เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวตรวจสอบช่องยูทูบของตาชาญ ในวันที่ 4 ธ.ค.64 เวลา 19.00 น. ตาชาญได้ไลฟ์สดคุยกับแฟนคลับ ประมาณ 1 ชั่วโมง กล่าวยืนยันว่า ตนไม่ได้มีกิ๊ก มีแต่ลูกหลาน และคิดว่าอีก 2-3 วันคงหายดี คงยิ้มได้ หัวเราะได้ ขอปล่อยไปตามอารมณ์ก่อน ตนอยากให้ลูกหลานเข้ามาคุยเล่น หยอกล้อกับตน จะได้มีกำลังใจ ขอบคุณทุกคนที่สงสาร
"เดี๋ยวยายกับลูกคงเข้าใจ ถ้าลูกรักแม่ ลูกก็คงบอกแม่ว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ตาบอกรัก FC เพราะโซเชียลฯ รักตานะจ๊ะ ก็เป็นเรื่องธรรมดาเราพูดคุยแบบพี่น้องไม่ใช่กิ๊ก เรื่องนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แม้ว่าเราจะเคยต่อสู้กันมานาน สู้กับความยากจน จนทุกวันนี้ลูกหลานก็เป็นฝั่งเป็นฝา มีการมีงานทำกันหมด ตายืนยันว่าไม่ได้มีกิ๊ก มีแต่แฟนคลับ FC อดีตเรารู้ ปัจจุบันเรารู้ แต่อนาคตเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดปัญหาแบบนึ้ขึ้น ตอนนี้ยายสมควร เปรียบเสมือนเพื่อนบ้านของตาแล้ว ขอเวลาทำใจ แล้วจะกลับมามีรอยยิ้มให้กับแฟนคลับ FC ตาไม่รู้ว่าอีกวันถึงจะหาย เดี๋ยวมันก็ผ่านเรื่องร้าย ๆ ไป" ตาชาญ กล่าว
นายนรินทร์ หลาบโพธิ์ หรือ น้าแต ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่ทนายอนันต์ชัย แถลงข่าวว่าไม่รับเป็นทนายความให้กับลุงพลนั้น ตนก็ขอเปรียบเทียบกรณีนี้เหมือนการจีบผู้หญิง ซึ่งจะต้องไปจีบถึงที่บ้านถึงจะได้ใจใคร เฉกเช่นกับการหาทนายความ ลุงพลจะต้องเข้าหาทนายอนันต์ชัย ก่อนที่ทนายอนันต์ชัย จะแถลงข่าวด้วยซ้ำ อาจจะไปกินข้าวด้วยกันหรือไปพูดคุยกัน
"ที่ทนายอนันต์ชัย ท่านให้ข้อกำหนดกับลุงพล 3 ข้อ คือ ให้ใจ ให้ความจริง และให้เกียรติอาชีพทนายความนั้น ผมก็เห็นด้วยนะ เพราะการจะทำงานร่วมกัน เราจะต้องให้ใจกัน ในฐานะที่ผมเป็นน้องชายป้าแต๋น และเป็นญาติกับลุงพล ก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มาเป็นทนายความให้ลุงพล ยอมรับว่าเสียดายมาตั้งแต่ตอนที่ทนายตั้มถอนตัวด้วยซ้ำ เพราะทนายตั้มและทนายอนันต์ชัย เป็นทนายความชื่อดังที่เก่ง มีไหวพริบปฏิภาณ ซึ่งในเรื่องของคดีความผมก็เป็นห่วงลุงพลป้าแต๋น แต่ก็คิดว่าคงมีทนายความอีกหลายคนที่ติดต่อเข้ามาหาลุงพล" น้าแต กล่าว
นายนรินทร์ กล่าวถึงประเด็นข่าวที่พ่อกับแม่จะแยกทางกันว่า ในช่วงนี้พ่อกับแม่ห่างกันจริง เนื่องจากตอนนี้พ่อก็ติดโซเชียล คือ การเป็นยูทูเบอร์ และก็กำลังสนุกกับการพูดคุยกับเอฟซี จึงอาจทำให้เกิดปัญหาไม่เข้าใจกับแม่ แต่ตนก็เชื่อว่าในอนาคตพ่อและแม่จะต้องกลับมาคืนดีกันแน่นอน
สำหรับสาเหตุที่ทั้ง 2 คนห่างเหินกัน เป็นเพราะในระยะหลังทั้งคู่ใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน พ่อจะชอบเล่นโซเชียลฯ พูดคุยกับเอฟซี ส่วนแม่จะไม่เล่นโซเชียลฯ ทำให้พ่อแม่ใช้ชีวิตประจำวันไม่เหมือนกัน และพูดคุยกันน้อยลง กระทั่งห่างกัน ซึ่งตอนนี้พ่อได้แยกไปอยู่ที่บ้านลุงพลป้าแต๋น ส่วนแม่ก็อยู่ที่บ้านกับตน สภาพจิตใจแม่ตอนนี้ครอบครัวก็จะดูแลออย่างใกล้ชิด และงดเล่นโซเชียลฯ หรือดูไลฟ์สดของพ่อ
นอกจากนี้ สิ่งที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าพ่อไปสนิทกับเอฟซีบางคนนั้น ตนไม่เคยทราบข้อมูลมาก่อน แต่สำหรับพ่อเป็นคนปากหวาน เพราะเคยเป็นพ่อค้าขายปลามาก่อน แต่ถ้าจะถามว่าพ่อไปมีความสัมพันธ์กับเอฟซีคนดังกล่าวหรือไม่นั้น ตนก็ยังมองไม่เห็นเค้าโครงของข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากจำกันได้ก่อนหน้านี้เคยเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เนื้อหาของเพลง อยากเป็นป้าแต๋นแฟนลุงพล ออกจากยูทูบ ซึ่งขับร้องโดย "พิมพ์จ๋า" กระทั่ง "ยิ่งยง ยอดบัวงาม" ออกมชี้แจงว่า ตนและทีมงานได้ลบเพลงดังกล่าวออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 6 ก.พ.64 เพื่อความสบายใจของทุกคน ทั้งนี้ "อี๊ด โปงลางสะออน" ก็ได้แซว "ยิ่งยง ยอดบัวงาม" ผ่านรายงานช่องยูทูบ "Eed Ponglang" ว่าทำไมถึงต้องลบเพลงนี้ เพราะยอดวิวกว่า 70 ล้านวิว ทำให้ยิ่งยง ตอบกลับสั้น ๆ ว่า "เอ่อ...ไปเหอะ" ซึ่งเผยแพร่ไว้เมื่อ 18 พ.ย.64 ที่ผ่านมา
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา กล่าวว่า ในความคิดของตนสาเหตุที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ตั้งโต๊ะแถลงข่าวไม่รับทำคดีให้กับนายไชย์พล เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรที่น่าแปลกใจเลย เนื่องจากทนายอนันต์ชัย เป็นทนายความที่มีคุณธรรม ชอบนั่งสมาธิ บำเพ็ญเพียร เขาคงมองจากสายตาธรรมก็ดูรู้แล้วว่า สมควรรับทำคดีหรือไม่ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องยูทูเบอร์หรือไม่ ตนมองว่าทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้ว อยากให้ลุงพลโทษตัวเองบ้าง ไม่ใช่โทษแต่ยูทูเบอร์ เพราะเขาเป็นคนเลือกยูทูเบอร์เอง
ส่วนประเด็นเรื่องการตั้งค่าใช้จ่ายของทนายความ ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ตนเชื่อในตัวของทนายตั้ม ในประเด็นเรื่องเงิน 10 ล้านทิพย์ เพราะมันไม่มีอยู่จริง ส่วนเรื่องที่ทนายอนันตชัย ออกมาบอกว่าลุงพลไม่ให้เกียรตินั้น ส่วนตัวอยากให้สังคมมองดูว่า ที่ผ่านมาลุงพลเคยให้เกียรติใครบ้าง แม้กระทั่งทนายตั้มที่ถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก แต่ก็ยังเป็นผู้แบกรับปัญหาของลุงพลไว้ ในทางกลับกันวันนี้เองลุงพลเลือกที่จะไม่ปกป้องทนายตั้ม แต่ไปปกป้องคนของตัวเอง ซึ่งตนรู้สึกเห็นใจทนายตั้ม เป็นอย่างมาก
สุดท้ายนี้ ตนอยากฝากไว้ว่า ถ้าลุงพลเป็นผูบริสุทธิ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ้างทนายดัง ๆ แต่เลือกใช้ทนายอาสาก็ยังได้ ขอจงอย่ากลัว ถ้าไม่ได้ทำ หลักฐานก็คงไม่มี ต่อให้มีมากกว่า 10 ทนายตั้ม ถ้าทำผิดกฎหมายก็ไม่รอด