กรณีผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความว่า "ขออนุญาตใช้พื้นที่หน่อยนะครับ ผมอยากจะรบกวน ขอความเป็นธรรมให้พี่สาว ที่เกิดอุบัติเหตุ รถมอไซค์ล้มที่บ้านท่าลาด คืนวันเสาร์ ที่ 12 ธันวา ที่ผ่านมา มีพยานเห็นเหตุการว่ามีรถเก๋งสีดำ วิ่งตามมา แล้วเบียดรถมอเตอร์ไซค์พี่ผมล้ม แล้วก็วนรถมาดู แล้วขับหนีกลับเข้าไปทางในเมืองอุบลฯ จึงอยากจะขอความช่วยเหลือ ผู้ใดที่ขับรถผ่าน มีกล้องหน้ารถ หรือ ผู้ใดที่มีบ้านอยู่ติดถนน แล้วมีกล้องวงจรปิดหันไปหาถนนใหญ่ ตั้งแต่ เขตบ้านทางสายถึงบ้านท่าลาด ขอรบกวนให้เช็คกล้องวงจรปิด ช่วงเวลา 00.00 น. ถึง 01.30 น. ว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ pcx สีดำแดง คนขับใส่เสื้อเเกร็บ ขับผ่าน แล้วมีรถเก๋ง สีดำขับตามมาหรือไม่ เพื่อเป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดตามตัวเจ้ารถเก๋งคันก่อเหตุ จึงขอวิงวอนขอความช่วยเหลือ ขอความเป็นธรรมให้พี่ผมด้วยครับ ผู้ใดมีหลักฐานรบกวนติดต่อผมทาง inbox ได้ตลอด 24 ชม.ครับ ขอบคุณครับ" สำหรับผู้เสียชีวิตชื่อ นางสาววิชุดา คำอ่อน อายุ 27 ปี สภาพศพมีบาดแผลรอยถลอกที่หลัง ที่ปาก และใบหน้า
วันที่ 15 ธันวาคม 2564 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังวัดราษฎร์สำราญ ซึ่งมีการประกอบพิธีฌาปนกิจของนางสาววิชุดา คำอ่อน ผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นางนางสมพร คำอ่อน แม่ผู้เสียชีวิต อยู่ในอาการร้องไห้ตลอดเวลา
หลังเสร็จพิธีฌาปนกิจศพ นางสมพร คำอ่อน แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2564 นางสาววิชุดา ลูกสาวตัวเอง ได้เลิกงานจากการขับแกร็บ จากนั้นลูกสาวได้โทรศัพท์มาหาตัวเองบอกว่าจะขอกลับดึก เนื่องจากจะไปย้อมผมให้เพื่อน ย้อมผมเสร็จถึงจะกลับบ้าน ต่อมาเวลา 02.30 น. ของวันที่ 12 ธันวาคม 2564 ญาติได้โทรศัพท์มาบอกตัวเองว่า ลูกสาวขับรถประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตคาที่ ตอนทราบข่าวตัวเองแทบช็อก
ตัวเองติดใจสาเหตุการตายของลูกสาว คิดว่ามีคนขับรถชนลูกสาวจนทำให้ลูกสาวเสียชีวิต เนื่องจากหลังเกิดเหตุมีพยานมาให้ข้อมูลกับครอบครัวตัวเองว่ามีลุงป้าคู่หนึ่งเป็นพยานที่กำลังจะขับกระบะจะมุ่งหน้าไปซื้อของที่ตลาดอำเภอกันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เห็นรถเก๋งสีดำจอดอยู่ข้างศพลูกสาว แต่ไม่เห็นตอนชน แล้วก็วนรถกลับมุ่งหน้า อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ด้วยความเร็ว ทำให้ครอบครัวติดใจว่ารถคันดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับการตายของลูกสาวหรือไม่
หากว่ารถเก๋งคันสีดำเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของลูกสาวจริง อยากให้เขามาติดต่อครอบครัวตัวเอง อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงทำกับลูกสาวแบบนี้ ตัวเองอยากให้เขามารับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ สำหรับนางสาววิชุดา ลูกสาวตัวเองนั้น เป็นคนมีนิสัยร่าเริง เป็นลูกสาวคนโตของบ้าน เป็นเสาหลักของครอบครัว ถึงลูกสาวจะเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เขาก็ทำงานขับแกร็บหาเงินเลี้ยงครอบครัว
โดยเมื่อวานนี้ ตอนที่ครอบครัวไปเชิญวิญญาณลูกสาวที่จุดเกิดเหตุ นางใบ อาของลูกสาว เป็นน้องสาวของสามีตัวเองนั้นก็ได้มีอาการร้องกรี๊ดโวยวายในที่เกิดเหตุว่า "หนูไม่ได้อยากตาย มันทำให้หนูตาย ช่วยหนูด้วย" จากนั้น เมื่อเวลา 19.00 น. หลังพระสงฆ์สวดอภิธรรมลูกสาวเสร็จ อาของลูกสาวก็มีอาการแปลกอีกครั้ง ร้องไห้เสียใจ แล้วเขามากราบตัวเองกับสามี พูดว่า "ดายังไม่อยากตาย ดาไม่ได้ขับรถล้มเอง มีคนขับรถเก๋งสีดำเบียดหนู เป็นผู้ชายตัวใหญ่ 2 คน เขาเกลียดดามานานแล้ว จ้องทำร้ายดาหลายครั้งแล้ว" ซึ่งตัวเองก็เชื่อว่าลูกสาวตัวเองมาเข้าสิงร่างอาของเขา เพราะตัวเองจำน้ำเสียงลูกสาวได้ ลูกสาวก็เรียกแทนตัวเองว่า "ดา" ที่ลูกสาวมาสื่อสารผ่านอาของเขา เพราะว่าอาหลานคู่นี้รักและผูกพันกันมาก ตัวเองอยากให้ตำรวจช่วยคลี่คลายคดีลูกสาวให้ได้โดยเร็ว ถ้ามีผู้กระทำความผิดจริง ก็อยากให้เขามารับผิดชอบ
ด้านนางใบ อาของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ตอนนี้ร่างกายตัวเองยังรู้สึกเหนื่อยกับเหตุการณ์ที่หลานสาวมาเข้าร่าง เมื่อคืนวันที่ 13 ธันวาคม 2564 หลังจากที่หลานสาวเสียชีวิตได้ 1 วัน ตัวเองฝันว่าวิญญาณนางสาววิชุดา หลานสาวตัวเอง เขายืนร้องไห้ อยู่ในที่เกิดเหตุ และหลานสาวก็บอกว่า "หนาว อยากกลับบ้าน" ต่อมาเช้าวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ตัวเองและญาติ ได้ไปทำพิธีเชิญวิญญาณหลานสาวที่จุดเกิดเหตุ พอไปถึงจุดเกิดเหตุ ตัวเองก็มีอาการใจสั่น ควบคุมร่างกายไม่ได้ กระทั่งมาทราบภายหลังกับญาติว่า ตัวเองถูกหลานสาวมาเข้าร่าง ซึ่งนั้นคือเหตุการณ์ที่หลานสาวมาเช้าร่างตัวเองรอบแรก
ต่อมาเมื่อคืนวันที่ 14 ธันวาคม เหตุการณ์ที่ 2 หลังจากที่พระสงฆ์สวดอภิธรรมศพนางสาววิชุดาเสร็จ ตัวเองก็มีอาการใจสั่น จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัว กระทั่งลูกหลานเอาคลิปของตัวเองมาให้ดู จึงคาดว่าที่ตัวเองมีอาการตามในคลิป หลานสาวตัวเองน่าจะต้องการบอกกับครอบครัวว่าเขาถูกรถคันอื่นมาขับชน แล้วทำให้เขาเสียชีวิต มาเพื่อสื่อสารบอกคนในครอบครัว
กระทั่งเหตุการณ์ที่ 3 ช่วงบ่ายของวันนี้ระหว่างที่มีการเคลื่อนศพนางสาววิชุดาไปฌาปนกิจที่วัด ตัวเองก็ได้มีอาการใจสั่น และเหนื่อย รู้สึกอยากจะไปงานศพอยู่ตลอด ตัวเองจึงคิดว่าหลานสาวน่าจะอยากไปดูสภาพศพของเขาในโลงเป็นครั้งสุดท้าย ว่าเขาแต่งตัวสวยหรือไม่ เพราะหลานสาวชอบแต่งตัวสวยงาม แต่ทางญาติก็ไม่ให้ตัวเองไปร่วมงานศพ กลัวตัวเองเกิดอาการขึ้นอีก แล้วทำให้งานศพเป็นไปด้วยความลำบาก ตัวเองอยากบอกให้หลานสาวไปสู่สุคติ ไม่ต้องคิดมาก และอยากให้เขาไปเกิดเป็นนางฟ้าบนสวรรค์
ทีมข่าวได้วงจรปิด จากจุดก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ในกล้องเวลา 01.43 น. วันที่ 12 ธันวาคม 2564 จะเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของวิชุดาขับมาด้วยความเร็ว และมีรถยนต์คันสีดำ ขับตามหลังรถมอเตอร์ไซค์ของวิชุดามาด้วยความเร็วเช่นเดียวกันโดยกล้องตัวดังกล่าวภาพไม่ค่อยชัด จึงทำให้มองไม่เห็นชัดเจนว่ารถที่ขับตามหลังรถผู้เสียชีวิตเป็นรถชนิดใด