จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อีซ้อขยี้ข่าว" ได้โพสต์ข้อความว่ามีเหตุยิงเจ้าหน้าที่ในผับที่ตลาดกลางคืนแห่งหนึ่งในกัมพูชา เด็กไทย 2 คนกำลังหลบหนี โดยไม่ทราบชะตากรรมอยู่ในกัมพูชา หลังถูกทางการฯตามล่า และกดดันหนัก เพื่อให้รับสารภาพ ยัดข้อหาใส่ร้ายคนไทย โดยที่ทั้ง 2 คนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับเหตุการณ์ในครั้งนี้
ล่าสุด วันที่ 23 พ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่ตำบลอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พบกับนายชัย (นามสมมติ) อายุ 36 ปี พี่ชายของนายปรีชา จูจ้าย หรือ ปุย อายุ 27 ปี คนไทยที่กำลังกบดานอยู่ในประเทศกัมพูชา เปิดเผยว่า นายปรีชา น้องชาย ได้มีการติดต่อกับนายหน้าคนไทยมาบอกว่าหาคนไปเป็นแอดมินเว็บพนันบอล หรือเว็บหวย รายได้ดีต่อเดือน 25,000-30,000 บาท มีนายทุนเป็นชาวจีน เกิดความสนใจจึงได้เดินทางไปที่กัมพูชา วันที่ 9 ตุลาคม 2564 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ทางบริษัทที่ปอยเปตเป็นคนจัดการให้
เมื่อไปถึงก็มีการไปพักอยู่ตึก ๆ หนึ่งก่อน วันต่อมาก็มีคนมารับน้องไปทำงาน พอขึ้นไปเเล้ว ห้องทำงานเป็นห้องรวม มีคนไทยอยู่ในนั้นประมาณ 40-60 คน มีคอมพิวเตอร์ให้คนละเครื่อง หลังจากนายปุยไปทำงานงานที่ได้ทำกลับไม่ใช่งานที่พูดคุยกันไว้ กลายเป็นงานหลอกลวงคนไทยผ่านแอปพลิเคชันเงินกู้ โดยให้นายปุยเป็นคอลเซ็นเตอร์ โทรหาคนไทยในประเทศไทย หลอกให้โอนเงินเข้ามา ซึ่งการทำงานก็จะมีล่ามคนไทยคอยบอกสคริปต์ให้ว่าจะต้องพูดกับเหยื่ออย่างไรบ้าง ตอนเเรกการทำงานก็ดี นายปุยจึงได้มีการชักชวนนายเอิน หรือ นายพิศิษฐ์ จันสนธิมา อายุ 26 ปี เพื่อนสนิท ให้มาทำงานด้วยกันช่วงกลางเดือนตุลาคม 2564
หลังจากนั้น กลุ่มนายทุนก็เริ่มมีการเข้มงวดมากขึ้น ทำงานเเต่ละวันจะต้องได้ยอดตามกำหนด รวมกันไม่ต่ำกว่า 400,000 บาท ส่วนเงินตอบเเทนของคนที่ทำงาน จะได้หักส่วนแบ่ง 10% ก็ต่อเมื่อทำรายได้ได้ถึงเป้าเท่านั้น ทำงาน 12 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องทำงานเกินเวลา วันหยุดก็ไม่มีให้ เเละอาจถูกทำร้ายร่างกาย ด้วยเหตุนี้น้องชายของตนและเพื่อนทำงานได้เกือบ 1 เดือน ก็ตัดสินใจหาทางหนี ไปพักอาศัยอยู่กับผู้หญิงคนไทยที่ทำธุรกิจที่นั่น กำลังจะหางานเเอดมินเพจอื่น ๆ หรือเว็บอื่น ได้ประมาณ 1 สัปดาห์
จนวันเกิดเหตุวันที่ 20 พ.ย.64 ตามคลิป นายปุย นายเอิน กับคนไทยอีก 3 คนที่หนีออกจากบริษัทนายทุนไปนั่งดื่มเหล้าที่ผับตรงตลาดน้ำพุในประเทศกัมพูชา ระหว่างที่กำลังนั่งดื่มกันอยู่ เพื่อนที่ทำงานข้างในบริษัทนายทุนจีนส่งข้อความมาบอกนายปุยว่านายทุนจีนกำลังตามล่าตัวอยู่ สักพักนายทุนชาวจีนและลูกน้องก็เข้ามาพบพอดี พยายามจะพาตัวกลับไปทำงาน ก่อนหน้านี้นายทุนจีนก็มีการข่มขู่อยู่แล้วว่า "หากใครหนี ถ้าพบตัวจะไม่เอาไว้" ซึ่งตอนนั้นนายปุยออกไปสูบบุหรี่ด้านนอกร้าน จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และหนีออกมาได้ก่อน
ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้ ในคลิปจะเห็นว่ามีคนถืออาวุธปืนอยู่ 2 คน คือทหารของกัมพูชา 1 นาย ลูกน้องเสื้อสีเทาของนายทุนจีน แต่นายปุยและนายเอินไม่ได้ถืออาวุธปืน ซึ่งนายเอินถูกล็อกคอไว้ ก็มีการสะบัด จนสามารถหลบหนีออกมาได้ ก็จะเหลือคนไทย 3-4 คน ที่โดนทหารของกัมพูชา ลูกน้องของนายทุนจีนรุมกระทืบ เตะต่อย ใช้อาวุธปืนตบ จากนั้นก็เกิดเสียงปืนขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ของกัมพูชาบาดเจ็บ นายทุนจีนจึงป้ายความผิดมาให้นายปุยและนายเอินว่าเป็นคนยิง ตอนนี้ทั้ง 2 คนกำลังถูกลูกน้องของนายทุนจีนตามล่าอยู่ ส่วนคนไทย 1 คน ถูกจับตัวไว้
จากนั้นน้องชายเเละนายเอินก็หลบหนีออกมาพักที่เดิมก่อน จะมีการโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก จนมีตำรวจนายหนึ่งที่อยู่ที่สระแก้วแนะนำให้ทั้งคู่ติดต่อผ่านไลน์ไปหาน้องชายของตำรวจที่ชื่อนายตอง (นามสมมติ) เพราะเขาเป็นคนที่คอยช่วยเหลือคนไทยในกัมพูชา ซึ่งนายตองก็ได้ให้การช่วยเหลือทั้ง 2 คน ไปกบดานอยู่ที่ตึกแห่งหนึ่ง มีคนกัมพูชาคอยคุมไว้ทุกชั้น ซึ่งนายปุย เเละนายเอิน ได้ไปหลบอยู่ ไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ ทั้งตึกก็มีเเต่คนไทยประมาณ 60 คน ตนเพิ่งจะมารู้เรื่องเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ย. ที่ผ่านมา จากน้องชายยังปลอดภัย
จากนั้น ตนได้มีการพูดคุยกับนายตอง บอกกับตนทำนองว่าถ้าอยากให้น้องกลับไทยก็จะต้องมีค่าใช้จ่าย 50,000 บาท เพื่อเอามาแลกกับอิสรภาพ จนเมื่อเช้าที่ผ่านมา นายตองแจ้งมาอีกครั้งว่าให้โอนเงิน 40,000 บาท ถ้าโอนแล้วไม่ถึง 30 นาที ชายไทยทั้ง 2 คนจะสามารถข้ามชายแดนกลับไปที่ไทยได้ แต่ถ้าวันนี้หาเงินไม่ได้ ตนก็ไม่รู้ว่าความปลอดภัยของน้องทั้ง 2 คนจะเป็นอย่างไร
ล่าสุด ตนได้ไลน์ไปหานายตอง บอกว่าตอนนี้หากู้ยืมเงินไม่ได้ คงจะต้องเป็นวันพรุ่งนี้ นายตองก็บอกว่าจะประสานรถไว้ให้ไม่เกินพรุ่งนี้ เวลา 13.00 น. ซึ่งตนมองว่าเรื่องนี เหมือนเป็นการถูกจับไว้เรียกค่าไถ่มากกว่าจะเป็นการช่วยเหลือ เเต่อย่างไรตนก็ขอขอบคุณที่นายตองช่วยดูแลน้องชายให้ ตอนนี้ครอบครัวของตนเครียดมาก กินไม่ได้ นอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม ตนเเละครอบครัวยังไม่ได้มีการเเจ้งความ เบื้องต้นได้มีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่หน้าด่าน และตนก็ไม่มั่นใจว่าหากส่งตำแหน่งของน้องชายให้ไปจะปลอดภัยหรือไม่
นายปุย เปิดเผยกับทีมข่าวทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้ตนอยู่ในห้องกับนายเอิน เพื่อนสนิท ตอนนี้อยู่ในที่ปลอดภัยที่กัมพูชาเเล้ว ตนได้มีการพูดคุยกับนายตองเเล้ว ซึ่งนายตองบอกเพียงให้รอเงินจากพี่ชายของตนเท่านั้น ส่วนเรื่องเหตุการณ์ที่ร้านเหล้า ตอนเเรกตนเเละเพื่อนจะถูกยัดข้อหายิงทหารกัมพูชา เเละตกเป็นแพะรับบาป เเต่เหมือนพอข่าวดัง นายวัน รุ่นพี่ของตนจึงตกเป็นผู้ก่อเหตุเเทน
ซึ่งเหตุการณ์วันนั้น มีทหารที่กลุ่มนายทุนจีนจ้างมาปิดล้อมร้าน ราว 30-40 นาย เเต่ตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เพราะออกมาสูบบุหรี่ด้านหลังร้านพอดี พอตนได้ยินเสียงปืน ตนก็หนีไปแอบเลย