วันที่ 23 พ.ย. 61 ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งเหตุคนร้ายปาหินใส่กระจกรถเก๋งแตกร้าวเสียหาย โดยรถคันดังกล่าวจอดอยู่ที่ข้างกำแพง บริเวณห้องเช่าแห่งหนึ่ง ภายใน ซ.สถาพร ม.7 ชุมชนอุดมสถาพร ต.บ้านเลื่อม อ.เมืองจ.อุดรธานี หลังรับแจ้ง ร.ต.ท.หญิง กาญจนา พลแก้ว รองสว.สอบสวน จึงออกไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่าชั้นเดียว พบ น.ส.ขนิษฐา โพธิ์ศรี อายุ 22 ปี เจ้าของรถ และเพื่อนชายหญิง 4 คน จากตรวจสอบพบ กระจกหน้ารถด้านซ้ายแตกร้าว และพบก้อนหินขนาดเท่าลูกส้มโอ ตกอยู่บนถนนที่ข้างกำแพง
น.ส.ขนิษฐา เจ้าของรถ ให้การว่า ตนทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในเมืองอุดรธานี วันนี้ตนขับรถมาหาเพื่อนและกินข้าวเที่ยงที่ห้องพัก โดยจอดรถไว้ข้างกำแพงหอพัก ต่อมา เมื่อจะกลับบ้าน กลับพบว่ากระจกหน้ารถหินปาใส่จนแตกร้าว ทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีอะไรผิดปกติ และตนก็ไม่ได้ยินเสียอะไรเลย โดยตนเพิ่งมาที่หอพักของเพื่อนคนนี้เป็นครั้งแรก และไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน และตอนเลิกกับสามีก็จากกันด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร
ตนเชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด อาจเกิดจากความซวยหรือดวงไม่ดี เนื่องจาก เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา (22 พ.ย.) ตนและกลุ่มเพื่อนพูดหยอกล้อกันเสียงดัง ขณะนั่งกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งริมฟุตปาธ ข้างเรือนจำกลางอุดรธานี ถ.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งร้านอาหารดังกล่าว ตั้งอยู่หน้าศาลศรีอุดรของเจ้าปู่คำ-ย่านาง และก่อนที่ตนและเพื่อนจะกลับที่พัก ตนเข้าไปปัสสาวะด้านข้างศาลโดยไม่ได้บอกกล่าวท่าน ซึ่งทันทีที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้หญิง 3 ครั้ง ต่อด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนจากด้านหลังศาล แต่เมื่อเดินไปดูกลับก็ไม่พบคนหรือสิ่งผิดปกติ
นอกจากนี้
น.ส.ขนิษฐา กล่าวอีกว่า ไม่ได้มีเพียงตนที่ได้ยินเสียงดังกล่าว เพราะเพื่อนทุกคนก็ได้ยินเสียงนั้น ตนยอมรับว่า รู้สึกกลัวมาก และไม่เคยกลัวอะไรอย่างนี้มาก่อน หลังเกิดเหตุ ทำให้ตนและเพื่อนทุกคน ขนลุกและร้องไห้ไปตามกัน และเมื่อตื่นเช้ามา พวกตนจึงพากันแต่งขันธ์ 5 และน้ำแดง 4 ขวด เพื่อขอขมาลาโทษต่อเจ้าปู่คำ - ย่านางที่ศาล พร้อมกับซื้ออาหารเที่ยงมากินกันภายในห้องพักของเพื่อน ก่อนจะเกิดเหตุรถของตนถูกปาหินใส่ ซึ่งสาเหตุนั้น ตนเชื่อว่าเป็นการเตือนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า อย่าลบหลู่ท่านอีก แต่ทั้งนี้ ตนก็เชื่อว่า เมื่อคราวซวยผ่านแล้ว อาจจะมีความโชคดีตามมาก็เป็นไปได้
ด้าน
ร.ต.ท.หญิงกาญจนา พลแก้ว รองสว.สอบสวน เปิดเผยว่า จาการตรวจจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้น สันนิฐานว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ อาจจะไม่พอใจหนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายที่ไปเที่ยวในสถานบันเทิงกัน 6 คน และอาจจะมีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน แต่ผู้เสียหายยืนยันว่า ไม่เคยมีเรื่องกับใคร แม้แต่สามีก็แยกทางกันไปด้วยดี
ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะเชิญตัวกลุ่มผู้เสียหายมาสอบสวนให้ละเอียดอีกครั้ง พร้อมกับประสานชุดสืบสวนให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามบ้านเรือนที่ใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเรื่องสิ่งลี้ลับและเสียงร้องโหยหวนน่ากลัวที่กลุ่มผู้เสียหายได้เจอมาเมื่อคืนนี้นั้น เป็นเรื่องของความเชื่อของแต่ละบุคคล
ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบสถานที่ตั้งศาลดังกล่าว พบว่า มีศาลอยู่จริงตามที่กลู่มผู้เสียหายกล่าวอ้าง โดยศาลศรีอุดร ปู่คำ-ย่านาง ตั้งอยู่บริเวณบ้านพักของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางอุดรธานี ซึ่งจากประวัติ ทราบว่า ศาลแห่งนี้เป็นศาลเพียงตาที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่ และอยู่คู่เมืองอุดรธานีมาถึง 88 ปี ตั้งแต่ก่อตั้งสร้างเรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานีปี พ.ศ.2473 และเป็นที่เคารพสักการะของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดอุดรธานีมาถึงปัจจุบัน