กรณีน้องฟาฮัด อายุ 6 ขวบ ถูกพ่อเลี้ยงอายุ 26 ปี ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งลำตัว แผ่นหลัง ช่วงก้น และสะโพก รวมถึงอวัยวะเพศ มีบาดแผลเชียวช้ำจนม่วงไปทั้งตัว ซ้ำยังถูกกักขังให้อยู่แต่ในบ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 3 ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ขณะนี้น้องอาราฟัด ได้รับการช่วยเหลือเเละรักษาอยู่ใน รพ.พัทลุง เป็นที่เรียบร้อยเเล้ว โดยมีนางสาวฟา อายุ 20 ปี ผู้เป็นเเม่คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
นางอุไรวรรณ อายุ 44 ปี ยายของน้องฟาฮัด เปิดเผยว่า ลูกสาวของตนไม่มีทางที่จะทำร้ายหลานชายอย่างเเน่นอน ส่วนคนที่ทำร้ายหลาน ตนขอยังไม่ฟันธงว่าจะใช่ลูกเขย หรือพ่อเลี้ยงของน้องฟาฮัดหรือไม่ เเต่ใครทำอะไรไว้ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจดี
ล่าสุดวันที่ 16 ธ.ค.64 ทีมข่าวอมรนิทร์ ทีวี สอบถามข้อมูลจาก พ.ต.อ.สนธยา ธูปทอง ผกก.เขาชัยสน กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกัมปนาท หรือ ชุก อายุ 26 ปี พ่อเลี้ยงของน้องฟาฮัด ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเเล้ว เบื้องต้นนายชุกให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่าใช้ไม้เเขวนเสื้อตีน้องฟาฮัดจริง ที่ทำไปเพราะความรักเเละหวังดี ส่วนบาดแผลที่เห็นไม่น่าจะเกิดจากการตีของตน
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานายชุก ได้แก่ ทำร้ายร่างกาย เเละควาทผิดพ.ร.บ.ความรุนเเรงในครอบครัว นอกจากนี้ ต้องรอผลจากแพทย์ว่าจะระบุการรักษาของน้องฟาฮัดอย่างไร เพื่อดูว่าจะสามารถเเจ้งข้อหาเพิ่มเติมอะไรได้บ้าง เบื้องต้นได้นำตัวนายชุก ส่งฝากขังศาลจังหวัดพัทลุงเเล้ว
พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวว่า หลังจากเข้าเยี่ยมเด็กในเบื้องต้นพนักงานสอบสวนสภ.เขาชัยสน ได้รับทำคดีทำร้ายร่างกายเด็กคดีอาญาที่ 360/64 และรอผลพิสูจน์บาดแผลของเด็ก เพื่อนำมาประกอบคดี ส่วนผู้ต้องหานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว โดยโทษในคดีมีโทษสูงไม่น้อยกว่า 10 ปี และมีโทษอื่น ๆ เพิ่มตามมาอีก ในเบื้องต้นตนขอบคุณชาวบ้านที่คอยร่วมเป็นหูเป็นตา และแจ้งเบาะแสการทารุณกรรมเด็ก การละเมิดสิทธิเด็ก ที่มีความละเอียดอ่อนต่อสังคม
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี โทรศัพท์สอบถามอัปเดตอาการของน้องฟาฮัด โดยนางอุไรวรรณ ยายของเด็ก ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้อาการของน้องฟาฮัดดีขึ้นมากเเล้ว บาดแผลบวมน้อยลง เเละเเห้งมากขึ้น น้องร่าเริงเเละพูดคุยได้มากขึ้น ทานข้าวได้ เริ่มเดินเเละลุกนั่งเองได้ ส่วนเรื่องสาเหตุของบาดแผลว่าใครเป็นคนทำ ตนยังไม่ได้พูดคุยกับหลาน เพราะตอนนี้สภาพจิตใจของหลานกำลังดีขึ้น ตนพยายามชวนหลานคุยเล่นเพื่อให้สภาพจิตใจดีขึ้นกว่านี้
ส่วนนางสาวฟา ลูกสาวของตน ตอนนี้ก็ยังคงกินยารักษาอาการเหม่อลอย ช่วงนี้ลูกสาวของตนก็อยู่ดูแลน้องฟาฮัดที่รพ.พัทลุง ทั้งเช็ดตัว ป้อนข้าว ป้อนน้ำ ให้ลูก ในตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าเยี่ยมผู้ป่วยได้ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 อีกทั้งครอบครัวก็ยังไม่สะดวกที่จะให้คนนอกเข้าพบ
ทีมข่าวสอบถามจากนายอำพร ณ นิโรจน์ พัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักสังคมสงเคราะห์ของ รพ.พัทลุง เเละของ พม. ไปเยี่ยมติดตามอาการของน้องฟาฮัดทุกวัน ตอนนี้อาการของเด็กมีความสดชื่นร่าเริงมากขึ้น อบอุ่น เเละมีความสบายใจมากขึ้น เเต่เเผลยังไม่หายดี ต้องใช้เวลารักษาอีกระยะ ครอบครัวฝั่งญาติของเเม่เด็ก ก็ได้ร่วมกับเจ้าพนักงานคุ้มครองเด็ก เดินทางไปเเจ้งความไว้ที่ สภ.เขาชัยสน ซึ่งหลังจากนี้ ก็จะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษต่อไป
"ญาติฝ่ายพ่อเเท้ ๆ ของน้องฟาฮัด ที่เป็นชาวท่าศาลา ได้เดินทางมาที่ รพ.พัทลุง เพื่อเยี่ยมน้อง หลังจากทราบข่าว เเละเเจ้งความประสงค์จะมารับน้องไปอุปการะเลี้ยงดูเอง ซึ่งในส่วนนี้เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ได้ชี้เเจงไปเเล้วว่า ตอนนี้เด็กอยู่ในความดูแลของเจ้าพนักงาน ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก โดยในระยะนี้ ทาง พมจ. ได้ดำเนินการคุ้มครองเด็กตามกฎหมายอยู่ ตอนนี้ญาติฝั่งพ่อเเท้ ๆ ก็เข้าใจเเละเดินทางกลับไปแล้ว" นายอำพร กล่าว
สำหรับเเนวทางการช่วยเหลือเยียวยาเด็ก ต้องรอให้อาการของน้องอยู่ในระยะปลอดภัยก่อน เเละเมื่อออกจากโรงพยาบาลเเล้ว จะยังไม่สามารถกลับบ้านได้ ต้องไปที่บ้านพักเด็กฯ ก่อน โดยนักสังคมสงเคราะห์เเละสหวิชาชีพ จะเป็นผู้ประเมินว่าเด็กสามารถที่จะกลับไปอยู่กับผู้ปกครองเดิมได้หรือไม่ หากเด็กกลับไปอยู่กับเเม่ก็จะมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคอยประเมิน เเละช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลให้อีกทาง เพื่อติดตามความเป็นอยู่ของเด็ก หากประเมินเเล้วไม่พร้อมก็จะต้องรอเวลา ซึ่งหากยังไม่พร้อมอีกจะต้องหาญาติมาอุปการะต่อไป
นายอำพร กล่าวอีกว่า นอกจากที่จะต้องดูแลเด็กเเล้ว ยังจะต้องดูแลสภาพจิตใจเเม่ของเด็กด้วย เนื่องจากเเม่ของเด็กเกิดความเครียดจากการเสพข่าวที่มีการโจมตี ทั้ง ๆ ที่ยังไม่มีบทสรุปข้อเท็จจริง เเละเท่าที่ทราบเเม่ของน้องฟาฮัด เป็นคุณเเม่วัยใส มีลูกตั้งเเต่อายุ 14 ปี ซึ่งอาจจะไม่ประสีประสาในการเลี้ยงดูลูก บุคคลเหล่านี้จึงเป็นกลุ่มบุคคลเปราะบางอีกกลุ่มที่จะต้องได้รับการดูแลเเละให้คำแนะนำต่อไป
ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายชุก ตำบลชะรัด อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง จึงได้พบกับนางมินะ (สววนนามสกุล) อายุ 74 ปี ย่าของนายชุก เปิดเผยว่า หลานชายของตนเป็นคนดี เเต่ตนก็ไม่อยากจะพูดมาก เพราะพูดไปก็เหมือนชมลูกหลานตัวเอง นายชุก ทำงานขับรถส่งของ เขาทำงานขับรถไปหลายแหล่ง เเละก็ไม่ได้บอกตนว่าไปไหนบ้าง ช่วงก่อนก็ขับรถให้นักท่องเที่ยวอยู่ที่จ.ภูเก็ต จนติดโควิด-19 จึงได้พาลูกกับเมียกลับมาบ้าน เเละจะนำลูกคนเล็กอายุ 8-9 เดือน มาฝากให้ตนเลี้ยง เเต่ตนดูแลไม่ไหว เขาเลยเอากลับไปอยู่กับเเม่ยาย เพราะฝั่งโน้นมีพี่น้องหลายคน ก่อนจะย้ายออกไปเมื่อ 2-3 เดือนที่เเล้ว
นายชุกมีเมีย 1 คนเเละมีลูก 2 คน อายุ 7 ปี และอายุ 9 เดือน ตนไม่รู้ว่าหลานชายมีเมียกี่คน เเต่รู้ว่ามีเมียหนึ่งคนที่มีลูกด้วยกัน 2 คน พฤติกรรมทำร้ายร่างกายลูกเมีย ตนก็ไม่เคยเห็นว่าเขาจะทำ เขาก็เป็นคนปกติ พฤติกรรมของหลานชายเท่าที่ตนทราบก็ไม่เคยเห็นเล่นยาเสพติด เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ เเต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีเลย เพราะลับหลังตนก็ไม่รู้เหมือนกัน
นางมินะ เผยอีกว่า ข่าวที่ออกไปว่าเด็กชายวัย 6 ขวบถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกาย ตนไม่ได้ทราบมาก่อน เเละไม่คิดว่าจะเป็นหลานของตนด้วย ตนไม่ได้จะเข้าข้างหลานชาย เพราะตั้งเเต่เลี้ยงเขามา ตนไม่เคยเจอพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องเเล้วเเต่ว่าตำรวจจะว่าอย่างไร ตอนนี้หลานของตนอยู่ที่ไหนตนก็ไม่ทราบเช่นกัน ตนไม่ปิดบัง ถ้ารู้ก็คงจะบอกเเล้ว ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ หากผิดก็ปล่อยให้รับโทษไปตามความผิด
ในวันเดียวกัน ทีมข่าวได้เดินทางไปที่อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ซึ่งเป็นบ้านเช่าหลังเก่าที่ นางสาวฟา เเม่ของน้องฟาฮัด เเละนายกัมปนาท หรือ ชุก พ่อเลี้ยงของน้องฟาฮัด เคยพักอยู่ ซึ่ง ณ ปัจจุบันบ้านเช่าหลังดังกล่าวได้มีคนอื่นมาพักอาศัยอยู่เเทนเเล้ว
ทีมข่าวได้พบกับนางสาวส้ม (นามสมมติ) อายุ 26 ปี เพื่อนบ้านใกล้เคียงกับบ้านเช่าหลังดังกล่าว เปิดเผยว่า ในช่วงที่เเม่เด็กเเละพ่อเลี้ยงมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ตนเคยได้ยินสองสามีภรรยาทะเลาะกัน เเละเคยได้ยินว่าเเม่ของเด็กมีการดุด่าใช้คำหยาบคายกับน้องฟาฮัด นอกจากนี้ ตนยังได้ยินเสียงน้องร้อง “ฮือ ๆ” ซึ่งตนไม่เคยเห็นว่าเเม่ใช้ไม้เเขวนเสื้อตีลูกจริงหรือไม่ เเละไม่เคยเห็นว่าพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายลูก เนื่องจากเวลาพ่อเลี้ยงมาที่บ้านมักจะปิดประตูเก็บตัวเงียบ
ในช่วงที่ครอบครัวนี้มาพักอาศัยอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ตั้งเเต่ช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน 64 ก่อนจะย้ายออกไป ตนทราบว่า 4 วันแรกที่มาอาศัย น้องฟาฮัดขาหักเเละศีรษะเเตก เเม่ของเด็กบอกกับตนว่า น้องฟาฮัดปีนกำเเพงหน้าบ้านเเล้วตกลงมาขาหัก ทั้ง ๆ ที่กำแพงสูงเเค่ 1.5 เมตร ส่วนที่ศีรษะเเตกเพราะเด็กลื่นล้มในห้องน้ำ ตนได้ถามเเม่ของเด็กว่า "จะพาไปหาหมอเมื่อไร" เขาก็ตอบว่า "นัดหาหมอไว้เเล้วในวันรุ่งขึ้น" เเต่ตนก็ไม่ทราบว่าพาไปหาหมอจริงหรือไม่
"ที่น้องขาหัก เพื่อนบ้านเคยเห็นน้องฟาฮัดนอนอยู่ในบ้าน เเละเคยเห็นเหตุการณ์สะเทือนใจอยู่หลายครั้ง เช่น ตอนที่พ่อเลี้ยงเเละเเม่ออกไปทำงานข้างนอก ปล่อยให้น้องฟาฮัดอยู่บ้านคนเดียว เพื่อนบ้านเดินผ่านประตูหน้าห้องของน้องที่ไม่ได้ล็อก เห็นว่ามีเเค่ กุ้ง 1 ตัวกับข้าวเปล่าวางไว้ จนเพื่อนบ้านเวทนาต้องไปซื้อลูกชิ้นมาให้เด็กกิน ซึ่งเมื่อน้องเห็นลูกชิ้นก็มีทางท่าดีใจมาก ๆ อีกเหตุการณ์คือ ช่วงที่น้องฟาฮัดขาหักเ เละต้องอยู่บ้านตามลำพัง เห็นน้องคลานออกมานอกบ้าน พร้อมกับบอกว่า ผมหิวข้าว ๆ จึงหาข้าวให้น้องกิน หลังจากนั้นปรากฏว่าประตูบ้านล็อกจากข้างนอกเเลย" นางสาวส้ม กล่าว
อย่างไรก็ตาม บางวันตนยืนเเต่งหน้าอยู่ในบ้าน เเละมีรถไอศกรีมขับผ่านหน้าบ้าน ตนก็ได้ยินเสียงเด็กพูดว่า “อยากกินไอติม ๆ” ก่อนที่พ่อเลี้ยงที่ยืนอยู่นอกบ้านจะพูดว่า “อยากกินก็ออกไปซื้อกินเอง” ตนก็เอะใจว่าเด็กขาหักจะให้ออกไปซื้อกินเองได้อย่างไร เเต่ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นการพูดจาหยอกลูกหรือไม่ ส่วนพฤติกรรมของเเม่เเละเด็ก เท่าที่เห็น ก็มองดูรักลูก พาลูกไปเที่ยว เขาก็ไม่น่าจะทำร้ายลูกได้ ซึ่งก่อนหน้านี้น้องสาวของเเม่เด็ก อายุประมาณ 14 ปี เคยมาอยู่ที่บ้านนี้ก็มีการดุน้องฟาฮัดเสียงดังว่า “อย่าซนให้มาก เดี๋ยวจะตี”