จากกรณีทนายรัชพล ศิริสาคร และผู้เสียหายเข้าแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังถูกบุคคลร้านที่พักข้อหาเปิดเว็บพนันออนไลน์ พร้อมถูกขังหลายชั่วโมง ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ไม่แจ้งดำเนินคดี แต่ผู้เสียหายพบทรัพย์สินสูญหายมูลค่ากว่า 80,000 บาท
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม มุมแรกเป็นบริเวณชั้น 1 ของอาคาร จะเห็นพฤติกรมของกลุ่มตำรวจ ที่เข้ามาในร้านจำนวน 8 คน เดินเข้ามาที่ร้านตั้งแต่ชั้น 1 ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้น 2 ทันที โดยมีตำรวจอีกนายนั่งเฝ้านายพิพัฒน์พงศ์อยู่ที่ร้านขายอุปกรณ์เดินป่าที่ชั้นล่าง ส่วนกล้องวงจรปิดด้านบนพบตำรวจนายหนึ่งหยิบขวดเหล้าไปจำนวน 2 ขวด
ต่อมาเป็นกล้องวงจรปิดมุมด้านล่างร้าน หลังจากที่ตำรวจนายหนึ่งได้หยิบขวดเหล้า 2 ขวด และเดินออกจากร้านไป และกล้องวงจรปิดหน้าร้าน ลานจอดรถก็สามารถจับภาพได้ เห็นตำรวจนายนี้ถือขวดเหล้าออกไปที่รถ
ล่าสุด วันที่ 10 ธันวาคม 2564 ทีมข่าวอมริทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายัง สภ.คูคต เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทนายรัชพล ศิริสาคร และนายสิทธิวัชร์ เจริญยิ่งสุข ผู้เสียหาย เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติม
ทนายรัชพล ศิริสาคร พร้อมนายสิทธิวัชร์ เจริญยิ่งสุข ทนายความ และผู้เสียหาย เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองได้พาผู้เสียหายเดินทางมาที่สภ.คูคต เพื่อมาให้ปากคำเพิ่มเติม เมื่อมาถึง ผกก.แจ้งว่า ทางตำรวจภูธรภาค 1 และ ผบ.ตร.ได้รับทราบเรื่องแล้ว จึงสั่งการให้ดูปลคดีนี้อย่างเป็นธรรมที่สุด โดยวันนี้ได้ให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ 2 คน คือเจ้าของที่พัก และพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ และหลังจากนี้ตำรวจจะลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อดูลักษณะเพิ่มเติม
โดยตนเองมั่นใจว่ามีหลักฐานชัดเจนว่าจะสามารถจะเอาผิดตำรวจชุดนี้ได้ เพราะตำรวจเอาของไปและไม่นำมาคืน รวมถึงตนเองอยากจะฝากเป็นข้อมูลกฎหมายถึงประชาชนทั่วไปว่าเมื่อมีตำรวจมาขอค้นบ้าน ไม่ว่าจะมีหมายค้นหรือไม่ก็ตาม ต้องมีพยาน ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านอยู่ด้วย หรือมีพยานคนอื่นอย่างน้อย 2 คน จะมาทำการค้นเองโดยพลการไม่ได้ เพราะเสี่ยงต่อการจะยัดสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนเป็นตำรวจมาจากท้องถิ่นอื่นนั้นสามารถตรวจค้นได้ หากมีหมายค้น
ขณะที่นายสิทธิวัชร์ เจ้าของบ้าน กล่าวเพิ่มเติมว่า มีความมั่นใจและโล่งใจมากขึ้น ตั้งแต่ได้เจอกับทนายรัชพล และ ผกก.สภ.คูคต ก็ยังบอกว่าจะดำเนินการถึงที่สุด ซึ่งตนเองก็มีความมั่นใจมากขึ้น ส่วนทรัพย์สินหลายรายการที่หายไป ที่ต้องใช้ในการประกอบอาชีพได้ซื้อมาทดแทนแล้ว ต้องการจะดำเนินคดีกับตำรวจที่มาตรวจค้นตามกฎหมาย ตนเองยังยืนยันว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายแน่นอน
นายพิพัฒน์พงศ์ ทองด้วง อายุ 25 ปี เจ้าของร้านขายอุปกรณ์เดินป่า เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 64 โดยตนเองนั่งอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคารดังกล่าว ก่อนมีการบุกเข้ามาตรวจค้นในร้าน ตนเองสังเกตเห็น ชายแต่งกายคล้ายตำรวจนอกเครื่องแบบ จำนวนหลายนาย มาสังเกตการณ์หน้าร้าน ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นตำรวจ ต่อมามีน้องคนหนึ่งตนเองไม่ทราบชื่อ ซึ่งเป็นพนักงานที่มำงานชั้น 2 กำลังจะเดินเข้าร้าน แต่ตำรวจได้เรียกตัวและนั่งพูดคุยกันอยู่หน้าร้านนานนับชั่วโมง จากนั้นตำรวจ 8 นาย เดินเข้ามาในร้าน ตนเองค่อนข้างตกใจ โดยสังเกตเห็นเอกสารคาดว่าน่าจะเป็นหมายค้น
จากนั้นตำรวจทั้งหมดก็ขึ้นไปที่ชั้น 2 แต่มีตำรวจนายหนึ่งนั่งเฝ้าตนเอง และให้นำโทรศัพท์มือถือมาวางที่เคาน์เตอร์ จากนั้นตนเองจึงถามว่าเป็นเรื่องอะไร ตำรวจบอกว่าเกี่ยวกับเว็บการพนันออนไลน์ ซึ่งตนเองก็ตกใจ เพราะไม่ทราบเรื่องมาก่อน ตำรวจยังบอกว่ามีการเปิดหน้าร้านเพื่อบังหน้า ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และมั่นใจว่าเพื่อนที่เช่าทำบริษัทเกี่ยวกับเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันก็ไม่เกี่ยวข้องเช่นกัน จากนั้นตนเองยังได้นำน้ำดื่มมาบริการแก่ตำรวจ 2-3 นายที่อยู่ชั้นล่างด้วย
ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น. ตำรวจเริ่มทยอยลงมาอยู่ที่ชั้น 1 พร้อมกับของที่ยึดบางส่วน พร้อมกับมีการมานั่งพิมพ์อะไรบางอย่าง และทยอยนำของที่ตรวจยึดขึ้นรถ ก่อนที่เวลา 21.00 น. ตำรวจได้นำตัวน้องที่อยู่ชั้น 2 จำนวน 8 คน ไปที่ สภ.คูคต ซึ่งตนเองไม่ได้เดินทางไปด้วย มาตรวจสอบภายหลังพบว่าชั้น 1 มีแก้วสเตนเลสมูลค่า 700 บาท หายไปด้วย ยอมรับว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นตำรวจมาสังเกตการณ์หน้าร้านหรือเข้ามาสอบถามเลย
ขณะที่เวลา 13.30 น. ร.ต.อ.เทียนชัย ใหม่เอี่ยม รองสารวัตรเวร สภ.คูคต เดินทางมายังที่เกิดเหตุ เพื่อที่จะตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุเพิ่มเติมแล้ว