คดีพลิก! เมียรับฆ่าผัวยิงหัวเหล็กเสียบอำพราง แค้นด่าคบชู้ ญาติเห็นใจเชื่อสุดทน (คลิป)

กรณีเมื่อช่วงสายของวันที่ 21 ธ.ค. 64 พ.ต.ท.ประเจิด พุ่มโพธิ์ สว.(สอบสวน) สภ.นิคมสร้างตนเอง รับแจ้งมีชายถูกฆาตกรรมรุดตรวจสอบ พบศพนายขวัญหล้า ทับทิม อายุ 45 ปี ชาว ต.คุยม่วง อ.บางระกำ นอนเสียชีวิตห่มผ้านวมอยู่ในห้องนอนชั้นล่าง มีบาดแผลเป็นรูขนาดใหญ่ ลักษณะสี่เหลี่ยมกว้าง 1 นิ้ว บริเวณโหนกแก้มข้างขวา และกะโหลกศีรษะด้านหลังยุบจนทะลุ แต่ไม่พบรอยการต่อสู้ รอยคราบเลือดในห้องนอนนั้น

กระทั่งเจ้าหน้าตำรวจเค้นสอบนางยุพา ขำเทศ อายุ 55 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตถึง 6 ชั่วโมง จึงสารภาพว่าเป็นคนฆ่าสามีตัวเอง เหตุเพราะถูกด่า เหยียดหยามตลอดที่ครองชีวิตคู่กันมา จนกระทั่งล่าสุดถูกด่าจนทะเลาะตบตี สามีสู้ จึงโมโหใช้เหล็กเฉาะมะพร้าวทุบหัวสามีจนสลบ และกระแทกแก้มซ้ำจนทะลุท้ายทอย ตำรวจเร่งปิดคดีคุมตัวทำแผนทันทีเมื่อเวลา 22.38 น. ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันยังพบญาติพี่น้อง และเพื่อน ๆ ทั้งฝ่ายผู้ต้องหาและผู้เสียชีวิต ต่างเดินทางมารวมตัวกันที่สถานีตำรวจเป็นจำนวนมาก ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าตั้งใจมาเยี่ยมเยียนนางยุพา ไม่ได้มีเจตนาจะมารุมประชาทัณฑ์ สาเหตุเพราะนางยุพาเป็นคนดีจริง ๆ ซึ่งยังพบว่าญาติทั้งสองฝ่ายนั้นโอบกอดให้กำลังใจกันตลอดเวลา

นางรัตน์ กระสายยศ อายุ 55 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า น้องเป็นคนชอบดื่ม แต่ก็ขยันทำมาหากิน หลังน้องชายไปอยู่บ้านเมียก็ปกติดี เรื่องดื่มก็เป็นปกติ แต่บางครั้งมาหาพี่หาน้องก็มาดื่ม แต่จะไม่มีอารมณ์โมโห ปากร้ายด่าทอญาติพี่น้องหรือคนรอบข้าง แต่ก็เมียมันเป็นเรื่องคนสองคน จุดนั้นตนไม่รู้ว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกัน

ขณะเดียวกันทางญาติพี่น้องก็ไม่ใส่ใจ ต่างคนต่างทำกิน แต่จะเจอกันก็ตอนทั้งคู่แวะเวียนไปเยี่ยมไปของผักผลไม้มากิน ก็ไม่มีอะไร และนางยุพาเองก็ไม่ได้มาปรึกษา ลูกหลานฝั่งบ้านนางยุพาก็ดีกับครอบครัวตนมาตลอด

สำหรับตนมองว่านางยุพา เป็นสะใภ้ที่ดี เพราะตอนแม่ตนป่วยโรคไต นางยุพาก็ไปเฝ้าไข้เกือบครึ่งเดือน ขณะที่แม่มาอยู่บ้านน้องสาว นางยุพาก็ยังแวะเวียนไปเยี่ยมจนวาระสุดท้ายของแม่ได้จากไปเมื่อเดือนที่แล้ว ตึงนับถือว่านางยุพาเป็นคนมีน้ำใจ ช่วยเหลือสามารถหยิบยืมเงินกันได้ ตนจึงรักและชื่นชมนางยุพามาก ตอนนี้ก็เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน

ทั้งนี้ แม้จะเสียใจ แต่ก็ไม่คิดใจเอาความจึงพาญาติลูกหลานเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจนางยุพา ซึ่งก็ขอให้นางยุพาสู้ต่อไป ส่วนน้องชายตนเสียชีวิตไปแล้ว ศพก็จัดการตามประเพณี ตนไม่อาฆาตแค้น ต่างคนต่างมีครอบครัว ไม่ได้มีมาหากินให้กิน จึงแล้วแต่เวรกรรม อโหสิกรรมให้กัน

ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้ใช้เวลาเค้นสอบนางยุพา ผู้ต้องหา ตั้งแต่ 08.00-12.30 น. รับสารภาพเพิ่มว่าใช้อาวุธปืนยิงสามี หลังใช้เหล็กเฉาะมะพร้าวฟาดหัวจนสลบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพใหม่ทันที โดยมีนางยุพิน อายุ 58 ปี พี่สาว ร่วมเป็นพยานในการทำแผนฯ เช่นเดิม

โดยระหว่างตำรวจคุมตัวนางยุพาออกจากห้องปฏิบัติการสอบสืบสวนจะไปทำแผน ทีมข่าวได้เปิดโอกาสพูดคุย แต่ผู้ต้องหาได้แต่ยิ้มกว้าง และบอกเพียงสั้น ๆ ว่า  "ค่ะ ๆ ยังค่ะ" และมีเสียงหัวเราะทิ้งทาย

โดยมีการคุมตัวทำแผนรับสารภาพถึง 8 จุด จุดที่ 1 ผู้ต้องหาชี้ว่านั่งเปลที่ผูกกับเสากลางบ้านนั่งรอสามีกลับมาด้วยการเตรียมหุงหาอาหารและต้มน้ำไว้ให้อาบ แต่สามีมาถึงด้วยความเมาก็เอาแต่ด่าทอจึงมีอารมณ์โมโห, จุดที่ 2 หลังสามีเดินเข้าห้องนอนในบ้านชั้นล่าง จึงเดินไปหยิบเหล็กเฉาะมะพร้าวความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร, จุดที่ 3 เดินไปในห้องนอนใช้เหล็กเฉาะมะพร้าวจะฟาดสามี แต่สามีก็สู้ จึงฟาดที่ศีรษะจนสามีสลบ

จุดที่ 4 ขยับไปหยิบอาวุธปืนสั้นไม่ทราบขนาดที่ใต้ฟูกอันถัดไป ยิงสามีเข้าที่โหนกแก้มซ้าย ก่อนใช้เหล็กเฉาะมะพร้าวกระทุ้งไปที่โหนกแก้มซ้ำทำการเช็ดเลือดปกปิดหลักฐาน และจัดท่านอนห่มผ้าให้สามี, จุดที่ 5 ถือปืนไปพร้อมเหล็กเฉาะมะพร้าว บริเวณข้างบ้าน แต่นำเหล็กจุ่มล้างในกะละมังน้ำ ก่อนนำเหล็กไปจิ้มลงดินเพื่อดับกลิ่น, จุดที่ 6 นำเหล็กเฉาะมะพร้าวไปเก็บใต้บันได, จุดที่ 7 ชี้เดินจากบ้านรัดป่าอ้อยไป 200 เมตร, จุดที่ 8 ถึงป่าอ้อย มีคลองเล็ก ๆ นำปืนไปโยนทิ้ง

ระหว่างทำแผนฯ ทีมข่าวได้พยายามสอบถามนางยุพาอีกครั้งถึงสาเหตุในการลงมือฆ่าสามีว่าเสียใจไหม ถูกกระทำมาก่อนไหม โดนทำร้ายร่างกายไหม ถูกด่าอย่างไร แต่เจ้าตัวมีสีหน้าเปลี่ยนไปหน้านิ่ง ก่อนตำรวจจะคุมตัวขึ้นรถตำรวจกลับสถานีตำรวจทันที

เมื่อเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 ลงตรวจเขม่าดินปืนที่ตัวนางยุพา ผู้ต้องหา เพิ่มเพื่อรวบรวมหลักฐานในการดำเนินคดี โดยใช้เวลาเพียง 30 นาที จากนั้นทำการ video conference ขออำนาจศาลจังหวัดพิษณุโลกฝากขังผลัดแรก

ที่วัดทุ่งใหม่ประชาสงเคราะห์ ซึ่งญาติ ๆ ผู้เสียชีวิตเตรียมการตั้งบำเพ็ญกุศลศพ ทันทีที่ศพเคลื่อนออกจาก รพ.พุทธชินราช มาถึงวัด นางสาวเจ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิตร่ำไห้ จากนั้นเมื่อเวลา 16.00 น. มีพิธีรดน้ำศพ ทางพี่สาวผู้เสียชีวิต คือนางจเร เอี่ยมเนียบ อายุ 53 ปี ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ร้องไห้โฮ บอกว่า "ทำไมถึงทำกันได้ขนาดนี้"

นางจเร พี่สาวผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ตนร้องไห้เพราะไม่รู้เรื่องว่าน้องโดนเมียฆ่าตาย หลังทราบข่าวตั้งแต่นาทีแรกที่รู้ว่าน้องตาย จึงรีบวิดีโอคอลไปหาน้องสะใภ้ทันที และพยายามสอบถามว่าน้องตนเป็นอะไรเสียชีวิต น้องสะใภ้ก็บอกว่าเป็นลม ตนจึงขอให้หันกล้องไปที่ศพ เห็นสภาพของน้องชายมีรูโบ๋ที่ใบหน้า จึงพยายามสอบถามน้องสะใภ้อีกว่าทำไมถึงมีรูโบ๋ที่ใบหน้าของน้องชาย แต่น้องสะใภ้ก็ตอบว่าไม่รู้ จากนั้นตนเองเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่าการลงมือก่อเหตุฆาตกรรมน้องชายตนเองในครั้งนี้น่าจะมีมากกว่า 1 คน

จากนั้นตนเองติดตามข่าวและทราบว่าน้องชายถูกเมียแท้ ๆ ฆ่าเสียชีวิต ตนเองรู้สึกเจ็บใจมาก อยากถามน้องสะใภ้ว่า "ทำมันทำไม ทำแล้วได้อะไร" และที่เจ็บไปกว่านั้น ตนเองรู้สึกว่าทำไมถึงรีบฆ่าน้องชายตนเพราะครอบครัวก็เพิ่งสูญเสียแม่ไปได้แค่ 1 เดือนอีก 4 วันเอง

สำหรับตนยังคงยืนยันคำเดิมว่าอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับน้องชาย ให้คนที่ทำได้รับโทษทั้งหมด ตนเองไม่เชื่อว่าภรรยาน้องชายจะก่อเหตุเพียงคนเดียว เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงที่จัดงานศพ แม่น้องสะใภ้บอกตนว่าจะไปอยู่เมืองนอกกับลูกสาว แต่ก็ติดน้องชายของตนเอง จึงไปไม่ได้ รวมไปถึงน้องชายตนเองไม่ใช่คนเลวร้าย เป็นคนขยันทำงาน แม้จะดื่มเหล้าและมีปากเสียงชอบพูดจาไม่ดีโดยเฉพาะคำว่า "ค-ย" แต่ก็เป็นคำพูดที่ใช้พูดกับญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ เป็นประจำอยู่แล้ว

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.30 น. ตำรวจคุมตัวนางยุพา ขำเทศ ผู้ต้องหา ขึ้นรถผู้ต้องหาเพื่อพาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพิษณุโลกผลัดแรก นางยุพา ยังเงียบไม่ตอบคำถามทีมข่าว ด้านพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มจากเดิมฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต