จากกรณีชาวบ้านซอยหอยลาย อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ร้องเรียนกับสภาทนายความถึงปัญหาทางสัญจรออกจากซอยชุมชน ที่มีความคับแคบ และมีน้ำครำท่วมขัง และต้องลุยน้ำเช่นนี้มาเกือบ 20 ปี
วันที่ 5 ธ.ค. 61 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ซอยหอยลาย ชุมชนแม่โจ้ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พบว่า มีเสาไม้ 2 ต้นปักที่หน้าปากซอย และมีป้ายติดว่า "พื้นที่ส่วนบุคคล" มีกล้องวงจรปิดหันเข้าไปในซอย และพบว่าวันนี้ น้ำลดระดับลงจนเห็นพื้นโคลนที่เปียกแฉะ ภายในซอยมีแท่งปูน และไม้ปูบนพื้นเพื่อไว้ใช้เดินเท้า
ลักษณะของพื้นซอยต่ำกว่าถนนหลักประมาณ 30 เซนติเมตร มีความกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร รถมอเตอร์ไซค์เข้าไม่ได้ ซึ่งเป็นทางเดินเข้าซอย ความยาวประมาณ 20 เมตร ใกล้กัน พบสะพานปูนที่ใช้เดินสัญจรในชุมชน ทางเดินยาวกว่า 100 เมตร มีบ้านเรือนกว่า 30 หลังคาเรือน สุดซอยติดกับคลองด่าน และไม่มีทางออกอื่น ๆ
นางลำไย เชิดฉาย อายุ 75 ปี ชาวบ้านในชุมชน เปิดเผยว่า ตนอยู่ในชุมชนและต้องใช้ซอยแคบในการเดินสัญจรทุกวัน ประสบความลำบากมาก เวลาน้ำทะเลหนุนสูงจนท่วมซอย ซึ่งจะท่วมเดือนละ 2 ครั้งติดต่อกันประมาณ 7 วัน และน้ำจะลดแห้งลงไม่ถึง 7 วันก็ท่วมอีก ซึ่งระดับน้ำสูงกว่า 30 เซนติเมตร พ้นหัวเข่า บางครั้งตนเดินผ่านขณะน้ำท่วม ก็หกล้ม เด็กเล็กก็เดินผ่านไม่ได้ ต้องให้พ่อแม่จับขี่หลังแล้วเดินผ่านไปเพื่อไปส่งโรงเรียน บางครั้งขนศพออกจากซอย ศพก็ตกน้ำ เนื่องจากทางที่คับแคบและเดินลำบาก ตนจึงต้องการขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ
เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ชาวบ้านในชุมชนเคยพูดคุยกับเจ้าของที่ดินซึ่งมีบ้านอยู่หน้าซอย เพื่อสร้างสะพานปูนไว้เดินเข้า แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมและอ้างว่าเป็นที่ดินที่มีโฉนด ไม่ให้ทำการใด ๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าทางเทศบาลจะมาขอดำเนินการสร้างสะพาน เจ้าของที่ดินก็ไม่ยอม แม้จะลงขันซื้อที่ซอยดังกล่าว เจ้าของที่ก็ไม่ขาย ซึ่งคนในชุมชนก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร จึงต้องทนมาโดยตลอด
นางลำไย กล่าวต่อว่า ซอยดังกล่าวตนเดินมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้อายุ 75 ปีแล้ว ซึ่งบรรพบุรุษตนใช้ทางดังกล่าวสัญจรมากกว่า 200 ปี เมื่อก่อนนั้นซอยดังกล่าวค่อนข้างกว้าง และน้ำไม่ท่วม แต่เรื่องจากบ้านเรือนที่มากขึ้น จึงทำให้เกิดน้ำขัง อีกทั้งเจ้าของบ้านหน้าซอยก็สร้างบ้านเบียดทั้ง 2 ข้าง จนทำให้ซอยแคบลง ซึ่งชาวบ้านก็เคยขอร้องว่าให้ช่วยเว้นเส้นทางให้ แต่เขาก็ไม่ยอม และมักจะอ้างว่าเป็นที่ดินมีโฉนด
นางลำไย พูดทั้งน้ำตาว่า เสียใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ในแต่ละวันต้องตื่นมาดูว่าน้ำขึ้นถึงระดับไหน ถ้าท่วมสูง ก็ไม่อยากเดินออกจากบ้าน ซี่งตนต้องทนแบบนี้มาเกือบ 20 ปีแล้ว จึงต้องการขอความเห็นใจ เพราะชุมชนตนเดินเข้าออกได้ทางนี้เพียงทางเดียว คนแก่ คนป่วยในพื้นที่ก็ลำบากมาก
ด้าน
นายเฉลิมชัย แสงคำ อายุ 70 ปี ชาวบ้านในชุมชน เปิดเผยว่า ตนขาพิการ เดินไม่ได้มาหลายปี หากจะไปหาหมอ หรือออกจากซอย ก็ต้องให้คนช่วยพยุง และช่วยลากเดินฝ่าน้ำครำออกจากซอย ซึ่งตนก็จำเป็นต้องฝ่าออกไป เนื่องจากจำเป็นต้องไปหาหมอทุกเดือน ตนอยากให้เจ้าของที่ดินลองมาเหยียบโคลน ดินเลน แบบพวกตนบ้าง จะได้รู้ว่ารู้สึกอย่างไร ซึ่งตนลำบากมาก เพราะน้ำจะท่วมทุกครั้งที่น้ำคลองหนุนสูง และฝนตก ซึ่งตนคิดว่าเจ้าของที่ดินก็เห็นว่า คนพิการอย่างตนฝ่าน้ำครำลำบากมากขนาดไหน และคิดว่าเขาควรมีจิตสำนึก เมื่อเห็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันลำบาก "ขี้หมาแห้ง ๆ ยังทำยาได้ แต่คนแบบนี้นำไปทำยาลำบาก เพราะเขาเห็นพวกตนลำบากมาเกือบ 20 ปี แต่ก็ไม่เคยช่วย ก็ไม่รู้ว่าจะขอความเห็นใจเขาอย่างไร เพราะเขาไม่เห็นใจ ซึ่งชาวบ้านก็เดินผ่านทางดังกล่าวมากว่า 200 ปี แต่ก็ทำอะไรไม่ได้"
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ตนเคยไปร้องเรียนกับเทศบาล ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่เคยได้ยินว่า เจ้าของที่จะยอมขายที่ดินทางเข้าซอยในราคา 300,000 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่ยอมขาย
ด้าน
เจ้าของที่ดิน ยอมรับว่า รู้เรื่องความลำบากของคนในชุมชน ที่ดินดังกล่าวอาจจะดูเล็กน้อยสำหรับคนในชุมชน แต่ถือว่ามากสำหรับตน จึงสงสารตัวเองมากกว่า ต้องการขอความเป็นธรรมด้วย เพราะแม้ว่าชาวบ้านจะเดินมานานถึง 200 ปี แต่มันก็คือที่ดินของตนซึ่งมีโฉนดถูกต้อง จึงไม่อยากไปโต้เถียง เพราะคนในชุมชนมีเยอะกว่า แต่ครอบครัวตนมีกันแค่ 3 คน จึงต้องการให้หน่วยงานรัฐเข้ามาช่วยเหลือ และหาทางออกให้กับคนในชุมชน มากกว่าจะเอาที่ดินของตนไปทำเป็นที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยเรียกเงิน 300,000 บาท และยืนยันว่าจะไม่ยอมขายที่ดินทางเดินดังกล่าว แต่ตนก็อนุญาตให้เดินผ่านได้ และไม่อนุญาตให้ทำอะไรบนที่ของตนเป็นอันขาด