ปริศนาตาหลานตายวันเดียวกัน ศพน้ำลายฟูมปาก พ่อหวั่นถูกวางยาในน้ำดื่ม (คลิป)

จากกรณีปู่หลานเสียชีวิตในเวลาเดียวกัน โดยหลานจมน้ำ ส่วนปู่ล้มในบ้าน ซึ่งทั้งคู่มีน้ำลายฟูมปาก จนทำให้ครอบครัวคิดไปถึงเรื่องความเชื่อ เนื่องจากเสียชีวิตในเวลาเดียวกัน และเรื่องการวางยาหรือไม่นั้น

วันที่ 30 พ.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปวัดสุทธิสะอาด แขวงทรายกองดิน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติตั้งโลงศพคู่กันทั้ง นายณรงศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ และด.ช.ธีรศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ หรือ น้องที วัย 6 ขวบ ตากับหลาน โดยมีเพื่อนบ้าน และญาติ ๆ ต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัย และให้กำลังใจครอบครัว

นายนวพล ศรีสวัสดิ์ ลูกชายของนายณรงศักดิ์ ผู้เสียชีวิต และมีศักดิ์เป็นลุงของ ด.ช.ธีรศักดิ์ หรือ น้องที อายุ 6 ขวบ เปิดใจว่า วันเกิดเหตุ นอนอยู่ห้องพ่อ น้องที หลานชายวิ่งเล่นเข้าออกบ้าน ประมาณ 14.00 น. พ่อไปอาบน้ำ หลังจากนั้นพ่ออาเจียนออกมา แล้วพ่อนั่งพัก แต่ผิดสังเกต ไม่นานนักพ่อล้มลงตนจึงรีบมาช่วยพ่อ มีอาการชัก กรามแข็ง เหงื่อไหล เหมือนคนหายใจไม่ออก แล้วบอกพ่อว่าให้อดทน กำลังเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ

หลังจากนั้นคนข้างบ้านวิ่งมาบอกว่า น้องทีตกน้ำ จึงรีบวิ่งไปดูหลาน พบว่าหลานคว่ำหน้า หน้าทิ่มลงอยู่ริมตลิ่ง จมอยู่ในน้ำ จึงรีบช่วยลูกขึ้นมา และช่วยกันปั๊มหัวใจ แต่โอกาสรอดน้อยมาก คิดว่ารอดแค่ 1% จึงรีบวิ่งไปช่วยพ่อ

อย่างไรก็ตาม พ่อป่วยเป็นเบาหวาน ความดัน ชอบอาเจียน เวลาเครียดหรือทะเลาะกัน พ่อจะมีอาการแน่นหน้าอก ส่วนน้องที หลานชายเคยเล่นน้ำริมคลอง แอบไปเล่นน้ำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่ายน้ำไม่เป็น ตนเองเป็นมูลนิธิกู้ภัยฯ ผ่านการอบรมวิธีช่วยเหลือคน เคยช่วยเหลือคนอื่นได้ แต่ไม่สามารถช่วยคนที่รักที่สุดได้ทั้ง 2 คน ช่วยใครไม่ได้สักคนเดียว

สำหรับเรื่องหมอปลาจะลงพื้นที่มาช่วยเหลือ ตนเองไม่ติดขัด เพราะญาติบางคนสงสัยว่าทำไมตากับหลานมาตายพร้อมกัน เพื่อความสบายใจของครอบครัว ครอบครัวยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรอผลชันสูตรอีก 2 เดือน ระยะเวลานี้ต้องทำอะไรให้ดีที่สุด ซึ่งไม่สามารถเรียกชีวิตคืนมาทั้ง 2 ชีวิตได้

ขณะเดียวกันเรื่องศพมีน้ำลายฟูมปากเหมือนกันทั้ง 2 ศพ มองว่าคนชักกับคนจมน้ำก็มีโอกาสที่น้ำลายฟูมปากได้ ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับใคร ไม่มีปัญหากับคนข้างบ้าน พ่อตนเองไม่เคยไปวุ่นวายกับใคร และรักหลานมาก

นายชูศักดิ์ แก่นแก้ว พ่อของน้องที 6 ขวบ เปิดเผยว่า ตนเองแยกทางกับภรรยาไปแล้ว และมารู้ข่าวร้ายเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 28 พ.ย. ญาติโทรมาบอกว่าลูกชายจมน้ำ ตอนนั้นตนเองอยู่ต่างจังหวัด ยอมรับว่าติดใจกับการเสียชีวิตของลูกชาย เพราะเวลาใกล้เคียงกัน ตอนนั้นมีคนช่วยเหลือคนเดียวคงช่วยไม่ทัน

ส่วนตัวคิดว่าลูกชายไม่ได้จมน้ำตาย อาจจะดื่มน้ำในขวด ที่มีการวางยา เพราะตาของลูกก็ดื่มน้ำเข้าไปแล้วน้ำลายฟูมปาก ซึ่งลูกชายไม่น่าจะตายจากการจมน้ำ อยากให้ชันสูตรผ่าศพลูกชายอีกครั้ง แต่ตนเองปรึกษากับทางญาติ ๆ ก่อน ขณะเดียวกันรู้สึกดีใจที่พรุ่งนี้หมอปลาจะลงพื้นที่มาช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม อยากจะบอกว่า "พ่อยังรักลูกเหมือนเดิม"

นางจุฑามาศ นิวาตพันธุ์ ชาวบ้านที่เห็นน้องทีจมน้ำคนแรก เปิดเผยว่า ตนเองได้ยินเสียงรถกู้ภัยมาช่วยตาเด็ก จึงเดินออกมาดู ระหว่างเดินเห็นเสื้อในน้ำ มองลงไปคิดว่าเป็นตุ๊กตา นอนนิ่งแล้ว สาเหตุที่ไม่ได้ลงไปช่วยเพราะตกใจกลัว และตนเองเป็นคนตัวใหญ่ ให้คนอื่นลงไปช่วยดีกว่า เมื่อเพ่งดูจึงรู้ว่าเห็นน้องทีนอนคว่ำหน้ามือซีด กำไม้อยู่ นอนนิ่ง ๆ ยอมรับว่าตกใจ และรีบวิ่งไปบอกบ้านเด็กว่า น้องทีตกน้ำ ยอมรับว่าสงสารน้องเพราะเล่นด้วยกันทุกวัน

ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเด็กตกน้ำ น้องทีเคยเดินไปซื้อขนม ก็ไม่เคยตกสะพาน น้องทีไม่เคยออกมาเล่นริมคลอง ส่วนตาเด็กก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร โดยส่วนตัวสงสัยอยู่ว่าน้องทีตกน้ำไปได้อย่างไร แต่น้องทีเป็นเด็กร่าเริง อาจจะกระโดดเล่น แล้วไปสะดุดอะไรบางอย่างจนหัวพุ่งจมน้ำ แล้วตะเกียกตะกายขึ้นมาไม่ได้หรือไม่

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ ระบุว่า การจมน้ำเสียชีวิต มีโอกาสที่น้ำลายจะฟูมปาก เนื่องจากน้ำจะไหลเข้าไปในปอด เมื่อมีการหายใจอาจทำให้เกิดฟองละเอียด ส่วนการดื่มน้ำแล้วล้มลงแล้วน้ำลายฟูมปาก ต้องตรวจโรคประจำตัวประกอบ โดยเฉพาะโรคลมชักและโรคหัวใจ ซึ่งมีสิทธิ์ที่น้ำลายจะฟูมปากได้เช่นกัน

ทั้งนี้ การสงสัยว่าถูกวางยาหรือไม่นั้น เหยื่อจะอาเจียนมากกว่าน้ำลายฟูมปาก แต่อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องรอผลตรวจน้ำและร่างกายของผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง

นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา กล่าวจว่า จากเหตุการณ์ตากับหลานตายพรอมกัน ตาตายเพราะหัวใจวาย ส่วนหลานจมน้ำตาย แต่ก็มีญาติ ๆ ติดต่อเข้ามาหาบอกว่ากลัวว่าการตายครั้งนี้อาจะมีอะไรมากไปกว่านั้น ตนเองจึงประสานกับนายสาริต แสงจันทร์ หรือ เสี่ยเปีย นักธุรกิจเจ้าของแบรนด์หมูปิ้งนมสด ยินดีจ่ายค่าใช้จ่ายในการนำศพไปผ่าชันสูตรอีกครั้ง

แต่ก็มีทางญาติบางส่วนไม่เห็นด้วยในการเอาศพทั้ง 2 ศพไปผ่าชันสูตร ตนเองก็เคารพในการตัดสินใจ และไม่ได้ปลักปรำใคร อาจเป็นอุบัติเหตุ อยากให้มองข้ามเรื่องอาถรรพ์ และพรุ่งนี้จะไปที่วัด ไปพูดคุยกับญาติที่ร้องเรียน หากญาติจะให้ผ่าศพชันสูตร ตนเองกับเสี่ยเปียก็ยินดีที่จะออกค่าใช้จ่ายให้