ผู้ช่วยช็อกพลั้งมือฆ่าลูก ลั่นไกยิงตัวหนีผิด เผยที่แท้เล็งเมียเซ่นแค้นคนครหาไม่ใส่แมสก์

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เมื่อเวลา 00.30 น. ร.ต.ท.สุรเชษฐ โชติเรืองนภา รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุ นายเชาวรินทร์ จรจรัส หรือ บูม อายุ 31 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ใช้อาวุธปืนยิงนางวรรณวิภา จรจรัส หรือ น้ำ อายุ 27 ปี ภรรยา แต่พลาดกระสุนปืนถูกเด็กหญิงณิชาภัทร์ หรือ ณิชา อายุ 2 ขวบ เสียชีวิต จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ใช้ปืนยิงตัวเองเข้าที่ศีรษะ อาการบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเหตุขึ้นที่บ้านใน หมู่ 4 ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ภายในห้องนอนชั้น 2 ในมุ้งพบศพเด็กหญิงณิชา สภาพศพนอนหงายอยู่บนที่นอน มีร่องรอยกระสุนปืนเข้าที่บริเวณเบ้าตาข้างขวา กระสุนทะลุออกศีรษะด้านหลังท้ายทอย เลือดกระจายเต็มที่นอน หมอนและมุ้ง นอกจากนี้ พบปลอกกระสุนปืน 3 ปลอก หัวกระสุนปืน 1 นัด ตกอยู่ในห้องนอน ส่วนบนโต๊ะเครื่องแป้งข้างที่นอนพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก มีกระสุนปืน 6 นัด บรรจุอยู่ในแม็กกาซีน

นายเชาวรินทร์ ผู้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยใต้เต็กตึ๊ง ได้เร่งส่งตัวไปโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งทำการ CPR ตลอดการเดินทาง ล่าสุดช่วงเย็นที่ผ่านมา นายเชาวรินทร์ จรจรัส หรือ บูม อายุ 31 ปี เสียชีวิตลงอย่างสงบแล้ว

จากการสอบสอบเบื้องต้น ทราบว่าครอบครัวของผู้ก่อเหตุ เดินทางจากบ้านที่ ต.นาแว อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเยี่ยมญาติ ก่อนจะตั้งวงสังสรรค์ดื่มแอลกอฮอล์ ฉลองวันเกิดให้กับนางวรรณวิภา ในคืนวันที่ 16 พฤศจิกายน ตั้งแต่เวลา 20.00 น. กระทั่งเด็กหญิงณิชาถามหาโทรศัพท์ เพื่อนำมาเล่นก่อนจะเข้านอน แต่นายเชาวรินทร์หาไม่พบ นางวรรณวิภา จึงต่อว่านายเชาวรินทร์ว่า "มัวแต่ดื่มกินสังสรรค์ ไม่สนใจลูกสาว" จึงเกิดมีปากเสียงกัน

ต่อมานางวรรณวิภาพาเด็กหญิงณิชาขึ้นไปบนห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน ระหว่างนั้นเพื่อนของนางวรรณวิภาที่ร่วมดื่มสังสรรค์สังเกตเห็นนายเชาวรินทร์เดินไปที่รถ แล้วหยิบอาวุธปืนออกมาเหน็บเอว นางวรรณวิภาพูดว่า "เอาปืนไปเก็บไว้ที่หัวเตียงก่อนก็ได้" แต่นายเชาวรินทร์ใช้อาวุธปืนยิงหลายนัด ช่วงเวลาประมาณ 00.13 น. ที่ผ่านมา พบว่ากระสุนโดนลูกสาวเสียชีวิต ก่อนที่นายเชาวรินทร์จะใช้ปืนยิงตัวเอง

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พบขวดสุรา ถูกเปิดดื่มไปแล้ว และขวดโซดา 2 ขวด ยังไม่ถูกเปิด มีอีกขวดถูกเปิดแล้ว ตั้งอยู่บนแคร่บริเวณหน้าบ้าน นอกจากนี้ พบขวดเบียร์อีกจำนวน 3 ขวด ขวดโซดาอีก 10 ขวด ยังไม่ได้เปิดวางอยู่ข้างแคร่ ทางครอบครัวได้นำชุดของเด็กหญิงณิชามาวางบนโต๊ะบริเวณหน้าบ้าน พร้อมนำขวดนมใส่นมมาตั้ง และจุดธูป เพื่อขอให้เด็กหญิงณิชาภัทร์ไปสบาย

นางวิมล เนติชัย อายุ 77 ปี ยายของนางวรรณวิภา เล่าว่า เมื่อคืนวานนี้ นายเชาวรินทร์ได้พานางวรรณวิภากับเด็กหญิงณิชามาที่บ้านของตน พร้อมนัดกับเพื่อนผู้ชาย 1 คน และเพื่อนผู้หญิง 1 คนมาที่บ้าน สังสรรค์ฉลองวันเกิดให้กับนางสาววรรณวิภา โดยหลังจากที่ทุกคนนั่งสังสรรค์กันไปได้พักใหญ่ ตนก็ได้ขึ้นชั้น 2 ไปนอน จากนั้นนายเชาวรินทร์กับนางวรรณวิภาก็ได้ทะเลากันบริเวณข้างแคร่ที่นั่งอยู่หน้าบ้าน เนื่องจากเด็กหญิงณิชาอยากเล่นโทรศัพท์มือถือก่อนเข้านอน เมื่อเคลียร์กันเรียบร้อย นางวรรณวิภาก็ได้พาลูกสาวขึ้นมานอนบนห้องนอนชั้น 2 ก่อนที่นายเชาวรินทร์จะเดินไปหยิบกระเป๋าเอกสาร มีปืนเก็บไว้ภายใน หยิบปืนออกมาแล้วตามนางวรรณวิภาขึ้นมาที่ชั้น 2 แล้วใช้ปืนยิง 3 นัด ตนก็สะดุ้งตกใจตื่นด้วยเสียงปืน

ปกติแล้วนายเชาวรินทร์กับนางวรรณวิภาจะอาศัยอยู่ที่อำเภอฉวาง ตนจึงไม่ทราบว่าทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยแค่ไหน และไม่ทราบว่านายเชาวรินทร์เป็นคนใจร้อนหรือไม่ แต่ตนคาดว่าที่นายเชาวรินทร์ทำไปน่าจะเกิดจากความมึนเมา ประกอบกับมีปืนไว้ในครอบครอง เพราะเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตนไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ไม่เคยมีลางมาก่อน

โดยทั้งคู่เพิ่งแต่งงานได้ประมาณ 3 ปี จัดงานแต่งที่บ้านของตน ตนรู้สึกสงสารเหลน คาดว่างานศพของเด็กหญิงณิชาภัทร์น่าจะจัดขึ้นที่อำเภอฉวาง จะรับศพในวันพรุ่งนี้ ตามความเชื่อของชาวใต้ว่าจะไม่รับศพมารดน้ำศพในวันพุธ ส่วนหากนายเชารินทร์ไม่รอดชีวิต ตนคาดว่าทางครอบครัวก็คงจะจัดงานศพที่อำเภอฉวางไปพร้อมกัน

นอกจากนี้ นางวิมลได้พาทีมข่าวอมรินทร์ขึ้นไปดูห้องนอนที่เกิดเหตุ ขณะนี้ทางครอบครัวได้นำฟูกเปื้อนเลือดไปเผาทิ้งแล้ว อีกทั้งยังเช็ดทำความสะอาดพื้นห้องนอนแล้ว โดยทีมข่าวยังคงสังเกตเห็นรอยกระสุนบริเวณประตูและตู้ข้างเตียง ซึ่งยังคงมีรอยเลือดเปื้อนติดอยู่เล็กน้อย

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางมายังโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ช่วงเวลา 13.30 น. นางวรรณวิภา เดินทางมาเซ็นเอกสารที่นิติเวช ทีมข่าวได้เข้าไปสอบถามพูดคุยกับนางวรรณวิภา แต่เจ้าตัวยังคงอยู่ในอาการโศกเศร้า บอกเพียงว่า "ไม่รู้เรื่องอะไรเลย" พร้อมยืนยันว่านายเชาวรินทร์ชอบพกปืนติดตัวอยู่ตลอดเวลา จากนั้น เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้ขอพาตัวนางวรรณวิภากลับไปนั่งสงบสติอารมณ์ เนื่องจากนางวรรณวิภายังทำใจไม่ได้

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางมายังบ้านฝ่ายท่านาแว หมู่ 11 ต.นาแว อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช บ้านของนายเชาวรินทร์ จรจรัส หรือ บูม อายุ 31 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้ก่อเหตุ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายจิรพงศ์ สุทธิ อายุ 42 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.นาแว บอกว่า ปกติแล้วผู้ก่อเหตุ รับตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนใจเย็น ร่าเริง เป็นที่รักใคร่ของคนในหมู่บ้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหตุไม่คาดฝัน

โดยปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นของผู้ก่อเหตุเอง ซื้อมาอย่างถูกต้องได้ประมาณ 5 ปีแล้ว เนื่องจากผู้ก่อเหตุต้องดูสวนยางและสวนทุเรียน จึงมีปืนไว้เพื่อป้องกันอันตราย ทั้งนี้ ตนไม่เคยพบเห็นผู้ก่อเหตุมีความเครียด อีกทั้งผู้ก่อเหตุก็รักภรรยาและครอบครัว อาศัยอยู่กับภรรยาและลูก รวม 3 คน ตนสงสารลูกของผู้ก่อเหตุที่ต้องมาเสียชีวิต เสียดายที่ผู้ก่อเหตุตัดสินใจก่อเหตุแบบนี้

นางปทุม จรจรัส อายุ 54 ปี แม่ของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ เวลา 14.00 น. ลูกชายกับลูกสะใภ้บอกตนว่าไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อ เพราะจะเดินทางไปอำเภอเมือง เพื่อฉลองวันเกิดของลูกสะใภ้ จากนั้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 02.11 น. ตนก็ได้รับแจ้งว่าลูกชายก่อเหตุสลดขึ้น ตนไม่รู้ว่าทำไมลูกชายถึงตัดสินใจก่อเหตุ แต่ลูกชายมีความเครียดสะสมเกี่ยวกับธุรกิจครอบครัว ได้แก่ การดูแลสวนยางและสวนทุเรียน อีกทั้งก่อนเกิดเหตุไม่นาน ลูกชายก็ได้ซื้อวัวมาเลี้ยงเพาะและใช้งาน จำนวน 8 ตัว ราคา 500,000 บาท

นอกจากนี้ ลูกชายยังต้องดูแลความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน จึงทำให้อาจจะมีความเครียดสะสมอยู่บ้าง อีกทั้งยังเป็นคนขยันทำงาน ไม่เคยบ่นเหนื่อย หรือระบายอะไรให้ตนฟัง

โดยปกติลูกชายกับลูกสะใภ้ไม่ค่อยทะเลาะกัน แต่อาจจะมีเรื่องน้อยใจกันบ้าง โดยเหตุการณ์ล่าสุดเกิดเมื่อปลายเดือนตุลาคม ขณะนั้นลูกสะใภ้ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัย ขี่รถจักรยานยนต์นำอาหารปิ่นโตและยามาให้ตนกับลูกชายตนที่บ้านของตน ตั้งอยู่ห่างกันประมาณ 300 เมตร ลูกสะใภ้ได้ขี่รถสวนกับผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งขับพาตัวเองไปโรงพยาบาล เมื่อลูกสะใภ้รู้ ลูกสะใภ้จึงต่อว่าฝ่ายผู้ป่วยว่าทำไมไม่เรียกให้รถของโรงพยาบาลมารับ ทำไมถึงขี่รถจักรยานยนต์ไปเอง จนเรื่องราวบานปลาย เนื่องจากลูกสะใภ้ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย ทำให้ลูกชายถูกต่อว่าไปด้วย จนมีการโพสต์เฟซบุ๊กระบายความในใจ

ทั้งนี้ ปกติลูกชายพกปืนติดตัวอยู่ตลอด ตนเคยคิดว่าคนมีปืนติดตัว สักวันอาจจะวู่วามก่อเหตุร้ายขึ้นได้ ขณะนี้ตนไม่รู้ว่าลูกชายอาการเป็นอย่างไรบ้าง แต่ตนทำใจ 50/50 ว่าอาจจะรอดหรือไม่รอด เพราะแพทย์บอกเตรียมให้ทำใจ ตนอยากบอกลูกชายว่า "ลูกคงเก็บกด จะไปก็ขอให้ไปดี อย่าทำแบบนี้เลย อย่าจองเวรจองกรรมกับลูกสาว" ส่วนหลานสาวตนอยากบอกว่า "ณิชาไปดีนะ ไปสู่สุคติ"

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้แจ้งข้อหา 2 ข้อหาแก่ผู้ก่อเหตุ ได้แก่ ฆ่าผู้อื่น และพยายามฆ่า แต่หากผู้ก่อเหตุเสียชีวิต สำนวนจะถูกเปลี่ยนเป็นสั่งไม่ฟ้อง