เฒ่ามากรักยิงน.ศ.สาวคารถ 3 นัด พ่อสุดแค้นถีบยอดอกหน้าถลา (คลิป)

จากกรณีวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.30 น. เกิดเหตุเสี่ยรุ่นใหญ่วัย 64 ปี ทราบชื่อนายกิตติภูมิ ศิริวัฒน์ ใช้ปืนดัดแปลงแบงค์ยิง สาววัย 21 ปี

ทราบชื่อนางสาวดนัยพร นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ด้วยกระสุน .380 ทั้งหมด 3 นัด โดนหน้าอกฝั่งซ้าย 2 นัด และบริเวณเอวด้านซ้าย 1 นัดทะลุด้านหลัง จนเสียชีวิตในลักษณะนอนหงาย คาดเบลท์ สวมเสื้อสีกรมแขนยาว กางเกงยีนส์ขายาว มีแมสก์อยู่ที่บริเวณคาง คาเบาะข้างคนขับในรถเก๋ง โตโยต้า รุ่น คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน ซึ่งเป็นรถของผู้ก่อเหตุ ที่ทั้งคู่ขับมาจอดอยู่ในพื้นที่บริเวณหน้าห้องน้ำของปั๊มบางจาก ถ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี จุดเกิดเหตุ

นายกิตติภูมิ ผู้ก่อเหตุยอมรับว่าสาเหตุที่ลงมือไปเพราะตนหึงหวง ระแวงว่าสาวจะคบซ้อนและมีคนอื่น จึงมีปากเสียงกันภายในรถระหว่างที่ขับมายังจุดเกิดเหตุ เพื่อจะเติมน้ำมัน แต่ด้วยความที่ตกลงกันไม่ได้ แล้วตนเองเกิดอารมณ์ชั่ววูบ พอจอดรถสนปั๊มจึงใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิง "นางสาวดนัยพร" รวม 3 นัด จนเสียชีวิต

วันที่ 19 พ.ย. 64 หลังเกิดเหตุทีมข่าวเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้ง 3 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต, พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

บรรยากาศที่ สภ.บางศรีเมือง วันนี้พ่อและแม่ของผู้ตายก็เดินทางจากบ้านย่านบางบัวทอง แม่ยังคงทำใจไม่ได้ และร้องไห้เสียงดังตลอดเวลา และทรุดกับพื้น ตะโกนว่า "ไม่จริง" ซ้ำ ๆ พร้อมกับปฏิเสธให้สัมภาษณ์ พ่อคนตายวันนี้ก็มีสีหน้าอมทุกข์ เศร้าหมองตลอดเวลา

ต่อมาระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะกุมตัวผู้ก่อเหตุเข้าไปยังห้องขัง ทีมข่าวก็พยามที่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ก่อเหตุบอกว่า "เสียใจครับ" วินาทีหลังจากนั้น พ่อผู้ตายที่นั่งอยู่ด้านหลังก็ลุกขึ้นแล้วกระโดดถีบผู้ก่อเหตุอย่างจัง จนกระเด็น ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ พาตัวผู้ต้องหาเข้าห้องขัง

นายสมยง บุญศรีแก้ว อายุ 48 ปี ช่างซ่อมรถภายในปั๊มน้ำมัน บอกว่า เวลาประมาณ 12.46. น.ขณะที่ตัวเองกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในร้าน ก็เห็นว่ารถที่เกิดเหตุขับถอยท้ายเข้ามาจอดที่หน้าร้านตน แล้วเวลาช่วง 12.47 น. ตามกล้องวงจรปิด นายกิตติภูมิ ผู้ก่อเหตุก็เปิดประตูรถออกมาจากฝั่งคนขับ แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร โดยใช้เวลาเข้าห้องน้ำประมาณ 2-3 นาที

เดินมาเปิดกระโปรงท้ายรถ เพื่อหยิบถุงกระดาษสีขาวที่มีปืนอยู่ออกมา แล้วก็เดินถือไปที่ประตูรถฝั่งข้างคนขับซึ่งมี นางสาวดนัยพร ผู้ตายนั่งอยู่ แล้วใช้มือเคาะกระจก 2-3 ครั้ง พร้อมบอกให้ผู้ตายเปิดประตู พอผู้ตายเปิดประตู นายกิตติภูมิ ก็ใช้ปืนที่อยู่ในถุงกระดาษจ่อยิงไปที่ผู้ตายรัว 3 ครั้งติดกันแบบเผาขึ้น ก่อนเกิดเหตุทั้งคู่ก็ไม่ได้ทะเลาะกัน ตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีผู้หญิงอยู่ในรถ พอเกิดเหตุตนก็ตกใจต้องวิ่งเข้าไปหลบอยู่ในร้าน

กระสุนโดนบริเวณหน้าอกฝั่งซ้าย 2 นัดตัดขั้วหัวใจ และโดนที่บริเวณเอวฝั่งซ้ายทะลุหลัง 1 นัดจนเสียชีวิตคาที่ จากนั้นนายกิตติภูมิ ก็ปิดประตูรถฝั่งคนตาย แล้วเดินถือปืนกลับไปนั่งที่เบาะคนขับ ก่อนจะปิดประตูรอมอบตัวอยู่ภายในรถกับศพกิ๊กสาวที่ตัวเองยิงจนตายไปแล้ว ซึ่งผ่านไปประมาณ 5-10 นาทีเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ ทั้งนี้ บอกว่าไม่รู้จัก ไม่คุ้นหน้า แต่กับผู้ชายเคยเห็นหน้าอยู่บ้าง เหมือนเขาจะเข้ามาเติมน้ำมันในปั๊มอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้รู้จักหรือพูดคุยกับเป็นการส่วนตัว

นางสุทิน แผนสมบูรณ์ อายุ 70 ปี รองประธานชุมชนตรอกสีคราม เล่าว่า นายกิตติภูมิ เคยอาศัยอยู่ที่หลังบ้านของตน ตนรู้จักครอบครัวของนายกิตติภูมิ เคยคุยกับแม่ หลังจากที่แม่ของนายกิตติภูมิเสียชีวิตลงก็ได้ย้ายออกไปที่อยู่ใหม่เป็นเวลา 10 ปี ตนไม่รู้ว่านายกิตติภูมิไปอยู่ที่ไหน และไม่ได้มีการติดต่อกับทางครอบครัว ส่วนนายกิตติภูมิ ยังคงเสียค่าที่ส่วนทรัพย์อยู่จนถึงปัจจุบัน แต่ตัวบ้านนั้นถูกรื้อถอน จนเป็นพื้นที่รกร้าง ตนรู้จักเพราะเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียง แต่ไม่ได้สนิทสนมกัน เวลาเจอหน้าก็จะทักทายด้วยการยิ้มตามประสาคนรู้จัก ตอนที่นายกิตติภูมิอยู่ที่นี้ เป็นหนุ่มโสด ไม่มีครอบครัว เป็นคนใจเย็น ซื่อ ๆ เงียบไม่ค่อยสุงสิงกับใคร

เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว พ.ศ.2559 นายกิตติภูมิสมัครสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์สีครามร่วมใจ เพื่อฝากเงิน เนื่องจากรู้ว่ามีโครงการจะสร้างบ้าน จากนั้น 2 ปีต่อมานายกิตติภูมิได้ลาออกจากการเป็นสมาชิก และเอาเงินนออมไป ซึ่งไม่มีใครรู้ที่อยู่ของนายกิตติภูมิ ตอนที่ตนรู้ข่าว ตนตกใจมาก อายุ 60 กว่าปีแล้วยังไปรักเด็กและก่อเหตุอีก สุดท้ายอยากกบอกนายกิตติภูมิว่าไม่น่าไปทำผู้หญิงเลย ทำอะไรไว้ก็รับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ