สืบเนื่องจากกระเเสดราม่าร้อนแรง กระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ “Hermès” หรือ "แอร์เมส" ที่น.ส.จิดาภา ชีนารักษ์ อายุ 24 ปี หรือ น้องชมพู่ เจ้าของกระเป๋าได้ส่งขายให้กับ นายณภาภัช ระหงษ์ หรือ สรพงษ์และมงคลศักดิ์ เจ้าของร้านรับซื้อของแบรนด์เนมในราคา 395,000 บาท
แต่เจ้าของร้านรับซื้อกลับบอกว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นของปลอม พร้อมทั้งเขียนคำว่า "ปลอม" ลงบนหน้ากระเป๋า และไม่ยอมคืนกระเป๋าให้น้องชมพู่ พร้อมประกาศว่าหากตรวจแล้วว่าเป็นของจริงจะโอนเงินให้ 2 ล้านบาท พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “สรพงษ์” และจะเลิกเป็นสาวประเภทสองด้วย
ล่าสุดวันที่ 22 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กของเจ้าของร้านรับซื้อแบรนด์เนม ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า ต้องเปลี่ยนชื่ออีกครั้ง เนื่องจากอักษร "ส" เป็นกาลกิณีจึงขอให้ตัวอักษร "ป" แทน จึงขอเปลี่ยนชื่อเป็นประยุทธ์ "เกิดปีที่ใช้ "ส" ไม่ได้ค่ะถ้าใช้จะดุมาก กาลกิณี "ป" เท่านั้นจะชนะทุกอย่าง ลุงตู่หนูขออนุญาตนะคะ ประยุทธ์ เนตรระหงษ์ คือโชคดีมีความสุขจบ
กระทั่งลีน่า จัง ได้ออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมกับถามกลับว่า "ผู้ขายมีสิทธิ์อะไรให้จ่าย 2 ล้านบาท และให้ร้านรับซื้อเลิกเป็นกะเทย" ก่อนจะมีชาวเน็ตนำคลิปมาแชร์ต่อ ๆ กัน และเข้ามาคอมเมนต์อย่างดุเดือด
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ ลีน่า จัง เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวว่า ตนยืนยันไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับคุณทีน่าแต่อย่างใด แต่พูดในฐานะนักกฎหมาย เพราะก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อนช่วงที่ตนลงสมัครการเมือง มีการฟ้องคดีไป 1 คดี แต่สุดท้ายศาลบอกว่าเป็นคดีไร้สาระ และไม่มีเวลาพิจารณาจึงตีตกไป ตนจึงมองว่าการกระทำของเจ้าของกระเป๋าไม่ถูกต้อง เพราะคุณทีน่ามีการโอนเงิน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจไปแล้ว หากจะมาเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อและให้เลิกเป็นกะเทย คงทำไม่ได้ เพราะเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล "เลิกไม่ได้หรอก เขาพูดไปตามประสากะเทย"
สำหรับเงินจำนวน 2,000,000 บาท ตนไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวต่อ เพราะไปขึ้นโรงขึ้นศาลก็จะเสียเวลาในการพิจารณาคดี เนื่องจากศาลมีคดีมากมายอยู่เป็นล้านคดี และการสัญญาในครั้งนี้ไม่ได้มีสัญญาของทั้ง 2 ฝ่ายที่บันทึกเอาไว้เป็นเอกสารแต่อย่างใด จึงไม่ถือว่าต้องทำตามคำพูดที่ต้องตกลงกันไว้ จะมาเรียกร้องจำนวน 2,000,000 บาทได้อย่างไร
"ยกตัวอย่างเช่น มีลูกเพจให้กินหมูสะเต๊ะ 35 ไม้ ถ้ากินได้จะให้เงินสด 2 ล้านบาท พี่ก็กินได้ แต่ลูกเพจไม่ให้เงิน แล้วถามว่าพี่ต้องไปตามฟ้องลูกเพจที่มาท้าหรือไม่ บางคนบอกว่าพี่พูดเข้าข้างคุณทีน่า ไม่เป็นความจริงเลย เพราะพี่พูดก่อนที่จะได้รับขนมจากคุณทีน่า ให้ไรเดอร์นำขนมกล้วยมาส่งให้" ลีน่า จัง กล่าว
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กของเจ้าของร้านรับซื้อแบรนด์เนม ยังโพสต์อีกว่า "ถ้าเลือกได้ อยากได้ทัวร์แบบนี้ เนอะ ❤️ เราไม่ได้เป็นฆาตกร ผิดก็รับได้ แต่ว่าอย่าถึง…"
นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความ เปิดเผยว่า ตนได้ดูคลิปของลีน่า จัง แล้ว ตนคิดว่าเขายังไม่รู้ความจริงทั้งหมด เพราะยังมีหลักฐาน และบทสนทนาอื่น ๆ แม้แต่เงินที่คุณมงคลศักดิ์ จ่ายมาให้กับผู้เสียหาย ก็มีการเรียกขอคืนไปแล้ว ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าข้อหายักยอก เนื่องจากมีการตกลงซื้อกระเป๋า อย่างมีเงื่อนไข คือ ส่งกระเป๋าให้ดูก่อน แต่เมื่อส่งแล้วแล้วกลับบอกว่ากระเป๋าปลอม และไม่จ่ายเงิน ไม่คืนกระเป๋า ดังนั้นการยักยอกสำเร็จแล้ว นอกจากนี้ ประเด็นการท้าว่าจะชดใช้เงิน 2 ล้านบาท พร้อมเปลี่ยนชื่อหากพิสูจน์ว่าเป็นของแท้ ผลพิสูจน์ก็ยืนยันออกมาว่าเป็นกระเป๋าแท้ เจ้าของร้านจึงโอนเงินมาให้แต่ผู้เสียหายปฏิเสธรับเงิน เจ้าของร้านจึงขอเงินคืน และผู้เสียหายก็โอนคืน ตนยืนยันว่ารายละเอียดแบบนี้สามารถฟ้องได้
"ตอนนี้มีการแจ้งความแล้ว 2 คดี คือ ยักยอกทรัพย์กับทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งคดียังไม่ถึงชั้นศาล เบื้องต้นอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ดังนั้นต่อไปจะมีการฟ้องในคดีแพ่งและอาญาเพิ่มเติม เรื่องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งอยู่ระหว่างการรวมพยานหลักฐานว่ามีกี่กรรม กี่วาระที่กระทำผิด ผมไม่ได้มองว่าคำพูดกะเทยเป็นไง ผมไม่ได้มองว่าเป็นเพศไหน แต่มองว่าคำพูดคนต้องมีความรับผิดชอบทางกฎหมาย" ทนายเกิดผล กล่าว
ดังนั้น ผู้เสียหายยืนยันว่าจะฟ้องร้อง และคุณมงคลศักดิ์ก็ยังไม่ได้ติดต่อมา เจอกันครั้งล่าสุดก็ที่ไปออกรายการโหนกระแส เรื่องการเปลี่ยนชื่อก็ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนตามสัญญาหรือไม่ ตนยังสับสนว่าจะฟ้องในชื่อสรพงษ์ หรือชื่อมงคลศักดิ์ หรือชื่อไหนดี
นางสาวจิดาภา เจ้าของกระเป๋า ให้สัมภาษณ์ว่า ตนขอกล่าวขอบคุณทุก ๆ กำลังใจที่ส่งมอบให้ตนในระหว่างที่เกิดเรื่องราวดราม่าบนโลกโซเชียลฯ ขณะนี้เรื่องคดีก็ขอให้ตำรวจและทนายดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด และตนขอยืนยันคำเดิมว่าจะรับคำขอโทษเป็นเงินสด 2 ล้านบาทเท่านั้น
"ตอนนี้ก็เริ่มมีคนสนใจเข้ามาให้ถ่ายรีวิวสินค้า และในวันนี้ก็ได้ไปถ่ายแบบในพื้นที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และหากใครสนใจอยากจะติดต่องานก็สามารถติดต่อผ่านทางช่องทางอินสตาแกรม หรือเฟซบุ๊กได้เลยค่ะ" นางสาวจิดาภา กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับน้องชมพู่ หรือ น.ส.จิดาภา ชีนารักษ์ อายุ 24 ปี เจ้าของกระเป๋าแบรนด์ Hermès พบว่าเป็นนักธุรกิจสาวที่เชียงใหม่ เพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านขายเสื้อผ้า ในนามบริษัท จิดาภา กรุ๊ป จำกัด ซึ่งจดทะเบียนประกอบธุรกิจในทุน 3 ล้านบาท และเปิดมาได้หลายปีแล้ว