กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปากคลองสาน รับแจ้งเหตุเวลา 06.30 น. ของวันที่ 12 ธ.ค.64 คนขับรถแท็กซี่ จอดรถบนสะพานกรุงเทพ เตรียมที่จะกระโดดสะพาน โดยใช้มีดจี้คอตัวเองนั่งห้อยขาบนราวสะพาน เพราะมีปัญหาหนี้สิน ก่อนที่พลเมืองดีพร้อมทีมเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง บวรบางพลัด วัดภานุรังษี ช่วยกันกล่อมจนสำเร็จ ใช้เวลานานกว่า 30 นาที
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ทราบว่าแท็กซี่คนดังกล่าวชื่อว่า นายไตร (นามสมมติ) อายุ 58 ปี พักอาศัยย่านบางแค ขับแท็กซี่ส่วนบุคคลสีเขียว-เหลือง ขณะนี้ปลอดภัยดี และกลับไปพักผ่อนที่บ้านแล้ว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายไตร เปิดเผยว่า สาเหตุที่ตัดสินใจคิดสั้นเพราะหาทางออกไม่ได้ ในการหาเงินมาจ่ายค่างวดรถแท็กซี่ที่ค้างชำระมา 3 งวด และจะค้างงวดที่ 4 แล้วยังถูกแก๊งกู้เงินหลอก จากเดิมที่มีเงินเก็บหอมรอมริบเอาไว้ 15,000 บาท เพื่อจ่ายค่างวดรถในวันที่ 27 ของทุกเดือน ยอมรับก่อนตัดสินใจคิดสั้นได้โทรศัพท์ไประบายกับพี่สาวแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรตนได้ แม้จะไปแจ้งความไว้ที่ สน.เพชรเกษม แต่ตำรวจก็บอกว่าติดวันหยุด ยังแจ้งอายัดบัญชีไม่ได้
โดยเหตุการณ์ถูกหลอกเริ่มจากวันที่ 5 ธันวาคม 64 ที่ผ่านมา ตนเห็นโฆษณาชักชวนกู้เงินในเฟซบุ๊ก จึงลองติดต่อไป แอดมินจึงให้แอดไลน์เพื่อดำเนินการกู้เงินจำนวน 20,000 บาท มีช่องให้กดเลือกโดยคำนวณดอกเบี้ยให้แล้ว และตนเลือกผ่อน 2 ปี เดือนละ 1,033 บาท เป็นเงินต้น 800 บาท และดอกเบี้ย 233 บาท จึงมองว่าดอกเบี้ยไม่สูงมากมายพอจะจ่ายไหว
"ตอนแรกแอดมินแจ้งไม่มีค่าดำเนินการ แต่ต้องเสียค่าดำเนินการ ค่าเอกสาร ค่าเปิดบัญชี ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โอนครั้งละหลักพัน รอบนี้เสียเงินไปทั้งหมด 9,000 บาท แบ่งเป็นยอดแรก 2,000 บาท รอบ 2 ค่าเอกสาร 1,500 บาท รอบที่ 3 อีก 1,500 บาท รอบที่ 4 อีก 2,000 บาท และรอบสุดท้ายค่าใช้จ่ายอื่นอีก 2,000 บาท หลังจากนั้นแอดมินตอบมาทางไลน์ให้คุยกับนายทุนใหญ่ ซึ่งเป็นจะคนปล่อยเงินกู้ และสัญญาว่าจะโอนเงินกู้ให้ทันที แต่ท้ายสุดก็ไม่โอน และไม่ตอบข้อความอีกเลย นาทีนั้นไม่มีจิตใจจะขับรถส่งผู้โดยสารแล้ว จึงตัดสินใจไปแจ้งความที่ สน.เพชรเกษม" นายไตร กล่าว
หลังจากนั้นวันที่ 8 ธันวาคม 64 ตนเห็นโฆษณาจึงแอดไลน์ติดต่อไปอีกครั้ง สอบถามไปว่าหากต้องการกู้ 10,000 บาท จะต้องมีค่าดำเนินการหรือไม่ แอดมินตอบข้อความมาว่า ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ด้วยความเชื่อใจจึงส่งเอกสารทั้งหมด แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลากลับบอกว่ามีค่าดำเนินการต่าง ๆ โดยให้โอนครั้งละ 300 บาท โดยระหว่างที่ตนโอนไปแล้ว 1,200 บาท ตนพยายามสอบถามแอดมินแจ้งว่ายกเลิก แต่แอดมินส่งเอกสารบางอย่างดูน่าเชื่อถือ มีใบเงินกู้ครบถูกต้อง จึงตัดสินใจโอนไปอีก ประมาณ 7,500 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่โอนเงินมาให้ตน โดยอ้างว่าไม่สามารถโอนให้ได้ ต้องถ่ายหน้าบัตรประชาชน แอดไลน์หานายทุน แต่ตนบอกว่าทำไม่เป็นสุดท้ายแอดมินก็เงียบหายไป
ทั้งนี้ ตนเหลือเงินติดอยู่ในบัญชีทั้ง 3 บัญชีเพียง 13.67 บาท ความรู้สึกตอนนั้นเครียด กังวลใจเนื่อง คิดไม่ตก สุดท้ายเครียดไม่รู้จะระบายที่ไหน จึงตัดสินใจขับรถแท็กซี่ออกจากที่พักเพื่อกระโดดแขวนคอที่สะพาน ขณะเดียวกัน รถขับผ่านไปมาก็มาช่วยกันห้าม กระทั่งมีคนพูดกับตนเองว่า หากหนีปัญหาคนข้างหลังจะอยู่อย่างไร ทำให้ตนนึกถึงหน้าภรรยา รวมถึงลูก ๆ จึงตัดสินใจไม่คิดสั้น แต่บอกกับตัวเองว่า จะต้องกลับมาสู้ เพราะถ้าตนตายไปคนข้างหลังก็แค่จัดงานศพ ส่วนคนโกงก็ลอยนวล
นางนวลอนง (นามสมมติ) อายุ 56 ปี ภรรยา เล่าให้ฟังว่า ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าสามีนำเงินเก็บโอนไปให้มิจฉาชีพเพื่อกู้เงิน แต่ก็แอบสงสัยว่า เมื่อ 2 วันก่อนสามีกินเบียร์ ทั้งที่เลิกบุหรี่ เลิกเบียร์มาพักใหญ่แล้ว แต่ตนก็แค่เตือนว่าอย่ากินเยอะ เป็นห่วงสุขภาพ ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะตนกับสามีจะผลัดกันขับแท็กซี่คนละกะ เพื่อหาเงินจ่ายค่างวดรถ เดือนละ 14,105 บาท ที่ผ่านมาตนก็จ่ายค้างวดรถ
กระทั่งมาเจอสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ค้างค่างวดรถ 3 งวด แต่ก็พยายามหาเงินมาจ่าย ตนยอมรับว่าสามีก็รู้ไม่เท่าทันแก๊งมิจฉาชีพ ตนก็ด่ากลับแก๊งมิจฉาชีพทุกครั้งว่า "โทรมาทำไม" และบอกสามีเสมอ ตนก็ยัง งง ๆ ว่าสามีไปเสียรู้ได้อย่างไร และก็ไม่อยากจะโทษ หรือแม้แต่จะโกรธ เพราะตนก็รักกันมานานถึง 30 ปี ก็ให้อภัย และหลังจากนี้ต้องหาเงินมาจ่ายค่างวดรถให้ได้ ตอนนี้ก็ได้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันติดตาม และเห็นว่าจะมีตำรวจไซเบอร์เข้ามาช่วยเหลืออีกทาง ส่วนตนกับสามีก็จะสู้กันต่อไป
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.สน.ปากคลองสาน ให้ข้อมูลว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณ 06.30 น. เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครช่วยกันกล่อมนานกว่า 30 นาทีจนสำเร็จ โดยได้อธิบายให้คุณลุงเข้าใจว่า พนักงานสอบสวน สน. เพชรเกษม ได้ติดตามคดีอย่างใกล้ชิด ขณะนี้เหลือเพียงรอเอกสารจากทางธนาคารเพื่อเตรียมออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง แต่ในตอนแรกลุงคนขับแท็กซี่ มีอาการเครียด และน้อยใจ โดยเข้าใจว่า ตำรวจ สน.เพชรเกษม ไม่ติดตามคดีให้ แต่เมื่ออธิบายก็คลายความกังวล และไม่คิดสั้น
นอกจากนี้ พ.ต.ท.สมพร พรธานิศกุล สว.(สอบสวน) สน.เพชรเกษม ได้ออกหมายเรียกในพยานเอกสารครั้งที่ 1 แล้ว เรื่องของการจอตรวจสอบบัญชีความเคลื่อนไหวบัญชี และจออายัดบัญชีไปยังกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารดังกล่าวที่ลุงแท็กซี่โอนเงินไป โดยระงับบัญชี และติดตามการถ่ายโอนเงินไปยังบัญชีอื่น ๆ และวงจรปิดของผู้ถอนเงินบัญชีด้วย