แม้หน้าหนาวจะเป็นฤดูที่ใครหลายคนรอคอย ด้วยสภาพอากาศเย็นสบายไม่ต้องเหงื่อออกให้รำคานตัว แต่รู้หรือไม่ว่าหากเราไม่ระวังสุขภาพของตัวเองให้ดี ก็อาจจะตกเป็นเหยื่อของโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ ที่มักจะมาพร้อมกับหน้าหนาวในทุกๆ ปีได้ โดยโรคเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง เราจะมาบอกให้ทุกคนพร้อมเตรียมรับมือเอง
- ไข้หวัด : เปิดมาชื่อแรกคงเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี เพราะโรคที่มากับหน้าหนาวที่พบบ่อยที่สุดคือไข้หวัด ซึ่งถึงแม้จะเป็นได้แทบจะทุกฤดูกาล แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวอาจจะเป็นได้ง่ายกว่าปกติถึง 2 เท่า ไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเมื่อแบ่งเป็นกลุ่มไวรัสต้นเหตุแล้วมีมากกว่า 100 ชนิด โดยเราสามารถป้องกันโรคหวัดได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ
- ไข้หวัดใหญ่ : เป็นโรคที่มากับหน้าหนาวที่พบมากรองจากไข้หวัด เกิดจากอินฟลูเอ็นซาไวรัสที่มีอยู่ 2 ชนิดคือ influenza A และ B ซึ่งจะมีการแพร่กระจายอย่างมากในช่วงหน้าหนาวมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดาแต่รุนแรงกว่า และหากปล่อยไว้จนมีอาการแทรกซ้อนอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยในปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยผู้ที่ควรรับวัคซีน ได้แก่ เด็กเล็ก คนชรา แพทย์ และพยาบาลควรต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนทุกปี เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีลูกผสมสายพันธุ์ใหม่และร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกัน
- ปอดบวม : เกิดจากภาวะปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส ทำให้มีหนองและสารน้ำในถุงลม จนเนื้อปอดบริเวณนั้นไม่สามารถรับออกซิเจนได้ตามปกติ ผู้ป่วยมักมีอาการไอ คัดจมูก จาม มีเสมหะมาก มีไข้สูงติดต่อกันเกิน 2 วัน หนาวสั่น แน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออกและอาจถึงแก่ชีวิตได้ มักพบหลังจากการเป็นไข้หวัดเรื้อรัง และในผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคปอมบวมมักเริ่มจากไข้หวัด ดังนั้นเมื่อรู้ว่าเริ่มเป็นไข้หวัดให้รีบรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน พยายามดื่มน้ำอุ่นมากๆ อยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก สำหรับเด็กเล็กควรฉีดวัคซีนป้องกันปอดบวม หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด และหมั่นรักษาความสะอาด ล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
- หัด : โรคนี้เป็นโรคของเด็กวัยก่อนเรียนและวัยเรียน ตั้งแต่อายุ 2-12 ปี ติดต่อกันได้ง่ายจากการไอ จามรดกันโดยตรง หรือหายใจเอาละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ของผู้ป่วยที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าไป เกิดจากเชื้อรูบีโอลาไวรัส หรือ Rubeola virus หากพบอาการน้ำมูกไหล ไอแห้ง ตาและจมูกแดง มีไข้สูง เมื่อมีไข้ติดต่อกัน 3-4 วัน จะมีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ซึ่งจะค่อยๆ โตและมีสีเข้มขึ้น แล้วยังมีตุ่มใสๆ ขึ้นในปาก ควรพาเด็กที่ป่วยไปพบแพทย์ และให้หยุดเรียนเพื่อพักผ่อนอยู่กับบ้าน รวมถึงรับการฉีดวัคซีนรวมหัด หัดเยอรมัน และคางทูม ตามช่วงอายุที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้เพื่อช่วยป้องกันโรค
- อุจจาระร่วง : เป็นโรคที่มาพร้อมกับฤดูหนาว ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส โรต้า หรือ Rotavirus เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางปาก ผ่านไปยังกระเพาะอาหารแล้วแบ่งตัวที่ลำไส้ พบบ่อยในเด็กอายุ 6 - 12 เดือน เนื่องจากเป็นวัยที่มีภูมิต้านทานต่ำและมีพฤติกรรมหยิบสิ่งของเข้าปาก เชื้อจึงเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น อาการของโรคคือมีไข้ ท้องเสียอย่างรุนแรงและอาเจียนอย่างหนัก บางรายที่เสียน้ำมากอาจถึงขั้นช็อกหรือเสียชีวิต ปัจจุบันมีวัคซีนเป็นวัคซีนชนิดรับประทาน โดยมีทั้งชนิด 2 หรือ 3 ครั้ง แล้วแต่ชนิดของวัคซีน เด็กสามารถรับได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือน วัคซีนจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรค และลดความรุนแรงลงได้อีกปัจจัยสำคัญไม่แพ้กันคือ ต้องรักษาสุขอนามัยภายในบ้าน เพื่อป้องกันเด็กหยิบจับสิ่งของแล้วติดเชื้อ ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
- โรคไข้สุกใส : โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า วาริเซลลาไวรัส หรือ Varicella virus ติดต่อผ่านการสัมผัสตุ่มน้ำใสโดยตรง สัมผัสของใช้ หรือสูดลมหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำเข้าไป มีระยะฟักตัวในร่างกาย 10-20 วัน เป็นอีกหนึ่งโรคที่มากับหน้าหนาวที่พบมากในเด็กวัยเรียนที่มีอายุ 5-15 ปี ในผู้ใหญ่จะพบได้น้อยกว่า โดยมักจะเกิดกับผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน ส่วนผู้ที่เคยเป็นโรคนี้แล้วก็จะไม่กลับมาเป็นอีก ในปัจจุบันมีวัคซีนที่ฉีดได้ตั้งแต่เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยเป็น ก็สามารถฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันได้เช่นกัน โรคนี้ติดต่อได้ง่ายผ่านการสัมผัส ฉะนั้นเมื่อพบผู้ที่เป็นโรคนี้ ต้องหลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกัน หรือสัมผัสถูกตัวกัน แต่ผู้ที่เคยเป็นโรคไข้สุกใสแล้วจะไม่เป็นซ้ำ จึงอยู่ร่วมกับผู้ที่เป็นโรคได้ตามปกติ