กรณีนายโกมินทร์ หรือ น้อย อายุ 45 ปี ผู้เสียหาย ถูกคู่อริ 2 พี่น้องขาโจ๋ประจำตลาดบางแค ใช้อาวุธปืนไล่ยิงกลางตลาด ทำให้ได้รับบาดเจ็บ โดยมีสาเหตุมาจากการไม่พอใจที่ผู้เสียหายขอให้ช่วยเลื่อนรถจักรยานยนต์ ซึ่งเหตุดังกล่าวเกิดในช่วงเวลา 02.00 น. ของวันที่ 22 พ.ย.64 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันที่ 23 พ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยัง สน.เพชรเกษม เวลาประมาณ 08.00 น. นายเศรษฐี เตชะบุญรักษา หรือ เอส บางแค, นายกนก เข็มหนู หรือ อุ้ม และนายสุรารักษ์ ทองแท้ หรือ อ๊อฟ 3 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุข่มขู่และใช้อาวุธปืนพยายามฆ่า ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.เพชรเกษม หลังจากที่ก่อเหตุอ้างว่าไม่กลัวตำรวจ
พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 22 พ.ย.64 เริ่มจากนายน้อย ผู้บาดเจ็บ มีปากเสียงกับนายอุ้ม เรื่องการจอดรถขวางทางเข้าออกตลาด และเกือบจะใช้กำลังทำร้ายร่างกายกัน หลังจากนั้น นายเอส บางแค ก็ขับรถตามมากับนายอ๊อฟ เพื่อที่จะกินข้าวกับนายอุ้ม และเห็นเหตุการณ์พอดี จึงได้เข้ามาห้ามปรามทั้ง 2 คน แต่นายน้อย ผู้บาดเจ็บ ทำท่าเหมือนกับจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย นายเอสจึงใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมายิ่งขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ และยิงลงพื้นแต่กลับไปถูกนิ้วของนายน้อย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมองว่าสาเหตุของคดีนี้ มาจากการทะเลาะวิวาท ไม่ใช่เรื่องการแสดงอิทธิพลหรือกร่าง โดยนายเอสก็ประกอบอาชีพสุจริตคือรับจ้าง และไม่มีประวัติต้องโทษคดีอาญาร้ายแรง มีเพียงแค่คดีหมิ่นประมาท และเจ้าหน้าที่ดำตรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะพฤติการดังกล่าวถือว่าเป็นคดีที่อุกอาจ ตำรวจได้เร่งเข้าไปกดดันจนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ยินยอมติดต่อเข้ามามอบตัว แต่ทุกคนยังให้การภาคเสธ โดยนายเอส บางแค ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับนายน้อย ผู้บาดเจ็บมาก่อน แต่ที่ลงมือก่อเหตุเพราะอยากจะช่วยเพื่อนเท่านั้น
นายน้อย ผู้บาดเจ็บ กล่าวให้ฟังว่า อาการบาดเจ็บของตนยังคงมีความรู้สึกเจ็บและแผลบวมเล็กน้อย ซึ่งแพทย์ได้นัดดูอาการเป็นระยะ ๆ และยังไม่สามารถไปทำงานได้ ส่วนสภาพจิตใจยังคงอยู่ในความหวาดกลัว เนื่องจากเมื่อคืนภรรยาได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ ขี่เสียงดังวนไปมา 3 รอบ ตนขายของที่ตลาดแห่งนี้มานานกว่า 20 ปี ไม่เคยมีปัญหากับใคร และก็ไม่เคยรู้จักผู้ก่อเหตุ ตนเคยเห็นแค่นายอุ้ม มากินข้าวในตลาด แต่ก็ไม่เคยพูดคุยกัน ส่วนนายเอส บางแค และนายอ๊อฟ ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกัน ตนจึงมองว่าการที่นายเอส บังคบให้ตนยกมือไหว้ขอโทษ แต่ตนไม่ได้ยกมือไหว้ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด และนายเอสก็น่าจะอายุน้อยกว่าตน
หลังเกิดเหตุ นายอุ้มได้โทรศัพท์เข้ามาเพื่อเจรจาและไกล่เกลี่ย ตนจึงแจ้งหลับไปว่าตนไม่ได้มีเจตนาจะเอาเรื่องใคร และมองว่าการถอยรถเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่น่าจะลุกลามเกิดเหตุรุนแรงเช่นนี้ แต่คดีอาญาไม่สามารถยอมความได้ แม้ว่าตนจะไม่แจ้งความ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินคดีตามกฏหมาย ทั้งนี้ ตนอยากให้เรื่องนี้จบ และตนไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นคนก่อเหตุ ตนเป็นเพียงแค่พ่อค้าหาเช้ากินค่ำ ไม่อยากมีปัญหากับใคร และไม่ว่าจะมีใครได้ประกันตัวหรือไม่ ตนอยากจะบอกว่าหลังจากนี้ขอให้ต่างคนต่างอยู่
จากการตรวจสอบประวัติ นายเศรษฐี หรือ เอส บางแค เคยถูกแจ้งข้อหาคดีเรื่องหมิ่นประมาท อดีตภรรยาเป็นผู้ฟ้องร้อง แต่ไม่มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากับทั้ง 3 คน ได้แก่ ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ส่วนนายเอส ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มคือมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต, ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร เจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้ง 3 คนไปฝากขังแล้วที่ศาลอาญาธนบุรี ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขัง ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยได้นำหลักประกันมาวางต่อศาลคนละ 300,000 บาท