วันที่ 24 พ.ย.64 เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู รับแจ้งเหตุชายเข็นภรรยาพิการจากดอนเมือง มาเสียชีวิตบริเวณลาดพร้าว 85 จึงรุดไปตรวจสอบพบว่าสภาพผู้เสียชีวิตสวมใส่เสื้อสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีฟ้า คลุมด้วยเสื้อแขนยาวเสื้อยีนส์ นั่งคอตกหน้าซีด ข้างกายพบนายโสภัณฑ์ อย่าเสียสัตย์ สามีผู้เสียชีวิต ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิต นางสาวพัชรี แซ่ลี้ ชาวจังหวัดเลย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูจึงได้นำตัวผู้เสียชีวิตส่งไปยังสถาบันนิตเวช โรงพยาบาลตำรวจต่อไป
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังที่เกิดเหตุ บริเวณทางเข้าสำนักงานเขตวังทองหลางเก่า ถนนลาดพร้าว แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวสไบทิพย์ วังเวียง อายุ 54 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ฟังว่า เวลาประมาณ 10.00 น. ตนเห็นว่านางสาวพัชรี แซ่ลี้ ขณะที่เห็นยังไม่เสียชีวิต ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถวีลแชร์ โดยมีนายโสภัณฑ์ สามี เข็นมายังพื้นที่พูดคุยกับภรรยาตามปกติ ถามว่าหิวไหม หรืออยากทานอะไรหรือไม่ แต่อาจะพูดจาเสียงดังคล้ายกับทั้งคู่โกรธกัน
กระทั่ง 1 ชั่วโมงผ่านไป ตนเห็นว่านางสาวพัชรี เสียชีวิต เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเดินทางมายังพื้นที่ ยอมรับว่าตกใจ คาดว่าเป็นคนเร่ร่อน เนื่องจากตนไม่เคยเห็นหน้าทั้งคู่มาก่อน และเห็นทั้งคู่สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ตนก็ไม่ได้กังวลว่าจะเป็นผู้ป่วยโควิด-19
จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย ระบุว่า นายโสภัณฑ์ เป็นคนไม่มีที่พักหรืออยู่เป็นหลักแหล่ง เบื้องต้นทราบว่าเดินเข็นภรรยาเรื่อยมาจากดอนเมือง เพื่อหาซื้ออาหาร ขอข้าวรับประทาน กระทั่งระหว่างทางมาถึงที่เกิดเหตุ นางสาวพัชรี เสียชีวิตด้วยโรคชรา จึงได้หยุดเข็นวีลแชร์และไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยจะเข้าไปถึงบริเวณจุดเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตและสามีไม่มีญาติ เนื่องจากญาติ ๆ ได้เสียชีวิตหมดแล้ว จึงออกใบรับศพให้นายโสภัณฑ์ นำศพภรรยากลับไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา แต่นายโสภัณฑ์ไม่สามารถรับศพได้ เนื่องจากไม่มีเงินเพื่อที่จะจัดงานศพ จึงได้ขอให้นำศพเก็บไว้ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อที่จะให้มูลนิธิร่วมกตัญญูช่วยจัดการนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาพูดคุยกับ นางสาวรุณณี เบ้าทอง อายุ 41 ปี วินรับจ้าง เล่าให้ฟังว่า ชายที่เข็นรถวีลแชร์นั้น ตนก็เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนเห็นว่าเขาเข็นภรรยามา นั่งคอพับคาดว่าอาการเริ่มจะไม่ค่อยดี แขนไม่มีแรงแล้ว ผู้เป็นสามีก็ได้นำน้ำเปล่า 1 ขวด และ กาแฟซองใส่ถุงเอามายื่นให้วินรับจ้าง ก่อนจะเข็นวีลแชร์ออกไป
โดยก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ ตนเห็นว่านางสาวพัชรี ก็ยังมีสติ เพียงแต่ว่าอาจจะดูเหมือนแขนอ่อนล้า ไม่มีแรง และคอตก กระทั่งไปเจอพลเมืองดีเดินผ่านมาก็ได้นำกล้วยสุกให้กับ นายโสภัณฑ์ จำนวน 1 หวี เขาก็ได้ยกมือไหว้ขอบคุณ และก็คลาดสายตาไป
"คุณลุงและคุณป้า ดูร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงนะ คล้ายคนเร่ร่อน แต่ก็ยังมีน้ำใจดี นำน้ำ นำกาแฟ มาให้ที่วินอีกด้วย ทางด้านคุณลุงก็ไม่ได้เดินเรี่ยไรเงิน หรือมาขออะไร เพราะพื้นที่นี้ยอมรับว่าคนเร่ร่อนในพื้นที่จะมาขอเงินโดยตลอด หรือขออาหารทาน" วินรับจ้าง เล่าให้ฟัง