไปฝากขังศาลจังหวัดสมุทรปราการ เเละเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานอื่น ๆ เพิ่มเติมต่อไป