จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Bo Zii ได้โพสต์เหตุการณ์ที่เพื่อนสาวไม่ได้สติลักษณะคล้ายถูกมอมยาเสียสาว จนเกือบเอาตัวไม่รอด โดยระบุ “จะหยอดยากันทำเ-ี้ยอะไร สงสารผญไหม ถ้ามันไม่โทรหากุคนแรกจะเกิดอะไรขึ้น ร้องร้อน จะแก้ผ้า อ้วก กอดขาไม่ได้สติไม่รู้ด้วยว่าอยู่ไหน” (อ่าน :
ช็อกกลางรายการ! เหยื่อยาเสียสาวและเพื่อนแฉ มีพริตตี้ถูกลวงขืนใจ จากหนุ่มไฮโซ อึ้ง กินปั๊บครางเร่าร้อน หวั่นแจ้งตร.ถูกสังคมด่าสมยอม)
วันที่ 23 พ.ย. 61
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อนำเสนอข่าวเรื่องยาเสียสาวว่า ตนต้องการให้ผู้เสียหายที่ถูกกระทำในลักษณะดังกล่าว เดินทางมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรม และสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมา บก.ปคบ. ได้ออกตรวจสอบ และจับกุมร้านค้าหรือผู้ที่ลักลอบจำหน่ายขายยาปลุกเซ็กซ์ หรือยาเสียสาวมาโดยตลอด
สำหรับข้อหาความผิดของผู้จูงใจ ชักนำ ยุยงส่งเสริม ใช้อุบายหลอกลวงหรือขู่เข็ญให้ผู้อื่นเสพ มีโทษจำคุก 2-10 ปี ปรับ 40,000 - 200,000 บาท หากกระทำต่อหญิงหรือต่อบุคคลซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ โทษจำคุก 3 ปี ถึงตลอดชีวิต ปรับ 60,000 - 500,000 บาท
จากรายงานข่าวทราบว่า ชายหนุ่มที่มักจะว่าจ้างหญิงสาวพริตตี้จากกลุ่มงานเอ็นเตอร์เทน ชื่อนายบอส (นามสมมติ) พักอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านรัชโยธิน ซึ่งจากการสอบถามแม่บ้าน และพนักงานต้อนรับของคอนโดดังกล่าวให้ข้อมูลว่า ไม่รู้จักนายบอส และไม่เคยทราบมาก่อนว่าอาคารแห่งนี้ มีการก่อเหตุลักษณะดังกล่าว จึงไม่สามารถทราบได้ว่าเกิดเหตุห้องใด
ทั้งนี้ กลุ่มหญิงสาวที่ประกอบอาชีพพริตตี้ เอ็มซี และนักแสดง เมื่อทราบข่าวเรื่องยาเสียสาว ต่างก็มีความเป็นห่วงสาวพริตตี้ที่รับงานนอก รวมถึงหญิงสาวที่ออกไปเที่ยวสถานบันเทิง
โดย
นางสาวนภัสนันท์ เบญจมาศ หรือ ลิตา อายุ 24 ปี เปิดเผยว่า ตนเองเคยได้ยินเรื่องยาดังกล่าวมาสักพักใหญ่แล้ว ทราบว่าส่วนใหญ่มักเจอในสถานบันเทิง โดยวิธีการหยอดหรือมอม แต่ยอมรับว่ายังไม่เคยเจอกับตัวเองหรือคนใกล้ตัว ซึ่งคำว่า “ยาเสียสาว” ยอมรับไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่คำว่า "ยาหยอด" นั้นเคยได้ยินมาบ้าง
พร้อมฝากถึงหญิงสาวที่ออกไปเที่ยวว่า ให้ดูแลแก้วในมือของตัวเอง เพราะถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งหากเราจำเป็นต้องทิ้งแก้วเอาไว้ ก็ไม่ควรดื่มต่อ ควรเปลี่ยนแก้วใหม่ เพื่อความปลอดภัย หรือง่ายสุดก็คือการเทแก้วเดิมทิ้ง แล้วชงเครื่องดื่มใส่ใหม่
ทั้งนี้
นางสาวนภัสนันท์ เปิดเผยว่า พริตตี้มีหลายประเภท แต่ตนเองไม่ใช่กลุ่มที่อยู่ในเป้าหมาย เพราะไม่เคยรับงานเอ็นเตอร์เทน แต่อยากจะฝากเตือนกลุ่มที่ทำงานเอ็นเตอร์เทนว่า อยากให้ระวังตัวเอง เพราะการระวังตัวเองเป็นพื้นฐานของหญิงสาวอยู่แล้ว ดังนั้นทำไรอะไร อาชีพอะไรต้องระวัง เพราะถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวอีกหนึ่งเรื่อง เนื่องจากสังคมสมัยนี้อันตรายมาก
ด้าน
เภสัชกรพงษ์ศักดิ์ สง่าศรี ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ อธิบายว่า รูปขวดยาที่มีการแชร์ในโลกออนไลน์ว่าเป็นยาเสียสาวนั้น หากพิจารณาตามรูป สันนิฐานว่าเป็น ทิงเจอร์ขาว ลักษณะเป็นเกล็ดหรือเป็นผลึก ซึ่งแล้วแต่การนำไปใช้แบบใด แต่ลักษณะของทิงเจอร์ขาว นั้นจะเป็นเกล็ดใส ไม่มีสี ไม่มีรส ไม่มีกลิ่น ละลายในน้ำ และใช้ในเชิงปศุสัตว์ เนื่องจากเป็นยาที่ใช้ในสัตว์ไม่ใช่มนุษย์ และเป็นยาผิดกฎหมาย ไม่มีการผลิตหรือนำเข้า และไม่มีการใช้ในประเทศไทยอยู่แล้ว ส่วนใหญ่แล้วการนำไปใช้นั้น มีผู้ลักลอบขนเข้ามาในประเทศ
เภสัชกรพงษ์ศักดิ์ บอกว่า ยาประเภทนี้ออกฤทธิ์เร็วเมื่อผสมกับน้ำ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และจะไม่มีรส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น จึงต้องใช้ในการสังเกต หากพบว่าเจอบุคคลที่มีอาการดังกล่าว แนะนำว่า เบื้องต้นให้ดื่มน้ำมาก ๆ เพราะยาจำพวกนี้สามารถขับออกทางปัสสาวะ หรือเอาน้ำชโลมตัวให้สร่างก็ช่วยได้ แต่หากได้รับในปริมาณมาก ให้นำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลให้ไวที่สุด เพราะยาอาจส่งผลให้ระบบการหายใจ และหลอดเลือด ล้มเหลวและตายได้