จากกรณี ร.ต.ท.ประถม วระพันธ์ อายุ 57 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 22 อุบลราชธานี และนางสาวเบ็ญทิพย์ แสงโชติ อายุ 19 ปี ถูกสายอินเทอร์เน็ตที่หลุดออกจากตัวล็อกเกี่ยวคอบริเวณเสาไฟฟ้าหน้าร้านอาหารคุณตุ๋น บ้านดอนแค ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี ทำให้รถจักรยานยนต์ของนางสาวเบ็ญทิพย์ ล้มคว่ำ
ก่อนที่ ร.ต.ท.ประถม ซึ่งปั่นจักรยานออกกำลังกายในเช้ามืดวันเดียวประสบเหตุเป็นรายที่ 2 ทำให้ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บที่ลำคอ เพราะถูกสายอินเทอร์เน็ตเกี่ยว และมีรอยถลอกตามร่างกายจากรถล้ม รวมทั้งโทรศัพท์มือแตกเสียหาย เหตุเกิดเช้ามืดเวลาประมาณ 04.00 น. ของวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา
วันที่ 6 ธ.ค. 61 บริษัทที่รับเหมาพาดสายเคเบิลอินเทอร์เน็ต ขับรถตระเวนตรวจตราดูความเรียบร้อยของสายเคเบิลที่วางพาดมากับเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในพื้นที่หมู่บ้านบัวหลวง บ้านดอนแค และหมู่บ้านใกล้เคียงที่มีชุมชนตั้งอยู่หนาแน่น เพื่อป้องกันไม่ให้สายถูกรถขนาดใหญ่ที่มีความสูงไปเกี่ยวจนทำให้สายเคเบิลหลุดลงมาแล้วทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก
ซึ่ง
เจ้าหน้าที่ที่มาตรวจดูความเรียบร้อย เล่าว่า ปกติการพาดสายเคเบิลของผู้ให้บริการกับเสาไฟฟ้า จะถูกกำหนดไว้ไม่ให้สูงเกินสายไฟแรงต่ำของการไฟฟ้า แต่ต้องไม่ต่ำกว่าความสูงในถนนสายรอง 4 เมตรขึ้นไป และถนนสายหลักไม่ต่ำกว่า 5 เมตรขึ้นไป สำหรับสาเหตุที่ทำให้สายเคเบิลต่าง ๆ หลุดออกจากตัวยึดตามเสาไฟฟ้ามาจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ และมีความสูงมักไปเกี่ยวกับสายที่พาดระหว่างถนน ทำให้สายหลุดออกจากตัวล็อกลงมาที่พื้นถนน แต่สายจะไม่ขาดทันที เพราะสายเคเบิลของอินเทอร์เน็ต จะมีความเหนียวกว่าสายไฟทั่วไป
ขณะที่
นายสมคิด กมลภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และโทรคมนาคมแห่งชาติ เขต 22 อุบลราชธานี (กสทช.) เดินทางมาเยี่ยมและสอบถาม ร.ต.ท.ประถม กับนางสาวเบ็ญทิพย์ ผู้บาดเจ็บ โดยระบุว่าคณะกรรมการ กสทช.มีความห่วงใยสวัสดิภาพของประชาชน จึงขอทราบรายละเอียดและความต้องการของผู้ประสบเหตุทั้ง 2 ราย เพื่อไปกำชับให้เจ้าของสายเคเบิลเข้ามาดูแลอาการป่วย และชดเชยทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุ กสทช.เขต 22 อุบลราชธานี สั่งให้เจ้าของสายเคเบิล ตรวจสอบปรับปรุงการพาดสายตามเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อไม่ให้เกิดเหตุทำนองนี้ขึ้นมาอีก
ด้าน
ร.ต.ท.ประถม กล่าวว่า สำหรับสินน้ำใจค่ารักษาพยาบาลอาการบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหาย มีตัวแทนของบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ AIS ได้นำเงินตามที่ตกลงกันไว้ มาช่วยเหลือจำนวน 10,000 บาท และมอบให้นางสาวเบ็ญทิพย์ 20,000 บาท
ซึ่งตนก็ไม่ติดใจจะเรียกร้องอะไรกับอีก 2 บริษัท ที่มีสายอินเทอร์เน็ตหย่อนลงมาในคราวเดียวกัน เพราะถือเป็นอุบัติเหตุ รวมทั้งโชคยังดีที่ไม่ถึงกับเสียชีวิต จึงทำให้ตนและนางสาวเบ็ญทิพย์ พอใจกับค่าชดเชยที่ได้รับแล้ว