กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อ ขยี้ข่าว” โพสต์ภาพเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย จนทำให้มีรอยฟกช้ำไปทั้งตัว พร้อมระบุข้อความว่า “นักเรียนชั้นม.4 ถูกรุ่นพี่บังคับให้อมอวัยวะเพศ แต่น้องปฏิเสธและขัดขืน จึงถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายถึงที่เตียงนอน 5 รอบเกือบตลอดทั้งคืน จนน็อกหมดสติ” ในเบื้องต้นทางโรงเรียนทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว จึงได้สั่งพักการเรียนชั่วคราวรุ่นพี่แล้ว แต่ทางคดียังต้องติดตามรายละเอียดอย่างใกล้ชิด
ล่าสุดวันที่ 21 ธ.ค.64 เวลา 14.00 น. ที่สน.ทุ่งครุ นายฟา (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เด็กที่ถูกทำร้าย พร้อมญาติ ๆ ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นายฟา (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 17 ธ.ค.64 เวลา 20.00 น. มีรุ่นพี่ที่รู้จักมาหาตน ได้พาตนไปรู้จักกับรุ่นพี่คนอื่น ๆ ชั้นม.6 ซึ่งตนก็ยินยอมที่จะไปด้วย เมื่อไปถึงก็ได้ทำความรู้จักกัน สักพักตนจึงขอตัวไปหาเพื่อน แต่รุ่นพี่บอกว่าอย่าเพิ่งไปให้อยู่ก่อน พยายามจับมือตนไว้เพื่อไม่ให้ไป ครั้งแรกที่ดึงไม่ได้รุนแรง ส่วนตัวไม่ได้ขัดขืน แต่ขอให้รุ่นพี่ปล่อยมือก็เท่านั้น เพราะต้องการขอตัวไปหาเพื่อนจริง ๆ ก่อนที่รุ่นพี่จะดึงมือแรงขึ้น ๆ ขณะนั้นตนคิดว่ารุ่นพี่คงจะดึงมือเล่นกับตน
ก่อนที่ตนจะขออนุญาตไปหาเพื่อนอีกครั้ง แต่รุ่นพี่ได้กระชากมือตนไว้ พร้อมกับกดคอลงกับพื้น ตนยอมรับว่าโมโหจึงได้พูดจาหยาบคายออกไป ก่อนที่จะโดนบีบคอ ตนจึงทำอะไรไม่ถูกได้แต่ขอโทษ แต่รุ่นพี่ไม่ยอมบอกให้ตนตั้งสติเอาไว้ จากนั้นลากตนเดินไปที่ระเบียง เพื่อให้ตนขอโทษอีกครั้ง ตนก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี ซึ่งรุ่นพี่ก็ให้อภัย ก่อนที่จะปล่อยตัวตนไปพักผ่อนตามปกติ
ผ่านไปครู่หนึ่งรุ่นพี่ได้เรียกตนเข้าไปหาอีกครั้ง ก่อนจะดึงมือของตนไปอยู่ที่มุมมืด ส่วนรุ่นพี่อีกคนเฝ้าทางอยู่ที่หน้าระเบียง จากนั้นเขาก็สั่งบังคับให้ตนอมอวัยวะเพศ ขณะนั้นตนคิดว่ารุ่นพี่พูดเล่น แต่เขาพยายามกดศีรษะและบังคับให้ตนอมให้ได้ ตนขัดขืนจึงถูกทุบหลังหลายรอบ
จากนั้นตนได้พยายามวิ่งหนีออกมา กลับถูกรุ่นพี่อีกคนที่เฝ้าทางล็อกตัวให้ล้มลงกับพื้น จากนั้นคนที่สั่งให้อมอวัยวะเพศก็ต่อยตนซ้ำ ๆ พร้อมกับขู่ว่า "กูอยากชกกับมึง" ตนจึงปฏิเสธเพราะไม่อยากมีเรื่อง แต่รุ่นพี่ไม่ยอมหยุดใช้เท้าเหยียบหน้าตนและกระทืบตน ทำให้ตนทนไม่ไหวจึงชกไปที่ใบหน้ารุ่นพี่ ทำให้รุ่นพี่รู้สึกดีใจที่ตนต่อสู้กับเขา
กระทั่งมีรุ่นพี่อีกคนวิ่งเข้ามาห้ามปราม และพาตนไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างเลือด แต่รุ่นพี่ที่ก่อเหตุไม่ยอมเดินตามมา พร้อมกับถามว่าเขาทำอะไรผิด ก่อนที่ตนจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วไปอยู่กับเพื่อนคิดว่าเรื่องราวจะจบแล้ว รุ่นพี่เรียกให้ตนไปหาอีกครั้งที่ระเบียง และถูกตบบ้องหูจนตนเลือดกำเดาไหล พร้อมกับถามตนว่า "จำหน้าพี่ได้ไหม" จากนั้นตนก็ถูกบีบคอ รุ่นพี่ตะคอกใส่ตนว่า "รู้ไหมว่าพี่อายเขามาก เพราะถูกรุ่นน้องต่อย" และยังบอกว่า "พี่ชอบเลือดผู้หญิงมากที่สุด" ก่อนที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเลือดของตนไว้
"ขณะนี้สภาพจิตใจผมยังย่ำแย่อยู่ครับ ยังหวาดผวา และยังไม่กล้ากลับไปเรียนโรงเรียนเดิม นอกจากนี้ในวันอาทิตย์ (19 ธ.ค.64) ผมได้เจอกับกลุ่มรุ่นพี่ผู้ก่อเหตุ ซึ่งพวกเขาเอาแต่ก้มหน้าไม่ชี้แจงอะไรเลย ผมอยากให้เคสของผมเป็นเคสสุดท้ายที่ถูกรังแก และขอให้รุ่นพี่กลุ่มผู้ก่อเหตุหยุดกระทำพฤติกรรมได้แล้ว" ผู้เสียหาย กล่าว
นางสาวดรีม (นามสมมติ) อายุ 33 ปี น้าสาวผู้เสียหาย เผยเผิดว่า หลานชายได้ทุนการศึกษาเพิ่งย้ายมาจากจังหวัดนราธิวาส เพื่อมาเรียนต่อชั้น ม.4 ที่โรงเรียนดังกล่าวประมาณ 2 สัปดาห์ ปกติจะเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยเล่าอะไรให้ตนฟัง กระทั่งช่วงเช้าหลังวันเกิดเหตุ (18 ธ.ค.64) หลานชายได้โทรศัพท์มาบอกให้ไปรับที่โรงเรียน อ้างว่าถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย แต่ยังไม่ได้เล่ารายละเอียด จนตนทราบเรื่องทั้งหมด และเห็นร่องรอยถูกทำร้ายก็ตกใจมาก ๆ
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุตนได้พูดคุยกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ และสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาอ้างว่าสาเหตุที่ทำไปเพราะอยากแนะนำให้รู้จักกับรุ่นพี่ แต่รุ่นน้องไม่ให้ความร่วมมือจึงเหมือนไม่ให้เกียรติกัน ส่วนเรื่องให้อมอวัยวะเพศ รุ่นพี่คนดังกล่าวอ้างว่าต้องการลองใจว่าจะกล้าหรือไม่ โดยรุ่นพี่คนนั้นก็ได้มาขอโทษ แต่ครอบครัวยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และไม่คิดว่าเป็นเด็กใต้ด้วยกันจะมารังแกกันเช่นนี้
"การพูดคุยกับทางโรงเรียน ครอบครัวยังไม่พอใจกับมาตรการการจัดการที่ให้พักการเรียนเท่านั้น จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจและยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ส่วนหลานชายตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่ มีอาการนอนผวาในคืนแรก หลังจากนี้ก็จะให้ย้ายโรงเรียนแน่นอน นอกจากนี้ รู้สึกผิดหวังที่หลานชายมาเรียนที่นี่ เพราะก่อนหน้านี้ญาติเคยมาเรียน แต่ไม่เคยมาเจอเหตุการณ์แบบนี้" นางสาวดรีม กล่าว
ทีมข่าววิดีโอคอลพูดคุยกับ นางจัสมิน แม่ของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนอยู่ที่ประเทศอิตาลี ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนทราบจากไลน์กลุ่มของโรงเรียน จึงได้ติดต่อสอบถามลูกชาย ตอนแรกเขาไม่เล่าอะไรให้ตนฟัง ปกติตนจะโทรศัพท์หาลูกชายทุกวันอยู่แล้ว เนื่องจากตั้งแต่ลูกเข้าไปโรงเรียนประจำ ตนก็ค่อนข้างเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้หรือไม่ ตนจึงโทรศัพท์ไปหาและคุยเรื่องความเป็นอยู่ของลูกทุกวัน ซึ่งลูกชายไม่เคยบอกว่าถูกกระทำหรือโดนทำร้ายเลย
กระทั่งวันที่ 17 ธ.ค.64 ตนโทรศัพท์หาลูกชาย แต่ลูกชายไม่รับสาย เป็นวันแรกที่ตนติดต่อลูกไม่ได้ ลูกก็ไม่ยอมติดต่อกลับ ตนจึงไลน์ไปหาลูกว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งลูกตอบกลับมาช่วงเวลา 02.00 น. ว่า "โอเคครับ" แต่ว่าความจริงแล้วตอนนั้นลูกชายของตนถูกทำร้ายปางตายแล้ว
ต่อมาตนทราบจากไลน์กลุ่มโรงเรียน ก่อนจะได้รับการติดต่อจากลุงของลูกชายว่า ลูกมีเรื่องในโรงเรียน ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไร จนญาติ ๆ เข้าไปรับลูกชายออกมา ตนยอมรับว่าช็อกถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ตอนนี้ยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเรื่องที่หัวอกคนเป็นแม่กังวลก็เกิดขึ้นจริง ๆ ตนคุยกับลูกหลังเกิดเหตุเขาก็ยังมองโลกในแง่ดีว่า "แม่ครับ มันคือบททดสอบของชีวิต ผมไม่เจ็บหรอก" แต่ตนเจ็บแทนและจิตตกมาก ๆ
"พี่มีลูกคนเดียว ยืนยันจะเอาเรื่องถึงที่สุด จะไม่ยอมความ จะจบที่คำขอโทษไม่ได้ เรื่องสะเทือนใจ คำที่ลูกชายเล่าว่า มึงรู้ไหมว่ากูชอบอะไร กูชอบเลือด พี่มองว่ารุ่นพี่คนที่พูดจิตใจโหดเหี้ยมอมหิตมาก ๆ นึกถึงภาพวันที่ลูกถูกทำร้ายคงจะทรมานมาก ๆ น้องต้องอดทนขนาดไหน น้องไม่บอกใคร ไม่รู้ลูกจะเป็นยังไง พี่จะไม่ให้ลูกเรียนที่นี่อีกแล้ว วางแผนมาตลอดเรื่องการเรียน ไม่คิดว่าฝากลูกไว้ในโรงเรียนจะมาเจอแบบนี้" แม่ของผู้บาดเจ็บ กล่าว