ฝรั่งเศสเร่งล่ามือกราดยิง คุมตัวคนในครอบครัวสอบ-ตรวจเข้มแนวชายแดน

จากกรณีเหตุกราดยิงในตาดคริสต์มาส เมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย บาดเจ็บ 13 คน ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนาย เชรีฟ เชคาท วัย 29 ปี (อ่านเพิ่มเติม สถานทูต ประณามเหตุกราดยิงฝรั่งเศส หลังคนไทยเสียชีวิต – ดับรวม 3 เจ็บ 12 ยกระดับเตือนภัยสูงสุด) ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวพ่อแม่ และพี่ชาย 2 คนของนายเชรีฟมาสอบสวนเพื่อสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม และหาแรงจูงใจในการก่อเหตุกราดยิงดังกล่าว ขณะที่นายเชรีฟสามารถหนีการจับกุมไปได้ และได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่แขน ขณะยิงปะทะกับตำรวจ ซึ่งทางตำรวจฝรั่งเศสได้ออกหมายจับ และระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งเกี่ยวข้องกว่า 700 นายไล่ล่าตัว พร้อมกับออกประกาศให้ประชาชนที่ทราบเบาะแสเกี่ยวกับตัวนายเชรีฟเข้าให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์กับตำรวจ และหากพบผู้ต้องสงสัยที่มีลักษณะอันตรายให้รีบโทรแจ้งตำรวจในทันที

ส่วนที่บริเวณพรมแดนระหว่างฝรั่งเศสและเยอรมนีได้มีทหารและเจ้าหน้าที่ควบคุมเข้มเพื่อไล่ล่าตัวนายเชรีฟ ที่ Europa Bridge หรือสะพานยุโรป ซึ่งเป็นพรมแดนหลักให้ประชาชนข้ามไปมาในภูมิภาคแถบนี้ มีตำรวจติดอาวุธวางกำลังตรวจสอบพาหนะทุกคัน โดยตำรวจยังตรวจสอบผู้คนรถไฟที่เดินทางจากเมืองสตราสบูร์กเข้าเยอรมนีอีกด้วย จากการสอบสวนของตำรวจทราบว่านายเชรีฟเกิดและเติบโตในเมืองสตราสบูร์ก และเข้าออกคุกเป็นประจำในช่วงวัยรุ่น มีประวัติก่อคดีอาชญากรรมถึง 27 คดี และเคยรับโทษจำคุกทั้งในฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ และเยอรมนี ทั้งยังมีรายชื่ออยู่ในบัญชีเฝ้าระวังว่าอาจเป็นภัยคุกคาม หลังนายเชรีฟได้กลายเป็นพวกมุสลิมหัวรุนแรงในช่วงที่อยู่ในเรือนจำเมื่อปี 2015 มือกราดยิง

ขณะที่เมื่อคืน(12 ธ.ค.)ที่ผ่านมา หอไอเฟลในกรุงปารีสได้ปิดไฟประดับเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง ขณะที่บรรดาสส.ฝรั่งเศสได้ร่วมกันยืนนิ่งสงบเป็นเวลา 1 นาทีเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิต ส่วนที่การแข่งขันบาสเก็ตบอลในเมืองสตราสบูร์กเมื่อวานนี้ก็ได้มีการร้องเพลงชาติเพื่อให้กำลังใจครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุกราดยิงดังกล่าว

ขณะที่บรรดากลุ่มผู้ประท้วงเสื้อกั๊กเหลือง ออกมาแสดงความเห็นในเชิงทฤษฎีสมคบคิด ว่าความจริงแล้ว เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของประธานาธิบดี เอมานูเอล มาครง ที่ต้องการจัดฉากเพื่อเบนความสนใจจากกลุ่มผู้ประท้วงที่นัดรวมตัวกันในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ และสร้างความกลัวให้ประชาชนไม่กล้าออกมารวมตัวกัน