เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ธันวาคม 2564 บริเวณถนนริมชายหาดพัทยากลาง ระหว่างหน้า สภ.เมืองพัทยา และหน้าธนาคาร สาขาพัทยากลาง มีกลุ่มนักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมกว่า 50 คน ยืนถือป้าย พร้อมร่วมตะโกนประท้วงขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร
โดยระบุว่าถูกนายชัยสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารดังกล่าว หลอกโกงเงินไปจำนวน 400 กว่าล้านบาท ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2563 ปัจจุบันทางธนาคารยังไม่เข้ามารับผิดชอบในการชดใช้ค่าเสียหาย และคดีความที่ฟ้องร้องไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
นายศิริชัย ปิยะพิเชษฐกุล ทนายความของกลุ่มผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตามที่ลูกความซึ่งเป็นผู้เสียหาย 3 ราย ประกอบด้วย นางหวัง ยุน ชิ (Mrs.Wang Yun-chi) นายพัน ยง เชียง (Mr.Pan Yong-hiang) และ น.ส.พันเหว่ย หมิง ( Ms.Pan Hwei-ming) ได้ไปเปิดบัญชีเงินฝากประจำที่ธนาคาร สาขาพัทยากลาง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 200,003,000 บาท โดยทำธุรกรรมผ่านนายชัยสิทธิ์ ลูกจ้างพนักงานของธนาคารฯ ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการธนาคาร ในขณะนั้น
ต่อมาช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายทั้ง 3 ได้ไปติดต่อธนาคารเพื่อนำสมุดเงินฝากประจำไปปรับรายการดอกเบี้ยเงินฝากและเบิกถอนเงินเมื่อครบกำหนด แต่ไม่สามารถเบิกถอนเงินที่ฝากไว้กับธนาคารได้ เนื่องจากนายชัยสิทธิ์กับพวกซึ่งเป็นลูกจ้างของธนาคาร ได้ทำรายการเท็จลงในสมุดบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายทั้ง 3 ราย ที่ออกโดยธนาคารฯ พร้อมลวงผู้เสียหายให้ฝากเงินประจำแทนการฝากแบบสะสมทรัพย์ แต่เงินของผู้เสียหายกลับไม่ถูกนำเข้าบัญชีตามระบบ
โดยใช้สมุดบัญชีที่ธนาคารออกแต่ยกเลิกไป มาปรับรายการเพื่อทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ จนได้รับความเสียหาย นางหวัง ยุน ชิ (Mrs.Wang Yun-chi) จำนวน 120,001,000 บาท, นายพัน ยง เชียง (Mr.Pan Yong-hiang) จำนวน 50,001,000 บาท และ น.ส.พันเหว่ย หมิง ( Ms.Pan Hwei-ming) จำนวน 30,001,000 บาท
นายพอล สัญชาติออสเตรเลีย อายุ 49 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยผ่านนางกนกรัตน์ บูธ อายุ 52 ปี ล่าม ว่านายพอลได้มาอาศัยอยู่ที่เมืองไทยนานกว่า 10 ปีแล้ว จากนั้นได้เปิดบัญชีธนาคารมาโดยตลอด ซึ่งไม่เคยเกิดปัญหา ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2563 ได้เปิดบัญชีเกี่ยวกับการลุงทุนเอาไว้ โดยฝากเงินจำนวน 1 ล้านบาท ทุกเดือนจะเข้าไปเช็กบัญชี เงินก็ปกติไม่ได้หายออกไปจากบัญชี
กระทั่งเดือนมกราคม 2564 ได้เดินทางไปเช็กตัวเลขในบัญชี พบว่าเงินหายไปทั้งหมด จำนวน 1 ล้านบาท ยอมรับว่าตกใจ และได้สอบถามพนักงานแบงก์ ก่อนพบว่าผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารได้ฉ้อโกง และพ้นออกจากตำแหน่งไปแล้ว ส่วนตัวแล้วได้สอบถามว่าโกงไปในรูปแบบไหน ทางพนักงานธนาคารปัดบอกว่าไม่ทราบวิธีการโกง แต่ได้แนะนำให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ. ก่อน จากนั้นคนได้ไปแจ้งความ
ขณะเดียวกัน 10 เดือนแล้ว คดีไม่มีความคืบหน้า นอกจากนี้ ทางธนาคารยังไม่ติดต่อช่วยเหลือเยียวยา หรือคืนเงินให้ กระทั่งทราบว่ามีนักธุรกิจชาวต่างชาติถูกโกงไปหลายคน จึงได้รวมตัวกันขอให้ธนาคารชดใช้ค่าเสียหาย และสอบถามคนอื่น ๆ จะถูกโกงไม่เหมือนกัน บางรายถูกโกงจากบัญชีลงทุน บางรายถูกโกงจากบัญชีออมทรัพย์ ตนยอมรับว่าขณะนี้กังวงว่าจะไม่ได้เงินคืน ซึ่งตนอยากให้ธนาคารรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ตนรู้สึกผิดหวังและไม่มั่นใจในระบบธนาคารของประเทศไทยแล้ว หลังจากนี้ ก็คงไม่ใช้บริการอีกต่อไป
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองพัทยา จากการรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก ตัวเลขยังไม่นิ่ง ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ มูลค่าที่ถูกโกงเงินไปนั้น 400 กว่าล้านบาท ตอนนี้เรื่องของคดีความอยู่ในขั้นตอนดำเนินการตามกฎหมาย