เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. ของวันที่ 14 ธ.ค.64 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ ได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอำนาจเจริญ ว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บ้านดวงสวาง ม.7 ต.โนนโพธิ์ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ จึงได้ร่วมกันออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุบริเวณบ้านดงสวาง ต.โนนโพธิ์ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ พบกองเลือดอยู่ที่พื้นบริเวณข้างบ้านดังกล่าวจากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้ถูกยิงเสียชีวิตคือ นายสนิท เหลืองอ่อน อายุ 35 ปี ถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย
ผู้ก่อเหตุคือนายจุฬา หรือ เป็ก พระสุรัตน์ อายุ 26 ปี หลังจากก่อเหตุแล้วได้วิ่งหลบหนีไปที่บ้านพัก ซึ่งเจ้าหน้าที่พบผู้ก่อเหตุยืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน
จากการสอบถามผู้ก่อเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ก่อเหตุได้ไปดูงานแสดงหมอลำ อยู่บริเวณงานบวชภายในหมู่บ้าน ต่อมาได้ถูกกลุ่มของผู้ตายรุมตีที่บริเวณข้างเวทีหมอลำ ตนได้กลับมาที่บ้านที่เกิดเหตุ และกลุ่มของผู้ตายได้ตามมารุมทำร้ายตนอีกครั้ง โดยผู้ตายได้ถืออาวุธปืนมาด้วย แล้วเล็งปืนใส่ ตนจึงได้วิ่งหลบหาทีกำบัง และได้ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาด้วย ยิงสวนไปจำนวน 1 นัด ก่อนที่จะวิ่งหลบหนีไป
ซึ่งกลุ่มของผู้ตายก็ได้วิ่งไล่ตาม และยิงปืนไล่ตามหลังมาจำนวน 5 นัด ขณะวิ่งหลบหนี ตนได้คัดปลอกกระสุนปืนที่บริเวณป่าทางด้านทิศใต้ของที่เกิดเหตุ และบรรจุกระสุนใหม่จำนวน 1 นัด ก่อนที่จะนำอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุไปซุกซ่อนไว้ที่บริเวณป่า ด้านทิศตะวันออกของบ้านผู้ก่อเหตุ แล้วก็กลับมานอนที่บ้าน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุม
นางเชอรี่ (นามสมมติ) ภรรยาของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า หลังจากทราบว่าสามีก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต ยอมรับว่าตกใจมาก โดยตอนเกิดเหตุตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์กับสามีแต่อย่างใด หลังจากสามีถูกจับกุม ตัวเองได้สอบถามสามีถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น สามีเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเขาได้ไปดูหมอลำ แล้วเขาถูกกลุ่มผู้ตายประมาณ 30 คน มาหาเรื่องเขา แล้วรุมทำร้ายร่างกายสีมีที่ข้างเวทีหมอลำ 30 ต่อ 1 พอสามีกลับมาบ้าน กลุ่มผู้เสียชีวิตก็ขับรถกระบะจำนวน 2 คัน มากันประมาณ 30 คน เพื่อจะทำร้ายร่างกายสามี แล้วพวกเขาก็มีอาวุธปืนมาประมาณ 7 กระบอกด้วย
สามีตัวเองก่อเหตุยิง เพราะเป็นการป้องกันตัว เพราะถ้าสามีไม่ทำก็อาจโดนกลุ่มผู้เสียชีวิตยิงก็ได้ สำหรับสามีตัวเองและกลุ่มผู้ตาย เป็นคนรู้จักกันด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน สำหรับสามีตัวเองเป็นคนนิสัยปกติทั่วไป ไม่ค่อยพูด และเข้าได้กับทุกคน วันนี้ตัวเองก็ซื้อข้าว และนำผ้าห่มมาเยี่ยมสามี ที่อยู่ในห้องคุมขัง
ตนขอยืนยันว่าสามีทำไปเพราะป้องกันตัว ไม่ได้หวังเอาให้ถึงตาย ส่วนอาวุธปืนที่สามีใช้ก่อเหตุ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าสามีไปเอาปืนมาจากที่ไหน ตอนนี้ตัวเองอยู่ระหว่างหาหลักทรัพย์มาประกันตัวสามี เหตุที่เกิดขึ้น ตัวเองก็ไม่มีคำพูดอะไรที่จะฝากถึงฝั่งครอบครัวคนตาย
วงจรปิดบริเวณบ้านตรงข้ามจุดเกิดเหตุมาจำนวน 3 คลิป วงจรปิด 1 เป็นคลิปตอนที่กลุ่มผู้ตายขับรถกระบะมาบ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของญาติผู้ก่อเหตุ วงจรปิด 2 เป็นตอนเกิดเหตุ ในคลิปจะได้ยินเสียงปืน เวลา 03.13 น. และเวลา 03.14 น. จะมีเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง และช่วงท้ายคลิปก็จะเห็นกลุ่มของผู้ตายวิ่งหนีออกมาจากที่เกิดเหตุ วงจรปิด 3 ในคลิปจะเห็นรถของฝั่งผู้ตายและกลุ่มผู้ตายวิ่งกลับ และมีเสียงปืนดังขึ้นในเวลา 03.15 น. และมีเสียงปืนดังอีก 1 นัด
ทีมข่าวเดินทางมายังบ้านของนายสนิท เหลืองอ่อน อายุ 35 ปี ผู้เสียชีวิต บรรยากาศที่บ้านผู้เสียชีวิตยังไม่มีการจัดงานศพ เนื่องจากครอบครัวยังไม่มีการรับศพผู้ตาย นางแสวง พรมทา อายุ 56 ปี แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อคืนนี้ตัวเองนอนไม่หลับทั้งคืน กระทั่งเวลาประมาณตี 3 กว่า ๆ มีญาติโทรมาแจ้งข่าวกับตัวเองว่าลูกชายเสียชีวิต ยอมรับว่าตัวเองตกใจมาก
สำหรับปมที่ลูกชายถูกยิง ตัวเองทราบแค่ว่ากลุ่มลูกชายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ มีปัญหาทะเลาะกันในงานหมอลำ พอหมอลำจบต่างฝ่ายก็ต่างแยกย้าย จากนั้นฝั่งผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์มาหากลุ่มลูกชายตัวเองให้ไปเคลียร์กับพวกเขา กลุ่มลูกชายนั่งรถกระบะไป 1 คัน พอไปเคลียร์กันอีกรอบ ลูกชายก็ถูกยิงเสียชีวิต ยอมรับว่าลูกชายเป็นคนอารมย์ร้อน ตัวเองเคยบอกเขาหลายครั้งแล้วว่าไม่ให้ไปเที่ยวงานกลางคืน เพราะลูกชายเคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายและพกพาอาวุธปืนมาเมื่อ 1 ปีที่แล้ว แต่เขาก็ไม่ฟัง
ทั้งนี้ ลูกชายตัวเองตั้งใจจะบวชทดแทนบุญคุณให้ตัวเองเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ แต่เขาก็มาเสียชีวิตเสียก่อน ส่วนที่ฝั่งภรรยาคนก่อเหตุบอกว่าฝั่งลูกชายมีการพกอาวุธปืน 7 กระบอกนั้น ตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง ที่เขาว่าฝั่งลูกชายไปรุม 30 ต่อ 1 ตัวเองก็คิดว่าน่าจะไม่จริง คิดว่าต่างฝ่ายต่างตะลุมบอนกันมากกว่า ส่วนเรื่องคดีตัวเองก็อยากให้คนก่อเหตุได้รับโทษตามฎหมาย