มีเงื่อนงำ! ไฮโซแบงค์ ไม่ได้ตายจากโรคมะเร็ง ครอบครัวไม่เชื่อฆ่าตัวตาย

23 พ.ย. 64

23 พ.ย. 64 กรณี ไฮโซแบงค์ กัลยรัตน์ เจ้าของคลินิกความงามชื่อดัง เสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็ง ด้วยวัย 51 ปี ไปเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 มีเพื่อนพ้องคนดังในวงการบันเทิงแสดงความอาลัยเป็นจำนวนมากนั้น

วานนี้ (22 พ.ย.) มีเอกสารเผยแพร่ในไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าว เรื่อง ขอเชิญสื่อมวลชนร่วมทำข่าวกรณีครอบครัวไฮโซดัง “แบงค์-กัลยรัตน์” เข้ายื่นจดหมาย เรียกร้อง “สน.ทองหล่อ” เร่งสรุปสำนวนการเสียชีวิตของไฮโซสาว หลังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นการ “ฆ่าตัวตาย” โดยเนื้อหาระบุว่า

"ตามที่ นางกัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย นักธุรกิจด้านธุรกิจความงามชื่อดัง (คุณแบงค์) ได้เสียชีวิตที่บ้านพัก ตั้งอยู่ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ดังที่ปรากฏเป็นข่าวดังตามหน้าสื่อทั่วประเทศ โดย ณ เวลานั้น ตำรวจได้สรุปสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นว่าเป็นการ “ฆ่าตัวตาย” ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต (บิดา มารดา และน้องสาว) ต่างข้องใจในสาเหตุการเสียชีวิตที่ตำรวจได้สรุปคดีเบื้องต้น แต่มิได้รับการติดต่อจากเจ้าพนักงานตำรวจผู้รับผิดชอบ เพื่อเข้าให้ปากคำหรือรับแจ้งความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด"

นอกจากนี้ ยังมีคนในวงการบันเทิงหลายคนโพสต์ภาพและข้อความ ตั้งข้อสงสัยในเรื่องการเสียชีวิตของ ไฮโซแบงค์ กัลยรัตน์ ในโซเชี่ยลมีเดียหลายคน

ด้าน นายไตรรัตน์ และ นางแกมกาญจน์ ณ พัทลุง (บิดา-มารดา ผู้เสียชีวิต) ได้ส่งจดหมายถึง พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา เพื่อติดตามความคืบหน้าของการสืบสวน รวมถึงขอรับทราบรายงานการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งจนถึงขณะนี้นางกัลยรัตน์ อัครเดชเดชาชัย ได้เสียชีวิตจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลาร่วม 80 วัน ก็ยังมิได้รับการแจ้งผลการชันสูตรพลิกศพ และสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบสำนวนคดี

ทั้งนี้ ครอบครัวนางกัลยรัตน์ โดยมีนายไตรรัตน์ ณ พัทลุง (บิดา) และนางสาวกิรัติมา ณ พัทลุง (น้องสาว) เตรียมเดินทางมาติดตามความคืบหน้าในข้อเรียกร้องให้ช่วยติดตามและเร่งรัดผลคดี โดยแจ้งสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของนางกัลยรัตน์ ให้ครอบครัวได้รับทราบ

เนื่องจากครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิต และประสงค์จะเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคดีต่อไป
ขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนมาร่วมเป็นสักขีพยาน ณ สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ (สน.ทองหล่อ) ในวันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน 2564 นี้เวลา 10.00-11.00 น.

ต่อมาวันนี้ ที่สน.ทองหล่อ นายไตรรัตน์ ณ พัทลุง พร้อม น.ส.กิรัติมา ณ พัทลุง บิดาและน้องสาว นางกัลยารัตน์ หรือ ‘ไฮโซแบงค์’ เข้าพบ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณ​จรัส ผกก.สน.ทองหล่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี และผลการชันสูตร​อย่างละเอียดของแพทย์ โดย น.ส.กิรัติมา กล่าวก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า ที่ต้องเดินทางมา เพราะเหตุเกิดผ่านมานานกว่า 80 วันแล้ว แต่พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ไม่มีแจ้งความคืบหน้าในการดำเนินคดีใดๆกับทางครอบครัว ทั้งยังไม่เคยมีเรียกสอบครอบครัวของผู้ตาย มีเพียงการเรียกสอบสามีและแม่บ้าน ที่อยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุเท่านั้น ส่วนพ่อแม่และน้องสาวไม่เคยถูกเรียกสอบแต่อย่างใด สำหรับสาเหตุการตายนั้น ทางครอบครัวไม่เชื่อว่าพี่สาวจะก่อเหตุฆ่าตัวตาย เพราะพี่สาวเป็นนักสู้ เป็นคนเข้มแข็ง มองโลกในแง่บวก ธุรกิจที่ทำอยู่ก็ไม่มีปัญหา หนี้สินก็ไม่มี ถึงแม้ว่าพี่สาวจะมีอาการป่วยหนักที่ต้องรักษาตัว แต่ก็อยู่ในขั้นตอนการรักษาด้วยเคมีบำบัด (คีโม) ใกล้ครบขั้นตอนการรักษาแล้ว ซึ่งตัวพี่สาวเองก็ไม่ได้มีสัญญาณบ่งชี้ใดๆว่าจะมีการก่อเหตุฆ่าตัวตาย 

น.ส.กิรัติมา กล่าวต่อว่า ครอบครัวมีประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับเวลาการตายที่ระบุในเอกสารใบมรณบัตร ที่มีลงเวลาไว้ 20.45 น. ทั้งๆที่ทางครอบครัวทราบเรื่องจากทางบ้านพี่สาวว่ามีพบศพพี่สาวเสียชีวิตในห้องน้ำประมาณ 19.30 น. จึงเกิดข้อสงสัยเกี่ยวช่วงเวลาที่คลาดเคลื่อน และอีกประเด็นคือเรื่องของอาวุธที่ใช้ตอนแรกระบุว่า ใช้มีดทำครัวในการก่อเหตุ แต่ภายหลังมีระบุว่าใช้คัตเตอร์ ในวันนี้ได้นำเอกสารหลักฐานใบรับรองการตาย ที่มีระบุว่าพี่สาวเสียชีวิตจากการสำลักเลือดจากบาดแผลถูกของมีคมบริเวณลำคอมาแสดงต่อพนักงานสอบสวน

ต่อมาหลังเข้าพบตำรวจ น.ส.กิรัติมา เปิดเผยกับสื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามตำรวจยังสรุปสำนวนการเสียชีวิตไม่ได้ ต้องรอผลการชันสูตร​และการตรวจพิสูจน์​อย่างละเอียดอีก 60 วันทำการ ส่วนสาเหตุการตายนั้นคือตายจากของมีคม สำหรับเรื่องการสอบสวน ตำรวจสอบสวนไปเฉพาะทางญาติของฝ่ายสามีหมดแล้ว โดยรวมก็คืบหน้าไปมาก สำหรับตัวสามีของพี่สาวตั้งแต่เกิดเหตุยังไม่ค่อยได้มีพูดคุยมากนัก และโดยส่วนตัวจะพบสามีของพี่สาวตามช่วงโอกาสสำคัญของทางครอบครัวเท่านั้น ทั้งนี้ทราบว่าในวันเกิดเหตุสามีของพี่สาวเป็นผู้แจ้งคนแรกว่าพบศพพี่สาวเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ แต่ไม่ทราบว่าขณะเกิดเหตุภายในบ้านมีใครอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามครอบครัวยังไม่มีสงสัยบุคคลใดเป็นพิเศษ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสอบสวนและพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด

ส่วน นายเกรียงศักดิ์ อิ่มสมบูรณ์ ทนายความ ระบุว่า ภายหลังเข้าพบทางครอบครัวได้ทราบความคืบหน้าบ้างเล็กน้อยก็มีความสบายใจมากขึ้นและต่อจากนี้ทราบว่าจะมีเรียกสอบครอบครัวเพิ่มเติมอีกครั้ง ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินและมรดกของผู้เสียชีวิต ต่อจากนี้ทางครอบครัวจะมียื่นขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดก แม้ว่าผู้ตายจะจดทะเบียนสมรสกับทางสามี แต่ผู้ตายไม่มีบุตร ทำให้ทายาทลำดับขั้นมีพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิตรวมถึงสามี จึงต้องมีร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกเพื่อแบ่งมรดก ที่ขณะนี้ต้องแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ สินส่วนตัวและสินสมรส ซึ่งคาดว่าจะมียื่นขอให้ศาลพิจารณา ตั้ง น.ส.กิรัติมา เป็นผู้จัดการมรดก.

ด้าน พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณ​จรัส ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตเข้ามาพูดคุย ก็ทราบและเข้าใจ ซึ่งตามกระบวนการแล้วคือรอผลการตรวจชันสูตร​ พิสูจน์​หลักฐานอย่างละเอียดจากทางแพทย์และกองพิสูจน์​หลักฐาน​ ซึ่งเวลานี้ทางตำรวจได้ทำหนังสือไปแล้ว ส่วนในเรื่องของการสอบปากคำก็ได้สอบไปแล้วส่วนหนึ่ง อย่างไรก็ตามต้องรอผลการชันสูตรเป็นหลักก่อน ขณะที่เรื่องจดหมายที่ทางครอบครัวทวงถามว่าไม่ได้รับการติดต่อเลยนั้น เบื้องต้นตอนพบศพทางเจ้าหน้าที่ทราบว่าผู้เสียชีวิตมีครอบครัว จึงแจ้งรายละเอียดไปทางสามีของผู้เสียชีวิต จึงไม่ได้แจ้งไปทางพ่อแม่และน้องสาวผู้ตาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- อั้ม พัชราภา สุดอาลัย ร่วมพิธีฌาปนกิจ ไฮโซแบงค์ กัลยรัตน์ "รักและคิดถึงพี่มาก"
- คนดังแห่อาลัย แบงค์ กัลยรัตน์ เจ้าของคลินิกความงามชื่อดัง เสียชีวิต

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส