พระหนุ่มถอดจีวรพากิ๊กสาวไปเที่ยวทะเล ตำรวจสะกดรอยตาม จับได้คาหนังคาเขา

มีความรักไม่ผิด แต่ผิดที่ยังเป็นพระอยู่! พระหนุ่มถอดจีวรพากิ๊กสาวไปเที่ยวทะเลใต้ ตำรวจสะกดรอยตาม จับได้คาหนังคาเขา จับสึกทันที

ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.หาดใหญ่หรือชุดตะวัน ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.หาดใหญ่
พ.ต.ท.มาชา แก้วทอง รองผกก.ปฯ และ พ.ต.ท.จิรศักดิ์ ฉวีนิล รองผกก.สส.ฯ ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ณัฐฤกษ์ ขติยะสุนทร พร้อมด้วยตำรวจชุดตะวันหาดใหญ่นำกำลังเฝ้าติดตามพฤติกรรมของหลวงไก่หรือ พระรัชพลอินทศร ซึ่งเป็นพระลูกวัดของวัดแห่งหนึ่งในอำเภอหาดใหญ่

หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าพระรัชพลประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับสมณเพศ มีรถยนต์ส่วนตัวและจะขับรถไปไหนมาไหนด้วยตนเอง ในยามค่ำคืนจะหนีออกจากวัดสละผ้าเหลืองแล้วสวมใส่เสื้อผ้าฆราวาสขับรถไปรับหญิงสาวไปหลับนอนในรีสอร์ตและเสพยาเสพติดเป็นประจำ ชาวบ้านสุดทนพฤติกรรมดังกล่าวจึงได้ร้องเรียนกับตำรวจพร้อมได้แจ้งคณะสงฆ์ทราบพฤติกรรมเพื่อให้ติดตามจับกุมต่อไป

หลังจากชุดตะวันได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาจึงได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมของพระรัชพล กระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. พระรัชพลได้ขับรถออกจากวัดและรับหญิงสาวขึ้นรถขับมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ อ.เมืองสงขลา และหยุดรถซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อข้างโรงเรียนวรนารีเฉลิม อ.เมืองสงขลา โดยมีหญิงสาวลงจากรถเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อและสังเกตเห็นซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกจำนวนหนึ่งด้วย

จากนั้นได้ขับรถไปตามถนนริมชายหาดชลาทัศน์ สงขลา แล้วจอดรถตรงข้ามร้านอาหารสวนสนแก้ว จากนั้นพระรัชพลและหญิงสาวได้ลงจากรถแล้วเดินไปนั่งที่หาดทรายริมชายหาดนั่งดื่มกินอย่างมีความสุข

จนกระทั่งเวลา 21.00 น. ทั้ง 2 คนได้เดินกลับมาที่รถจึงได้ประสานกับตำรวจสายตรวจสภ.เมืองสงขลา ร่วมกันแสดงตัวขอตรวจสอบและทำการตรวจค้นภายในรถปรากฎว่าพบผ้าสบงและจีวรซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าและถุงยางอนามัยจำนวน 1 กล่อง
จากนั้นได้นำตัวกลับมาที่วัดและแจ้งท่านเจ้าอาวาสให้รับทราบเพื่อทำการลาสิกขาตามขั้นตอนต่อไป

ด้านทางคณะสงฆ์สงขลาได้แต่ตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษ โดยมีพระสังฆาธิการและหน่วยงานรัฐมีตำรวจอัยการและทนายความเพื่อสอดส่องดูแลพระนอกรีตและปกปัองปัญหาที่เกิดจากภายนอก โดยเน้นไม่ให้ผู้ไม่หวังดีมาแอบแฝงในคณะสงฆ์และแก้ปัญหาจากสิ่งภายนอกไม่ให้เกิดความแตกแยกในสังคม ไม่ว่าเรื่องการเสนอข่าวทางสื่อออนไลน์ที่บิดเบือน โดยเหตุการณ์นี้ทางคณะกรรมการฯ ได้ติดตามอยู่แล้ว กระทั่งเกิดเหตุ