กรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า ถูกกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาขู่ และขอดูหัวเข็มขัดสถาบัน จะหยิบอาวุธปืนปากกาออกมาข่มขู่ แต่โชคดีที่กระเป๋ารถเมล์สามารถไล่กลุ่มวัยรุ่นไปได้
วันที่ 10 ธ.ค. 61
นายอานนท์ (นามสมมติ) ผู้โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น วันที่ 7 ธ.ค. เวลาประมาณ 17.00 น. ตนขึ้นรถเมล์สาย 203 บริเวณท่าอิฐ นนทบุรี เพื่อไปหาเพื่อนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เมื่อรถติดไฟแดงบริเวณวัดเขมาฯ ก็พบรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุ นั่งมา 2 คน ขับผ่านรถเมล์ที่ตนนั่ง ไปจอดติดไฟแดงด้านหน้า แต่เมื่อคนนั่งหลังหันมาเห็นตน ก็ขับรถจักรยานยนต์ขึ้นมาดักหน้ารถเมล์ จากนั้นมี 1 คน เดินมาฝั่งตน ส่วนอีกคนเดินมาทางประตูรถเมล์
จากนั้น คนที่เดินมาฝั่งตนจึงตะโกนถามว่า อยู่โรงเรียนไหน ขอดูหัวเข็มขัดหน่อยได้ไหม แต่ตนไม่ให้ดู เพราะไม่ได้ใส่เข็มขัดมา จากนั้นคนที่อยู่ฝั่งด้านประตูก็ตะโกนให้ตนลงจากรถ แต่ตนไม่ยอมลง จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุที่อยู่ฝั่งตนก็ชักอาวุธปืนปากกาออกมา แล้วถามว่า “จะเอาสักนัดไหม” ก่อนที่กระเป๋ารถเมล์จะไล่ให้ทั้ง 2 คนกลับไป ตนจึงยกมือไหว้ขอบคุณกระเป๋ารถเมล์
ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณกระเป๋ารถเมล์ที่ช่วยไล่คนก่อเหตุไป อีกทั้งก่อนที่ตนจะลงก็ยังบอกให้ตนดูแลตัวเองดี ๆ อีกด้วย หากวันนั้น กระเป๋ารถเมล์ไม่ช่วยไว้ ตนก็ไม่รู้จะมีโอกาสมานั่งพูดอยู่ตรงนี้หรือไม่
ด้าน
น.ส.เล็ก (นามสมมติ) กระเป๋ารถเมล์สาย 203 เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดวันที่ 7 ธ.ค. ขณะรถเมล์จอดติดไฟแดงบริเวณโรงเรียนวัดเขมาฯ พบว่า มีรถจักรยานยนต์ จอดเทียบรถเมล์ จากนั้นมีชายวัยรุ่น 2 คน เดินรอบรถ ก่อนที่จะแบ่งกันไปคนละฝั่ง จากนั้นชายคนที่อยู่ฝั่งเดียวกับนักศึกษาถามว่า “นักเรียนใช่ไหม” ก่อนที่จะยกปืนปากกาขึ้นมาจ่อ ขณะนั้นนักศึกษาตอบว่า “ไม่ใช่” แล้วจึงวิ่งไปนั่งด้านหลังรถ
จากนั้น วัยรุ่นที่อยู่บริเวณประตูรถเมล์พยายามจะขึ้นมาบนรถ ตนจึงรีบบอกคนขับว่าไม่ต้องเปิดประตู พร้อมกับช่วยพูดว่าเด็กที่นั่งอยู่บนรถไม่ใช่นักเรียน กลุ่มวัยรุ่นจึงกลับไป และเมื่อเดินทางมาถึงหน้าสถาบันที่นักศึกษารายนี้ นักศึกษาก็ได้ยกมือไหว้ขอบคุณ ตนจึงบอกให้ดูแลตัวเองดี ๆ
ทั้งนี้
น.ส.เล็ก เผยว่า ขณะที่พูดกับกลุ่มวัยรุ่นตนก็รู้สึกกลัว แต่มองว่านักศึกษาที่จะถูกทำร้ายเป็นลูกหลาน จึงอยากจะรักษาชีวิตเด็กไว้ เพราะที่ผ่านมา ตนเคยช่วยเหลือบุคคลที่โดนทำร้ายมาก่อน ซึ่งตนมองว่า เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดบนท้องถนน ตนอยากจะทราบว่าเหตุใดวัยรุ่นสมัยนี้จึงเกเร และอยากให้ผู้ก่อเหตุคำนึงถึงสันติสุขบ้าง ประเทศชาติจะได้เจริญ รวมไปถึงสงสัยว่า เหตุใดเวลาเกิดเหตุเช่นนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในละแวกใกล้เคียง
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน นายชำนิ หลักซุม อายุ 47 ปี เดินทางเข้าแจ้งความที่สภ.เมืองนนทบุรี ว่าลูกชายคือนายบอย (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี นักศึกษามหาลัยแห่งหนึ่ง ถูกกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 3 คน ทำร้ายร่างกายถูกอาวุธมีดแทงที่หูข้างซ้าย แขนด้านซ้าย บนรถประจำทางสาย 203 ใกล้เคียงร้านเบเกอร์รี่แห่งหนึ่ง ถนนประชาราษฎร์ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อ 14.30 น.วันที่ 6 ธ.ค.61
จากการสอบสวน
นายบอย (นามสมมติ) ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนนั่งรถเมลล์สาย 203 มาจากโรงเรียนเพื่อจะกลับบ้านที่ จ.นนทบุรี โดยนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนรถ ต่อมามีกลุ่มวัยรุ่นขึ้นรถมา แล้วมาถามตนว่าเรียนที่ไหน ตนตอบชื่อสถานศึกษา อีกฝ่ายจึงขอดูหัวเข็มขัดของตน จากนั้นก็ทำร้ายตน โดยแทงที่บริเวณใบหน้าข้างซ้าย แขนซ้ายและนิ้วหัวแม่มือ กระทั่งตนต้องยกมือขึ้นเพื่อขอร้อง ซึ่งหลังจากกลุ่มวัยรุ่นลงจากรถไปแล้ว คนขับรถเมล์ก็พาตนไปส่งที่ป้อมตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมารับไปส่ง รพ.
ด้าน
นายชำนิ หลักซุม พ่อของผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนพาลูกมาแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นที่ทำร้ายลูกชาย เพราะกลุ่มวัยรุ่นนี้มีเจตนาพยายามฆ่า เพราะเข้ามารุมทำร้าย ทั้งยังหัวเราะลูกชายตนนั่งอยู่บนรถคนเดียวโดยที่ลูกตนไม่ได้มองหน้า หรือเป็นฝ่ายหาเรื่อง ซึ่งปกติลูกชายตนไม่ได้มีคู่อริ และโดยสารรถเมล์สายนี้ไปเรียนเป็นประจำ ขณะนี้ตนทราบว่า กลุ่มคนร้ายยังคงเดินแถว ๆ นี้ จึงเกรงว่าลูกชายจะถูกทำร้ายอีก ตนต้องการให้ตำรวจจัดการอย่างสุนัข คือ หากสุนัขไปกัดใคร คนเลี้ยงต้องถูกดำเนินคดีด้วย
นอกจากนี้ จากการสอบสวนทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่มีข่าวทำร้าย นายเฟรม (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ซึ่งยืนล้างจานอยู่ด้ายหลังร้านนนท์ เบเกอร์รี่ ซึ่งกลุ่มคนร้ายได้ทำร้ายนายบอย บนรถประจำทางก่อน จากนั้นได้ลงจากรถ แล้วจึงเข้าทำร้ายนายเฟรม (อ่าน :
แฉอีก! หนุ่มถูกแก๊งโจ๋เช็กหัวเข็มขัด แทงบนรถเมล์ พ่อเหยื่อลั่น ต้องเอาผิดผู้ปกครอง)