กรณีเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. 64 นายสุกิจ เหลืองสกุลไทย นายอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ พบศพ น.ส.เชาวนีย์ อารีย์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านเขวา หมู่ที่ 4 ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืน จำนวน 5 นัด เสียชีวิตคาที่
ขณะเดียวกันพบพลอาสาสมัคร ประยงค์ สมพงษ์ อายุ 34 ปี สังกัด พัน สห.สน.บก.บก.ทท. เป็นสามีของผู้ตาย ได้ใช้อาวุธปืนชนิดเดียวกันยิงเข้ากลางหน้าผากทะลุศีรษะ จำนวน 1 นัด ภายในศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ เลือดไหลนองพื้น ข้างกายพบอาวุธปืน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ปมปัญหาจากการนัดไปเซ็นใบหย่า แต่ตกลงกันไม่ได้นั้น
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้คลิปจากกล้องวงจรปิดมาเพิ่มเติม วินาทีหลังจากที่พลอาสาสมัครประยงค์ ก่อเหตุยิงนางสาวเชาวนีย์เสร็จแล้ว เวลา 10.41 น. พลอาสาสมัครประยงค์ก็ได้ขับรถยนต์เก๋งสีแดงมาด้วยความเร็ว ตามถนนเส้นศาลหลักเมือง เพื่อมุ่งหน้าไปศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ แล้วก่อเหตุยิงตัวตาย
วันที่ 10 ธันวาคม 2564 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังบ้านเขวา หมู่ที่ 4 ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ ซึ่งเป็นบ้านของนางสาวเชาวนีย์ ผู้เสียชีวิต โดยครอบครัวตั้งโลงศพเปล่าไว้ที่บ้าน ส่วนศพของผู้ตายจะรับช่วงค่ำของวันนี้
นายสันติชัย อารีย์ อายุ 63 ปี พ่อของนางสาวเชาวนีย์ เปิดใจว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ลูกเขยตัวเองได้มาคุยกับลูกสาวตัวเองที่บ้านแล้วว่าจะตกลงหย่ากัน กระทั่งเช้าวันที่ 9 ธันวาคม ลูกสาวและลูกเขยก็ได้ไปทำเรื่องหย่ากัน พอไปถึงที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ฝ่ายชายกลับไม่ยอมหย่า กระทั่งเขาก่อเหตุดังกล่าว
ตนคิดว่าที่ลูกเขยตัดสินใจยิงลูกสาว มาจากเรื่องหึงหวง และเรื่องที่ลูกสาวอยากหย่ากับเขา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าปมเหตุมาจากเรื่องทั้งสองฝ่ายแบ่งสมบัติหลังหย่าไม่ได้นั้น คิดว่าไม่เป็นความจริง เพราะว่าลูกสาวและลูกเขยจดทะเบียนกันได้ 1 ปี คงไม่มีสมบัติอะไรที่ต้องมาแบ่งกัน ลูกสาวตัวเองคบหากับฝ่ายชายได้ประมาณ 1 ปี ระยะหลังมานี้ ฝ่ายชายเหมือนป่วยเป็นโรคจิต เขาจะมีอาการหึงหวงลูกสาวหนักมาก และชอบกักขังลูกสาวอยู่แต่ในห้อง ทำร้ายร่างกายลูกสาว จนลูกสาวขอกลับมาบ้านเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ เขาก็ไม่ให้มา
โดยวันที่ 7 ธันวาคม ขณะที่ลูกเขยไปทำงาน เขาได้ขังลูกสาวไว้ในห้องเช่าที่กรุงเทพมหานคร ลูกสาวจึงงัดหน้าต่าง แล้วปีนหน้าต่างห้องเช่าออกมา กระทั่งหนีกลับบ้านเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ แล้วลูกสาวก็บอกกับตัวเองว่าทนสามีไม่ไหวแล้ว สามีทำเหมือนลูกสาวเป็นทาส พอฝ่ายชายรู้เรื่องว่าลูกสาวหนีกลับบ้าน เขาก็ตามมาเพื่อจะง้อขอลูกสาวคืนดี ส่วนที่ฝ่ายชายไปพูดกับญาติของเขาว่า หากลูกสาวไม่ยอมกลับไปคืนดีกับเขา เขาจะฆ่าลูกสาวนั้น ตนก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน และไม่เคยคิดว่าเขาจะก่อเหตุถึงขั้นนี้
ก่อนจะเกิดเหตุ ช่วงเช้าเมื่อวานนี้ก่อนจะไปหย่ากันที่อำเภอ ลูกเขยได้นำขันธ์ดอกไม้ใส่เงิน 1,000 บาท แล้วมาไหว้ขอขมาตัวเองและภรรยา แล้วเขาก็บอกว่าขอโทษที่เคยทำร้ายร่างกายลูกสาว เหตุครั้งนี้ตัวเองก็ขออโหสิกรรมให้กับลูกเขย ตั้งแต่เกิดเหตุมาญาติของฝั่งลูกเขย เขาก็ยังไม่ได้มาขอโทษครอบครัวตัวเองแต่อย่างใด หลังจากนี้ ตัวเองก็ต้องดูแลหลาน 2 คนต่อไป
นอกจากนี้ กรณีที่มีรายงานข่าวมาว่าสาเหตุหนึ่งที่พลอาสาสมัครประยงค์ไม่อยากหย่ากับลูกสาวตัวเอง เพราะว่าเขาได้ให้เงินลูกสาวไปเยอะแล้วนั้น ตัวเองไม่รู้เรื่องมาก่อน เพราะลูกสาวและลูกเขยไปจดทะเบียนกันที่กรุงเทพมหานคร แล้วก็อยู่กินกันที่นั่น ซึ่งที่ผ่านมาลูกสาวก็ไม่เคยบอกว่าฝ่ายชายให้อะไรบ้าง ส่วนรถยนต์ที่เป็นทรัพย์สินของลูกสาวนั้นก็ซื้อตั้งแต่ก่อนที่จะคบหากับฝ่ายชายแล้ว ทั้งสองคนไม่มีทรัพย์สินร่วมกันแต่อย่างใด
ที่วัดกระแชง ญาติได้ตั้งโลงเปล่า ละมีการเตรียมงานศพของพลอาสาสมัคร ประยงค์ สมพงษ์ ซึ่งจะมีการสวดอภิธรรมช่วงเย็นวันนี้ โดยศพของพลอาสาสมัครประยงค์ จะตั้งคนละที่กับศพของนางสาวเชาวนีย์
นางคำมี ลายคราม แม่ของฝ่ายชาย เปิดใจว่า วันนี้ตัวเองไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะได้ให้ข่าวไปค่อนข้างเยอะแล้ว ส่วนศพของลูกชายหลังจากรับศพมา ก็จะนำไปฝังต่อไป ตัวเองยอมรับว่าลูกชายเป็นคนค่อนข้างขี้หึง โดยเฉพาะนางเชาวนีย์ ภรรยาของเขา ลูกชายจะหึงหวงเขามาก ส่วนเรื่องที่ลูกชายกักขังฝ่ายหญิงไว้ในห้อง ตัวเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้
วันเกิดเหตุเมื่อวานนี้ ตัวเองก็อยู่ในเหตุการณ์ เห็นตอนลูกชายหยิบปืนออกมาจากรถ แล้วลูกชายก็วิ่งมาก่อเหตุยิงนางสาวเชาวนีย์ ทำให้ตัวเองห้ามเขาไว้ไม่ทัน